ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
หลักสูตร Ph.D. & M.Sc. in Business Analytics and Data Science
หลักสูตร Ph.D. & M.Sc. in Applied Statistics
สาขาวิชา Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
หลักสูตร Ph.D. & M.Sc. in Business Analytics and Data Science
หลักสูตร Ph.D. & M.Sc. in Applied Statistics
สาขาวิชา Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
องค์การอนามัยโลกและจีนคาดว่า COVID 19 จะระบาดไปทั่วโลก และการระบาดก็ระบาดไปได้ไกลมากทั้งโลก จีนเองถึงกับพูดออกมาว่าเมื่อจีนหมดปัญหาการระบาดของ COVID 19 แล้วทุกชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจะเจอปัญหาการระบาดของ COVID 19 อย่างหนักอย่างที่จีนเจอมาก่อน
จริงๆ มีหลายปัจจัยที่ทำให้ COVID 19 ระบาดไปได้รุนแรง
ข้อแรก COVID 19 เป็นไวรัสที่ระบาดไปได้แม้ผู้ที่ได้รับเชื้อมายังไม่แสดงอาการใด ๆ เลย และไวรัส COVID 19 ที่กำลังฟักตัว (Dormancy period) ในคน ๆ หนึ่งก็สามารถแพร่ไปได้ทั่วแล้ว ดังกรณีคุณป้าเมืองแทกูในเกาหลีใต้ที่เป็นอภิมหาพาหะ (Super carrier) เพราะยังไม่แสดงอาการป่วยใด ๆ ก็แพร่โรคไปให้คนได้นับพันคน
ข้อสอง ประชากรโลกและจีนเองมีการเดินทางข้ามไปมาทั่วโลกอย่างมหาศาล เช่น พลเมืองอู่ฮั่นมากกว่าห้าล้านคนได้ออกไปนอกเมืองอู่ฮั่นก่อนที่จะมีการปิดเมืองเสียอีก หรือที่พนักงานบนเครื่องบินของสายการบินเกาหลีที่ติด COVID 19 และไม่รู้ตัวได้เดินทางไปทั่วโลก สมัยนี้การเดินทางในประเทศและนอกประเทศทั่วโลกทำไปได้อย่างสะดวกมาก
ข้อสาม การติดต่อของไวรัส COVID 19 ติดต่อได้ง่าย ไม่ว่าจะการสัมผัส การหายใจรดกัน การจับสิ่งของต่าง ๆ แม้กระทั่งกดปุ่มลิฟท์ และธนบัตร ก็เป็นช่องทางการติดโรคนี้ได้ทั้งนั้น
ตัวแบบพยากรณ์การระบาดของโรคไวรัสต่างๆ เช่น SIR model ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขสามตัวหลักๆ คือ จำนวนผู้ที่ต้องเฝ้าระวัง (number of susceptible people: S(t)), จำนวนผู้ติดเชื้อ (number of people infected: I(t)), และจำนวนผู้ที่หายป่วย (number of people who have recovered: R(t)) ซึ่งใช้สมการอนุพันธ์ (Differential equation) ในการคำนวณ แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของ COVID 19 เป็นสมการ exponential ที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วตามระยะเวลา และสถิติการระบาดในจีนก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
จึงอาจจะกล่าวได้ว่า COVID 19 เป็นมหาโรคระบาด (Pandemic) ที่ไม่ได้เกิดในโลกนี้มานานแล้ว มหาโรคระบาดในอดีตได้แก่ กาฬโรค และไข้หวัดใหญ่สเปนที่ทำให้มีคนเสียชีวิตเมื่อระบาดใหญ่นับร้อยล้านคน
อย่างไรก็ตามอัตราการตาย (Fatality rate) ของ COVID 19 นั้นไม่ได้สูงมาก และต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ (Flu) ที่เรารู้ ๆ กันอยู่ด้วยซ้ำ อีกทั้งขณะนี้จีนก็ค้นพบยารักษา COVID 19 แล้ว คือยาต้านไวรัสฟาวิลาเวียร์ (Favilavir) ซึ่งได้ทดลองแบบ Clinical trial แล้วได้ผลดี มีผลกระทบน้อย น่าจะเป็นความหวังในการลดอัตราการตายจาก COVID 19 ลงไปได้อีก
อย่างไรก็ตาม ความตระหนกในเรื่องดังกล่าวได้แผ่ขยายออกไปรุนแรงมาก มีการขาดแคลนอุปกรณ์และของใช้ที่จำเป็นเช่น เจลล้างมือและหน้ากากอนามัย ทำให้ราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ทำให้คนลดการเดินทางออกจากบ้านไปที่สาธารณะ ลดการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ เริ่มมีประกาศไม่ให้เดินทางไปประเทศโน้น ประเทศนี้ และที่ยอกย้อนคือมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งจากประเทศที่เราบอกว่าไม่ควรเดินทางไป มาเดินกันให้ว่อนในบ้านเรา มองดูแล้วก็ขำขันเล็กน้อย แต่สักพักคงเกิดภาวะที่ ประเทศ ก ห้ามคนของประเทศ ก ไปประเทศ ข และประเทศ ข เองก็ห้ามคนของประเทศ ข ไปประเทศ ก วนกันไปมาให้วุ่นวาย เพราะ COVID 19 ระบาดหนักมาก
สิ่งที่หนักมากคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้น แม้ไม่มี COVID 19 เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกก็จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic recession) ตามวัฏจักรธุรกิจ (Business cycle) อยู่แล้ว มาเจอมหาโรคระบาดแบบ COVID 19 ก็ยิ่งหนัก
