พิษคนใกล้ชิด รมต. กักตุนหน้ากากขายต่างประเทศฟันราคาสูงหลายเท่า “พี่ศรี” จี้ “ปชป.” พิจารณา “ถอนตัว” ถ้าอุดมการณ์ยังพอหลงเหลือ หลังแกนนำบางคนไลน์เดือด “หยุดพายเรือให้โจรนั่ง” ด้านเพจ “แม่ยก ปชป.” แฟนคลับ ชูมือสลอน “ถอนตัว” เช่นกัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งวันนี้ (10 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา ของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
นำเอาคำเปิดเผยของเจ้าตัว มาเผยแพร่ว่า “ตามที่โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนรายงานกรณีปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยกว่า 200 ล้านชิ้น โดยพยายามชี้ให้เห็นว่า มีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวโยงการกักตุนหน้ากากอนามัย และมีการส่งออกต่างประเทศ และมีการซื้อขายกันในราคาที่สูงกว่าราคาที่รัฐบาลควบคุมหลายเท่าตัวนั้น
ประเด็นดังกล่าว ตามที่ผู้สื่อข่าวหลายสำนักรายงานว่า ในกลุ่มไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีการโพสต์ข้อความในกรณีดังกล่าวเดือดกันทั้งวัน โดยมี ส.ส.บางท่านเสนอว่า ควรถอนตัวออกมาจากการร่วมรัฐบาล ขณะที่ ส.ส.หลายท่านก็หนุน และต้องทบทวน 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.บางท่านเล่นแรงถึงขั้นโพสต์ว่า “ถึงเวลาหยุดพายเรือให้โจรนั่ง”
กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เห็นด้วยกับพรรคประชาธิปัตย์ หากมีอุดมการณ์หลงเหลืออยู่บ้าง ที่จะได้ร่วมกันพิจารณาทบทวนการเข้าร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของคนประชาธิปัตย์เอง
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหัวหน้าพรรคนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ และมี ส.ส.อีกหลายคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ด้วยนั้น จะเอาด้วยหรือไม่ หรือเป็นเพียงพวกอิจฉาตาร้อน เพราะตนเองไม่มีตำแหน่งเลยฟาดงวงฟาดงาเล่นๆ ในกลุ่มไลน์ไปวันๆ เท่านั้น แต่หากพรรคประชาธิปัตย์กล้าถอนตัวออกมาจริง ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีของพรรคในอนาคต ที่จะปิดโอกาสเสี่ยงการสูญพันธุ์แน่นอน
แต่หากจะถอนตัวจริง ขอให้ หน.พรรค และ รมว.พาณิชย์ เคลียร์ปัญหาข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น และการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยที่ล้มเหลวในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เพราะประชาชนเขาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายในกันทุกวัน ว่า ไม่สามารถกระจายให้สถานพยาบาล ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ ได้ตามที่โฆษณาชวนเชื่อไว้
เพราะถ้าทิ้งเรือแป๊ะออกไปตอนนี้ ประชาชนเขาจะตำหนิได้ว่า เป็นพวกเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
ด้าน นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ “ติ๊งต่าง” เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ และแกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kanjanee Valyasevi ว่า
“ถาม : สถานการณ์การเมืองขณะนี้ แฟนคลับ ปชป.ต้องการให้พรรคทำอะไร
ต่อมามีผู้เข้าไปโพสต์ข้อความตอบว่า ให้ถอนตัว ดู นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นตัวอย่าง ถอนตัวออกจากการซบทหาร ลาออกจากการร่วมรัฐบาล เป็นต้น (ข้อมูลจากไทยโพสต์)
ทั้งนี้ เหตุการณ์ไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดือด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลา 12.58 น. โดย นายเจริญ คันธวงษ์ อดีต ส.ส.กทม.และ สมาชิกอาวุโส ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นในกลุ่มไลน์ “อดีต ส.ส.ปชป. ปี 62 ซึ่งมีสมาชิกรวม 169 คน ที่มีทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และ อดีต ส.ส.ของพรรค ว่า
“เรื่องคนใกล้ชิด รมช.กษ. คนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องขายหน้ากากอนามัย เป็นการส่งสัญญาณแล้วว่า มีคนไม่เหมาะสมเข้ามาร่วม ครม. เป็นนักการเมืองเลวอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยด่านักการเมืองตอนยึดอำนาจใหม่ๆ ปชป.ต้องเตือนอย่างแรง ว่า
หาก รมต.เช่นนี้ยังอยู่ใน ครม. ปชป.ขอลาออก เพราะรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ดังเช่น ปลายรัฐบาลชาติชาย มีแววว่าคนใน ครม.มีส่วนร่วมสร้างทางด่วน ดอนเมืองโทลล์เวย์ ผมก็เป็น รมช.เกษตรฯ อยู่ด้วย ท่านชวน หลีกภัย เตือนชาติชายแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปชป.ลาออกจาการร่วมรัฐบาล บิ๊กจ๊อดยึดอำนาจต้นปี 2534
ขณะที่ นายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.กทม. ระบุว่า “จัดหนักได้ใจ” โดย นายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานี และรองเลขาธิการพรรค ได้โพสต์ข่าวที่คอลัมนิสต์ “ปู จิตกร บุษบา” โพสต์แบนเนอร์ข่าว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องผู้ตรวจการฯ ให้เสนอนายกฯ ปลด รมว.พาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าภายใน
ตามด้วยแบนเนอร์ข่าวรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ที่ลงรูป ร.อ.ธรรมนัส ที่พูดตอนแถลงข่าวที่สภาฯ ตอนเช้า ว่า “หากมีพฤติกรรมกักตุนหน้ากากอนามัยจริง ถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายที่สุด รับไม่ได้” และข้อความที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “เมื่อนับถือโจรเป็นกัลยาณมิตร หากโจรจะขโมยหน้ากากอนามัยไปขาย ก็ธรรมดานี่ครับ ไม่เห็นแปลก สันดานโจรไง!!!”
