ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ดรามากันอีก “คุณหญิงต้น”กลับจากญี่ปุ่นไม่ยอมกักตัว “ส.ส.จิตภัสร์”พลอยโดนหางเลข ขณะเจ้าตัวแจงตรวจร่างกายแล้ว ไม่พบความผิดปกติ
สังคมอุดมดรามาจริงๆ ท่ามกลางกระแสการระบาดของเชื้อไวรัส"โควิด-19" เมื่อชาวเน็ตจำนวนหนึ่งพากันแชร์ภาพ "ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี" มารดาของ "จิตภัสร์ กฤดากร" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว @piyapas ขณะไปเที่ยวย่านกินซา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จากนั้นอีก 4 วัน "ม.ล.ปิยาภัสร์" ก็ได้โพสต์ภาพขณะไปร่วมงานที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ่ายภาพร่วมกับดาราดังๆ หลายคน อาทิ มาริโอ้ เมาเร่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นิชคุณ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นต้น... เอาไปนินทาว่า “คุณหญิงต้น”ไม่กักตัวเอง 14 วัน หลังกลับจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงการระบาดของเชื้อ"โควิด-19" ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขมี ประกาศออกมาแล้ว
...เดือดร้อนไปถึง “ส.ส.ตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร ต้องมาตอบคำถามนักข่าวเรื่องนี้ โดยเธอบอกว่า ไม่รู้เรื่องเลย เพราะหลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ลงพื้นที่ภาคใต้ และ วันที่ 8 มี.ค. ก็อยู่ที่ฉะเชิงเทรา จึงยังไม่เจอคุณแม่เลย ที่ผ่านมาแม่ก็บ่นว่า ไม่มีเวลาให้ อีกทั้งอยู่บ้านคนละหลัง จึงไม่ทราบเรื่องที่แม่ไปญี่ปุ่น
...ล่าสุดช่วงเย็นวานนี้ (8 มี.ค.) "ม.ล.ปิยาภัสร์" ได้ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ตามที่สื่อมีการระบุว่า ดิฉันไม่ได้กักตัว หลังจากเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นนั้น หลังกลับมา ได้ไปตรวจร่างกายแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ไม่มีไข้ ไม่มีสิ่งผิดปกติ เข้าใจถึงความห่วงใยในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ขอเป็นกําลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่าย ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการป้องกันและรับมือ ขอให้ประเทศเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี”
...จะว่าไป คนที่ก่อดราม่าเรื่องนี้ อาจจะจำไทม์ไลน์ หรือลำดับเวลาสับสนหรืออย่างไรมิทราบ นั่นเพราะโดยข้อเท็จจริง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้โรคติดเชื้อ"โควิด- 19" เป็นโรคติดต่ออันตราย ที่ประชาชนจะต้องระมัดระวังป้องกันอย่างเข้มงวดนั้น ก็เพิ่งลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 มีนาคม 2563
ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุขอีกฉบับ เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อ"โควิด 19" จำนวน 4 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ จีน อิตาลี และอิหร่าน ซึ่งจะต้องมีการกักตัวคนที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าวนั้น ก็ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 6 มีนาคม 2563 แถมไม่มีประเทศญี่ปุ่นอีก จะว่า“คุณหญิงต้น” ไม่ทำตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ก็คงจะไม่ถูก ... แต่ด้วยความหวาดกลัวเจ้าเชื้อ"โควิด-19" ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้“คุณหญิงต้น” จะเดินทางไปญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก็เลยมีคนจับไปสร้างดรามาขึ้นมาจนได้ ... เรื่องราวก็เป็นมาเช่นนี้แล
*เจ็บมั้ย ? ร้านขายยาตบหน้า "จุรินทร์" อย่างจัง ไม่เคยได้รับปันส่วนหน้ากากอนามัยแม้แต่ชิ้นเดียว งานนี้ชักยังไง!!