ผลของมหาโรคระบาด COVID 19 ในจีนเป็นอย่างที่ South China Morning Post รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing - Purchasing manager’s index: PMI) ลดลงเหลือ 35.7 ในเดือนกุมภาพันธ์จาก 50.0 ในเดือนมกราคม และต่ำยิ่งกว่าเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในเดือนพฤศจิกายน 2008 นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ไม่ใช่ภาคการผลิต (Non-manufacturing purchasing manager’s index) ซึ่งวัดอารมณ์ทางเศรษฐกิจในภาคบริการและการก่อสร้างก็ตกลงจาก 54.1 ในเดือนมกราคมมาเป็น 29.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งตกต่ำที่สุดนับจากที่เคยตกต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายน 2011
ธุรกิจจีนต้องเผชิญปัญหาการยกเลิกการนำเข้าและส่งออกมากเหลือเกิน มีการยกเลิกคำสั่งซื้อจำนวนมาก และเศรษฐกิจจีนเกิดการถดถอยอย่างแรง การถดถอยทางเศรษฐกิจทำให้อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นมากในจีน ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะมาจากจีนและที่จะส่งไปจีนกองเป็นพะเนินเทินทึกตามท่าเรือต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะ COVID 19 ทำให้ทุกอย่างชะลอไปทั้งหมด
ผลการระบาดของ COVID 19 ทำให้ไทยเราได้รับผลกระทบแล้วอย่างมาก GDP ภาคการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบหนัก GPD ภาคท่องเที่ยวของเราประมาณ 18% ของ GDP รวม และมาจากนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 30% หากนักท่องเที่ยวจีนหายไปหมดเลยทั้งปี GDP ก็จะหายไปเกือบ 6% ปีก่อน GDP ไทยเราโตประมาณ 2.4% ถ้าเป็นเช่นว่าน่าจะทำให้ GDP ไทยติดลบราว 4.6% ซึ่งหนักหนามาก โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว สถานบริการ สายการบิน รถทัวร์ ไกด์ เริ่มว่างงาน เริ่มไม่มีลูกค้าและเริ่มปิดตัว
ผลของการระบาดของ COVID 19 หากประเทศไทยเราเข้าเฟสสามนั้น จะมีผลมาก สิ่งที่ผมกลัว คือเมื่อ COVID 19 ระบาดหนักในไทย ไทยเราอาจจะต้องปิดเมือง หรือไม่ต้องปิดเมือง ก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวที่ไหนมาก GDP. ท่องเที่ยวไทย 18% จะเหลือสักแค่ไหน แต่ที่หนักกว่าคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ก็จะกระทบไปด้วยหมด นักท่องเที่ยวมาบ้านเราหายไปหมด คนเคยปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงหมู ปลา ไก่ ปลูกผลไม้ให้นักท่องเที่ยวกินย่อมได้รับความกระทบกระเทือน อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งหดตัวคนไม่เดินทาง แล้วอุตสาหกรรมพลังงานก็จะหดตัวเช่นกัน เมื่อคนไม่มีรายได้ งานหายไป ก็จะเกิดหนี้เสีย ที่เคยผ่อนรถผ่อนบ้านอยู่ก็จะผ่อนไม่ไหว เกิดหนี้เสีย ส่งผลต่ออุตสาหกรรมธนาคาร ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องกันไปทอด ๆ ไปทั้งห่วงโซ่อุปทาน
หากเป็นเช่นนี้จริง GDP จะติดลบ 15-18% น่าจะมีคนตกงานเพียบ คนจะจนฉับพลันลำบาก จะอยู่กันอย่างไร ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่เกิดอย่างที่คิด ถ้านักท่องเที่ยวหายหมด (ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวจีน 30%
ทางออกสำคัญสุดคือการควบคุมโรค COVID 19 ให้ได้ผล ให้เกิดการระบาดให้น้อยที่สุดและช้าที่สุด พยายามไม่ให้ประเทศไทยเข้าสู่เฟสสามได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นผลกระทบจะลุกลามต่อเศรษฐกิจมากเหลือเกิน โดยจะลุกลามไปตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สำหรับประชาชน ต้องไม่โกหกแพทย์เกี่ยวกับการเดินทาง อาการเจ็บป่วย เพื่อให้รักษาและควบคุมโรคได้ทันท่วงที อย่าทำตัวแบบป้าเมืองแทกูหรือปู่ย่าดอนเมือง ที่ทำให้สังคมและคนอื่น ๆ เดือดร้อน
อย่าตื่นตูมจนเกินเหตุ ใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงปกติที่สุด ระมัดระวัง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ ถ้ากระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือในการควบคุมโรค ก็ต้องให้ความร่วมมืออย่างดี ให้พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้ลุกลามระบาดหนักแบบอิตาลีหรือเกาหลีหรือญี่ปุ่น ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก GDP จะติดลบหนักได้ และคนก็จะตกงานมากได้ หรือเกิดหนี้เสียได้ง่ายขึ้นเพราะคนขาดรายได้ จ่ายหนี้ไม่ไหว