โดย ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนอย่างรวดเร็วล่วงเลยมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนม.ค.ที่มีการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นและเขตเมืองต่างๆในมณฑลหูเป่ยพร้อมๆกับการประกาศสงครามต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 เป็นสัญญาณได้ว่าความรุนแรงของการแพร่ระบาดนั้นมีมากเพียงใด ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เศรษฐกิจจุลภาคกระทบไปถึงมหภาค เพราะการหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ได้ผลที่สุดคือ การหยุดและยับยั้งการเดินทางของผู้คนในช่วงนี้ การปิดเมือง ปิดถนน หลายพื้นที่ปิดหมู่บ้านไม่ให้เข้าออกอย่างเสรี ยกเลิกกิจกรรมสังคม ปิดสถานบันเทิง โรงหนังและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น ส่วนห้างร้านต่างๆที่ยังเปิดบริการอยู่แต่ก็ซบเซามาก จะมีแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่กิจการดีหน่อยร้านอาหารหลายร้านต้องปรับตัวหันมาเปิดบริการขายทางออนไลน์มากขึ้น
ในเวลานี้ธุรกิจหลายอย่างต้องปรับตัวกันอยู่ไม่น้อยเพื่อการอยู่รอด เพื่อนของผู้เขียนเองเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาจีนที่ปักกิ่ง บอกกับผู้เขียนว่าพิษไวรัสโคโรนานี้กระทบต่อกิจการอย่างมาก ต้องจ่ายเงินเดือนลูกน้องและครูสอนภาษาตามปกติ ค่าเช่าออฟฟิศรายเดือนยังต้องจ่าย ส่วนรายได้แทบไม่มีเข้ามาเลยเพราะนักเรียนหายหมด ไม่มีคนมาลงทะเบียน ตอนนี้กำลังปรับไปเป็นการสอนออนไลน์ก็ไม่ง่ายเพราะหลายเจ้าก็หันมาเปิดสอนออนไลน์ทำให้การแข่งขันสูง จากการระบาดเชื้อไวรัสฯเป็นวงกว้างที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของประชาชนอยู่ในขณะนี้ทำให้หลายคนเริ่มกลัว ระแวง และรอบคอบในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น บริษัทขนาดเล็กที่มีสายป่านไม่ยาวพอจะเกิดวิกฤติได้เร็วขึ้น อาจจะมีการลดเงินเดือนไปจนถึงการปลดพนักงาน
ทั้งนี้มีผลวิจัยที่น่าสนใจจากสถาบันธุรกิจและบริหารของมหาวิทยาลัยชิงหัวในปักกิ่งได้ทำการสำรวจบริษัทเอกชนขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ 212 บริษัทในจำนวนนี้มี 114 บริษัทเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และมากกว่าครึ่งเป็นบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน โดยการสำรวจมีคำถามทั้งหมด 26 คำถามเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาต่อกลุ่มธุรกิจ ผู้เขียนขอเลือกประเด็นที่น่าสนใจมาแชร์ดังนี้
คำถามที่ 1: ภายใต้ความกดดันจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ระบาดและประทุอย่างฉับพลันนี้ ท่านคิดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคมากแค่ไหน?
ผลสำรวจ: บริษัทเอกชนที่ร่วมการสำรวจมากกว่า 75.47เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าไวรัสโคโรนาระบาดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างมากที่สุด, 19.34 เปอร์เซ็นต์เห็นว่ากระทบเล็กน้อย, 4.25 เปอร์เซ็นต์เห็นว่ายังไม่สามารถบอกได้, และมีเพียง 0.94 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่าไม่มีผลกระทบ
คำถามที่ 2: ไวรัสโคโรนากระทบต่อธุรกิจของท่านหรือไม่?
ผลสำรวจ:หลายบริษัทใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำที่มีรากฐานดี ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแต่ละบริษัทมีไม่เท่ากัน ผลสำรวจแสดงว่า 58.02 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าไวรัสโคโรนากระทบต่อบริษัทตนเอง, 32.08 เปอร์เซ็นต์เห็นว่ากระทบเล็กน้อย, 5.66 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้, และมี 4.25 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าการระบาดไวรัสโคโรนากลับส่งผลดีกับบริษัทตน (สินค้าหรือบริการขายดีขึ้น)
คำถามที่ 3: จากการระบาดของไวรัสโคโรนากระทบกับธุรกิจอย่างไร?
ผลสำรวจ: 56.13 เปอร์เซ็นต์ได้รับผลกระทบจากนโยบายเลื่อนการกลับมาทำงานออกไป, 41.8 เปอร์เซ็นต์กระทบจากคำสั่งซื้อสินค้าน้อยลง, 29.72 เปอร์เซ็นต์กระทบจากต้นทุนของพนักงาน, 25.94 เปอร์เซ็นต์กระทบจากการขาดสภาพคล่อง, 21.23 เปอร์เซ็นต์กระทบจากพนักงานไม่เพียงพอ, 16.04 เปอร์เซ็นต์กระทบจากค่าเช่าและค่าดูแลรักษา, 11.79 เปอร์เซ็นต์กระทบกับความเสี่ยงเงินกู้ที่ต้องแบกรับ
คำถามที่ 4: หลังจากการประกาศให้กลับมาทำงานตามปกติ คาดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นฟูธุรกิจและการผลิตให้กลับมาดังเดิม?
ผลสำรวจ: 37.26 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนขึ้นไป, 27.36 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าใช้เวลาสองสัปดาห์, 15.57 เปอร์เซ็นต์คิดว่าต้องใช้เวลาสามสัปดาห์, และ 19.81 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าใช้เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ก็เพียงพอ
จากผลสำรวจบริษัทเอกชนจีนในบางประเด็นที่ผู้เขียนหยิบยกมาจะเห็นว่า ธุรกิจภาคเอกชนส่วนใหญ่ของจีนได้รับผลกระทบจากไวรัสฯเข้าอย่างจัง ทั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์ของจีนประเมินกันว่า จีดีพีจีนปีนี้ทั้งปีจะลดลงอีก 0.5-1 เปอร์เซ็นต์โดยในต้นปีอาจจะกระทบมากหน่อย เมื่อมาตรการยังยั้งไวรัสฯระบาดส่งผลในช่วงปลายปี เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องมีมาตรการออกมารองรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ จากผลสำรวจข้างต้นบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลช่วยลดภาษีรายได้ รองลงมาคือลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มบริษัทเอกชนมากขึ้น
ภาคธุรกิจที่ได้รับผลดีจากเหตุการณ์นี้ก็มีไม่น้อย หลายธุรกิจพลิกวิกฤติเป็นโอกาส อย่างธุรกิจในภาคยาและเครื่องมือการแพทย์ ธุรกิจไอที ภาคอี-คอมเมิร์ช ภาคโลจิสติกส์ เป็นต้น ที่ได้รับอานิสงส์มากทีเดียว มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจยาและการแพทย์อาจจะเติบโตขึ้นได้มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์
สำหรับการประเมินสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดในจีนจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศที่มีการพึ่งพาเศรษฐกิจจีนอย่างสูง อย่างเช่นประเทศไทยของเรา ภาคการท่องเที่ยวไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างสูง สถิติล่าสุดระบุว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเกี่ยวโยงกับธุรกิจและบริการหลายประเภท หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผู้เขียนสังเกตว่าผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไทยเริ่มได้รับผลกระทบกันบ้างแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องของเวลาที่เราต้องรอและในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องปรับตัวกันบ้างแล้ว นักท่องเที่ยวจีนจะไปไทยมากขึ้นก็ต่อเมื่อสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดในประเทศจีนสงบลงและสภาวะเศรษฐกิจในจีนกลับมาเหมือนเดิม ผู้เขียนเห็นว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มไปไทยมากเหมือนแต่ก่อนได้นั้น ไม่ใช่แค่สถานการณ์โรคระบาดดีขึ้น แต่เงินในกระเป๋าคนจีนต้องกลับมาดีเหมือนเดิมด้วย
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ แถลงรายงานคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของจีนจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และช่วงนี้ในอู่ฮั่นเริ่มควบคุมการระบาดได้แล้ว คาดว่าภาคการผลิตจีนจนถึงสิ้นเดือนนี้จะกลับมาทำการต่อได้ 60-80 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นปลายมี.ค.จะกลับสู่ภาวะปกติ เมื่อกำลังการผลิตกลับมาเหมือนเดิมแล้ว สถานการณ์การค้าโลกก็จะกลับมาเหมือนเดิม การคาดการณ์นี้ทุกฝ่ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นจริงและทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว จากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสฯครั้งนี้ยิ่งทำให้เราเห็นชัดว่า “จีนเป็นไข้ที กระทบไปทุกสารทิศ”