เหมือนตบหน้า"พาณิชย์" อย่างแรง! ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนรึเปล่า งานนี้ เมื่อ"สมาคมร้านขายยา" ร่อนแถลงการณ์ บอกว่า จากที่มีข่าวออกสื่อปาวๆ ว่า "กรมการค้าภายใน" จัดสรร "หน้ากากอนามัย" ให้แก่สมาคมร้านขายยา วันละ 25,000 ชิ้น เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่ต้องการ
วันละ 25,000 ชิ้น!ไม่มากไม่น้อยแต่... สมาคมร้านขายยา บอกว่า" ยังไม่เคยได้รับ" หน้ากากอนามัย จากกรมการค้าภายใน เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เพื่อความยุติธรรม ตลอดจนลดแรงกดดัน และเพื่อให้สมาคมร้านขายยา ที่มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ ช่วยลดช่องว่าง ช่วยแบ่งเบาภาระทางราชการในการป้องกันไวรัส COVID-19 สมาคมร้านขายยา ขอเรียกร้อง กรมการค้าภายในและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง...
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กับกรมการค้าภายใน แต่จุกแทนจริงๆ งานนี้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น
ฟังว่า แรกๆ คนใหญ่คนโตกรมการค้าภายในจู่ๆ ก็หาย ไลน์ไม่ตอบ ไปเลย แต่ตอนหลังมีประกาศชี้แจงมาว่า ได้ให้โรงงานจัดสรรไปให้ตามโควต้า แต่ให้ร้านขายยาโดยตรงไม่ผ่านสมาคมฯ
ต้องบอกว่า ที่ผ่านมา การรับมือและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ไทยได้รับการยอมรับเรื่องมาตรการคัดกรอง และ การรักษา ถือเป็นมาตรฐานสากล มีประสิทธิภาพในระดับที่มั่นใจได้ แม้จะมีกรณี "ผีน้อย" บางส่วนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพิ่มงานให้เจ้าหน้าที่ เหนื่อยหนักขึ้นไปอีกก็ยังถือว่า "เอาอยู่"
แต่สำหรับการแก้ปัญหาพื้นฐานอย่างการป้องกัน... เรื่อง"หน้ากากอนามัย" ที่แหละถือว่า "ห่วยได้โล่" เป็นปัญหามาตั้งแต่แรกๆ จนวันนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ "เอาไม่อยู่" สักที ถูก "ตั้งคำถาม" จากประชาชนไม่จบ สังคมก่นประณาม "พาณิชย์" กลายเป็น"จุดอ่อน" ของรัฐบาล ที่ดูเหมือนจะพากันซวยทั้งคณะ
เรื่องนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ " ต้องรับไปเต็มๆ หมดสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบ ทั้งการกักตุน ขายเกินราคา การขาดแคลน หาซื้อไม่ได้ แพทย์-เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล ประชาชนทั่วไปอยู่ในอารมณ์เดียวกันคือ "หดหู่" กับภาวะการจัดการหน้ากากอนามัย !!
น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า พาณิชย์ก็เห็นปัญหาอยู่ทนโท่ มีรายชื่อโรงงานผลิต รู้เส้นทาง รู้ปริมาณการผลิต รู้สต๊อก สืบไม่ยาก ใครกักตุน ใครโก่งราคา ฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาขน แต่ทำไม "เอาไม่อยู่"
เห็นได้ชัดว่า ก่อนจะประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม เจ้ากระทรวงพาณิชย์ยังประกาศมั่นอกมั่นใจว่า สต๊อกหน้ากากอนามัยมีพอแน่ แต่หลังประกาศปุ๊บ หน้ากากอนามัยที่ว่ามีเป็นหลายล้านชิ้น หายวับไปกับตา !
หน้ากากอนามัยหายไปไหน ? พาณิชย์ ก็ควรต้องรู้ ตัวเลขที่แบ่งปันให้โรงพยาบาล การบินไทย หน่วยงานสาธารณสุข ร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อ เหล่านี้แค่จิ๊บๆ
นี่หรือไม่ที่ โซเชียลฯ จะแฉว่า หน้ากากอนามัยติดฉลากไทย ทำไมไปโผล่ที่จีน ทั้งๆ ที่บ้านเราหาซื้อไม่ได้ !!
สงสารก็แต่ข้าราชการ-เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ที่ทำงานกันวุ่น ในการแบ่งสันปันส่วนของเท่าที่มี พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วยเหลือสังคมอย่างที่สุด แต่ต้องมาแบกรับความกดดันแทนความไม่ได้เรื่องของท่านๆ ทั้งหลาย
ยิ่งเห็นข่าวต่างประเทศที่ไวรัส โควิด-19 ระบาด ยกตัวอย่างที่จีน และไต้หวัน รัฐบาลเขาติดตั้งเครื่องแจกหน้ากากอนามัย N95 ที่แพทย์ระบุป้องกันเชื้อไวรัสประสิทธิภาพได้ดีที่สุดให้เลยฟรีๆ
จุดประสงค์ของเขา เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกคนสามารถเข้าถึงหน้ากากท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสได้อย่างเท่าเทียม
เห็นหรือยังว่า เรื่องการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่มองข้ามได้
อย่าดูเบาว่า นี่ก็แค่หน้ากาก อย่าลืมบทเรียนในอดีต "วิกฤตศรัทธา" ของคนในสังคมต่อรัฐบาล ก็มักจะเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวแบบนี้เอง และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากยังทำงานแบบนี้
และไม่ต้องแปลกใจ ที่สื่อสังคมจะพากันประโคมกระแส เรียกร้องให้รัฐเอาเงินที่จะใช้ใน "แพกเกจ" มาตรการเยียวยาช่วยเหลือผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไปจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัย ให้เจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ก่อนดีมั้ย
เรียกว่า ผลงานพาณิชย์ไปทำให้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังไงๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ อุปมาเหมือน "คนป่วยไข้ที่ต้องการยา" ยังไงก็ต้องป้อนละ ธุรกิจหลายภาคส่วน ห่วงโซ่ของคนที่เกี่ยวโยง ทั้งการจ้างงาน ตกงาน ขาดรายได้ เดือดร้อนกันจริงๆ
งานนี้ รมว.จุรินทร์ จะต้องมีคำตอบให้ประชาชน เผลอๆ ต้องตอบ ครม.ร่วมคณะด้วย.
-----------
รูป--ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
** ดรามากันอีก “คุณหญิงต้น”กลับจากญี่ปุ่นไม่ยอมกักตัว “ส.ส.จิตภัสร์”พลอยโดนหางเลข ขณะเจ้าตัวแจงตรวจร่างกายแล้ว ไม่พบความผิดปกติ
สังคมอุดมดรามาจริงๆ ท่ามกลางกระแสการระบาดของเชื้อไวรัส"โควิด-19" เมื่อชาวเน็ตจำนวนหนึ่งพากันแชร์ภาพ "ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี" มารดาของ "จิตภัสร์ กฤดากร" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว @piyapas ขณะไปเที่ยวย่านกินซา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จากนั้นอีก 4 วัน "ม.ล.ปิยาภัสร์" ก็ได้โพสต์ภาพขณะไปร่วมงานที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ่ายภาพร่วมกับดาราดังๆ หลายคน อาทิ มาริโอ้ เมาเร่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นิชคุณ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นต้น... เอาไปนินทาว่า “คุณหญิงต้น”ไม่กักตัวเอง 14 วัน หลังกลับจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงการระบาดของเชื้อ"โควิด-19" ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขมี ประกาศออกมาแล้ว
...เดือดร้อนไปถึง “ส.ส.ตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร ต้องมาตอบคำถามนักข่าวเรื่องนี้ โดยเธอบอกว่า ไม่รู้เรื่องเลย เพราะหลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ลงพื้นที่ภาคใต้ และ วันที่ 8 มี.ค. ก็อยู่ที่ฉะเชิงเทรา จึงยังไม่เจอคุณแม่เลย ที่ผ่านมาแม่ก็บ่นว่า ไม่มีเวลาให้ อีกทั้งอยู่บ้านคนละหลัง จึงไม่ทราบเรื่องที่แม่ไปญี่ปุ่น
...ล่าสุดช่วงเย็นวานนี้ (8 มี.ค.) "ม.ล.ปิยาภัสร์" ได้ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ตามที่สื่อมีการระบุว่า ดิฉันไม่ได้กักตัว หลังจากเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นนั้น หลังกลับมา ได้ไปตรวจร่างกายแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ไม่มีไข้ ไม่มีสิ่งผิดปกติ เข้าใจถึงความห่วงใยในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ขอเป็นกําลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่าย ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการป้องกันและรับมือ ขอให้ประเทศเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี”
...จะว่าไป คนที่ก่อดราม่าเรื่องนี้ อาจจะจำไทม์ไลน์ หรือลำดับเวลาสับสนหรืออย่างไรมิทราบ นั่นเพราะโดยข้อเท็จจริง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้โรคติดเชื้อ"โควิด- 19" เป็นโรคติดต่ออันตราย ที่ประชาชนจะต้องระมัดระวังป้องกันอย่างเข้มงวดนั้น ก็เพิ่งลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 มีนาคม 2563
ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุขอีกฉบับ เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อ"โควิด 19" จำนวน 4 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ จีน อิตาลี และอิหร่าน ซึ่งจะต้องมีการกักตัวคนที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าวนั้น ก็ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 6 มีนาคม 2563 แถมไม่มีประเทศญี่ปุ่นอีก จะว่า“คุณหญิงต้น” ไม่ทำตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ก็คงจะไม่ถูก ... แต่ด้วยความหวาดกลัวเจ้าเชื้อ"โควิด-19" ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้“คุณหญิงต้น” จะเดินทางไปญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก็เลยมีคนจับไปสร้างดรามาขึ้นมาจนได้ ... เรื่องราวก็เป็นมาเช่นนี้แล
*เจ็บมั้ย ? ร้านขายยาตบหน้า "จุรินทร์" อย่างจัง ไม่เคยได้รับปันส่วนหน้ากากอนามัยแม้แต่ชิ้นเดียว งานนี้ชักยังไง!!
เหมือนตบหน้า"พาณิชย์" อย่างแรง! ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนรึเปล่า งานนี้ เมื่อ"สมาคมร้านขายยา" ร่อนแถลงการณ์ บอกว่า จากที่มีข่าวออกสื่อปาวๆ ว่า "กรมการค้าภายใน" จัดสรร "หน้ากากอนามัย" ให้แก่สมาคมร้านขายยา วันละ 25,000 ชิ้น เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่ต้องการ
วันละ 25,000 ชิ้น!ไม่มากไม่น้อยแต่... สมาคมร้านขายยา บอกว่า" ยังไม่เคยได้รับ" หน้ากากอนามัย จากกรมการค้าภายใน เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เพื่อความยุติธรรม ตลอดจนลดแรงกดดัน และเพื่อให้สมาคมร้านขายยา ที่มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ ช่วยลดช่องว่าง ช่วยแบ่งเบาภาระทางราชการในการป้องกันไวรัส COVID-19 สมาคมร้านขายยา ขอเรียกร้อง กรมการค้าภายในและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง...
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กับกรมการค้าภายใน แต่จุกแทนจริงๆ งานนี้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น
ฟังว่า แรกๆ คนใหญ่คนโตกรมการค้าภายในจู่ๆ ก็หาย ไลน์ไม่ตอบ ไปเลย แต่ตอนหลังมีประกาศชี้แจงมาว่า ได้ให้โรงงานจัดสรรไปให้ตามโควต้า แต่ให้ร้านขายยาโดยตรงไม่ผ่านสมาคมฯ
ต้องบอกว่า ที่ผ่านมา การรับมือและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ไทยได้รับการยอมรับเรื่องมาตรการคัดกรอง และ การรักษา ถือเป็นมาตรฐานสากล มีประสิทธิภาพในระดับที่มั่นใจได้ แม้จะมีกรณี "ผีน้อย" บางส่วนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพิ่มงานให้เจ้าหน้าที่ เหนื่อยหนักขึ้นไปอีกก็ยังถือว่า "เอาอยู่"
แต่สำหรับการแก้ปัญหาพื้นฐานอย่างการป้องกัน... เรื่อง"หน้ากากอนามัย" ที่แหละถือว่า "ห่วยได้โล่" เป็นปัญหามาตั้งแต่แรกๆ จนวันนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ "เอาไม่อยู่" สักที ถูก "ตั้งคำถาม" จากประชาชนไม่จบ สังคมก่นประณาม "พาณิชย์" กลายเป็น"จุดอ่อน" ของรัฐบาล ที่ดูเหมือนจะพากันซวยทั้งคณะ
เรื่องนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ " ต้องรับไปเต็มๆ หมดสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบ ทั้งการกักตุน ขายเกินราคา การขาดแคลน หาซื้อไม่ได้ แพทย์-เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล ประชาชนทั่วไปอยู่ในอารมณ์เดียวกันคือ "หดหู่" กับภาวะการจัดการหน้ากากอนามัย !!
น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า พาณิชย์ก็เห็นปัญหาอยู่ทนโท่ มีรายชื่อโรงงานผลิต รู้เส้นทาง รู้ปริมาณการผลิต รู้สต๊อก สืบไม่ยาก ใครกักตุน ใครโก่งราคา ฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาขน แต่ทำไม "เอาไม่อยู่"
เห็นได้ชัดว่า ก่อนจะประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม เจ้ากระทรวงพาณิชย์ยังประกาศมั่นอกมั่นใจว่า สต๊อกหน้ากากอนามัยมีพอแน่ แต่หลังประกาศปุ๊บ หน้ากากอนามัยที่ว่ามีเป็นหลายล้านชิ้น หายวับไปกับตา !
หน้ากากอนามัยหายไปไหน ? พาณิชย์ ก็ควรต้องรู้ ตัวเลขที่แบ่งปันให้โรงพยาบาล การบินไทย หน่วยงานสาธารณสุข ร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อ เหล่านี้แค่จิ๊บๆ
นี่หรือไม่ที่ โซเชียลฯ จะแฉว่า หน้ากากอนามัยติดฉลากไทย ทำไมไปโผล่ที่จีน ทั้งๆ ที่บ้านเราหาซื้อไม่ได้ !!
สงสารก็แต่ข้าราชการ-เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ที่ทำงานกันวุ่น ในการแบ่งสันปันส่วนของเท่าที่มี พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วยเหลือสังคมอย่างที่สุด แต่ต้องมาแบกรับความกดดันแทนความไม่ได้เรื่องของท่านๆ ทั้งหลาย
ยิ่งเห็นข่าวต่างประเทศที่ไวรัส โควิด-19 ระบาด ยกตัวอย่างที่จีน และไต้หวัน รัฐบาลเขาติดตั้งเครื่องแจกหน้ากากอนามัย N95 ที่แพทย์ระบุป้องกันเชื้อไวรัสประสิทธิภาพได้ดีที่สุดให้เลยฟรีๆ
จุดประสงค์ของเขา เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกคนสามารถเข้าถึงหน้ากากท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสได้อย่างเท่าเทียม
เห็นหรือยังว่า เรื่องการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่มองข้ามได้
อย่าดูเบาว่า นี่ก็แค่หน้ากาก อย่าลืมบทเรียนในอดีต "วิกฤตศรัทธา" ของคนในสังคมต่อรัฐบาล ก็มักจะเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวแบบนี้เอง และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากยังทำงานแบบนี้
และไม่ต้องแปลกใจ ที่สื่อสังคมจะพากันประโคมกระแส เรียกร้องให้รัฐเอาเงินที่จะใช้ใน "แพกเกจ" มาตรการเยียวยาช่วยเหลือผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไปจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัย ให้เจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ก่อนดีมั้ย
เรียกว่า ผลงานพาณิชย์ไปทำให้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังไงๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ อุปมาเหมือน "คนป่วยไข้ที่ต้องการยา" ยังไงก็ต้องป้อนละ ธุรกิจหลายภาคส่วน ห่วงโซ่ของคนที่เกี่ยวโยง ทั้งการจ้างงาน ตกงาน ขาดรายได้ เดือดร้อนกันจริงๆ
งานนี้ รมว.จุรินทร์ จะต้องมีคำตอบให้ประชาชน เผลอๆ ต้องตอบ ครม.ร่วมคณะด้วย.
-----------
รูป--ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์