จากนั้น นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ว่า “ครั้งนี้ควรพิจารณาการร่วมรัฐบาล” โดย นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ว่า “ความเห็นของ อ.เจริญ ต้องถามเพื่อน ส.ส.ของเราทุกคน ว่า เป็นพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง ผมขอทบทวนความจำนะครับ 1. รับนโยบายประกันรายได้ 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3. มีการทุจริตคอร์รัปชัน”
ตามมาด้วย นายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานี ที่ระบุว่า “ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำถามของพี่เทพไท ว่า เข้า 3 เงื่อนไขหรือไม่? ด้วยเหตุนี้แหละครับที่ผมและเพื่อนสมาชิกเข้าชื่อขอเปิดประชุมใหญ่ เพื่อให้สมาชิกมาแสดงความเห็นในปัญหาที่ได้เตรียมเอาไว้มากมายหลายประเด็นทั้ง 3 เงื่อนไขเลย ซึ่งผมและเพื่อนสมาชิกเห็นว่าหากไม่แก้ไข พรรคคงจะไปไม่รอด แต่หากที่ประชุมเห็นว่าคงไม่เป็นไร ต้องการร่วมรัฐบาลต่อไป ที่ประชุมก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมมีเจตนาเช่นนี้ครับ ที่ประชุมเอาไง ผมเอาด้วย”
ขณะที่ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ว่า “ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราคงจะต้องตัดสินใจไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้วครับ!”
ขณะที่ นายสามารถ ระบุต่อว่า “วันนั้นถ้าเราไม่ไว้ใจธรรมนัสสักคน เราจะดูดีมากในสายตาประชาชน ยกมือไปแต่หัวใจร้องไห้ พรรค ปชป.ถ้าไม่มีเรื่องอุดมการณ์ เราจะแข่งกับคนอื่นยากครับ จุดแข็งเรา คือ อุดมการณ์ ความศรัทธา ที่มีมากกว่าพรรคอื่น” (ข่าวไทยรัฐออนไลน์)
ที่ต้องยอมรับแล้วในเวลานี้ ก็คือ ประการแรก พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลโดยที่ความเห็นของ ส.ส.ในพรรคไม่เป็นเอกภาพ รวมทั้งสาวกจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วย
ประการต่อมา เกิดความแตกแยกในพรรคประชาธิปัตย์ ค่อนข้างสูง หลังตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลจากการตัดสินใจที่ไม่เป็นเอกฉันท์ ผลจากการแบ่งตำแหน่งทางการเมืองไม่ลงตัว ผลจากการพิจารณาตำแหน่งที่ไม่ได้กระจายไปทั่วถึงทุกกลุ่ม ฯลฯ จนเป็นเหตุให้แกนนำหลายคนลาออก เพื่อทางเลือกที่ดีกว่า และตั้งพรรคการเมืองใหม่
ส่วน ส.ส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล แม้ว่าจะยังอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ท่าทีก็ยังออกไปทางฝ่ายค้านในรัฐบาลอยู่ไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อรัฐบาลมีจุดผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม การแสดงออกภายในพรรคประชาธิปัตย์ จึงรุนแรง และเดือดเกินห้ามใจเสมอ และแน่นอน ย่อมเป็นคนละเรื่องกับการตัดสินใจในที่สุด ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร ฝ่ายที่อยู่ในอำนาจรัฐ จะเห็นด้วยกับกระแสเรียกร้องหรือไม่ นับว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง