ทั่วเอเชียผวาโควิด 19 เตือนพลเมืองงดเดินทาง หลังสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ลำพังแค่จีนรายเดียวก็ทำรายได้หายไป 2 แสนล้าน จนรัฐต้องเร่งหามาตรการอุ้มภาคท่องเที่ยว แถมเจอเกาหลีใต้ลดเที่ยวบินทั้งโคเรียนแอร์และโลวคอสต์ จับตาญี่ปุ่น-สิงคโปร์ ที่อาจปรับลดเที่ยวบินลง กลายเป็นปัจจัยลบที่กดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ทรุดหนัก ปีนี้อาจเหลือแค่ 1%
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด 19 ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2562 กินเวลานานเกือบ 2 เดือน แม้จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แม้รัฐบาลจีนจะดำเนินมาตรการปิดเมืองและลดจำนวนผู้เดินทางชาวจีนไปต่างประเทศ แต่การระบาดก็ยังขยายพื้นที่ในหลายประเทศและยังไม่มีสัญญาณที่้ไวรัสสายพันธ์ใหม่นี้จะถูกควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อยสูงกว่า 7 หมื่นคน มีผู้เสียชีวิตแล้วทะลุ 2 พันราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน
ในประเทศไทยมีการพบผู้ติดเชื้อ 35 รายและรักษาหายจนกลับบ้านได้แล้ว 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทย ส่วนคนไทยที่รัฐบาลรับตัวกลับมาจากอู่ฮั่น 137 คน และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2563
แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่าภาวะของโรคไม่ร้ายแรงเหมือนกับโรคซาร์หรือโรคเมอร์สในอดีต แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจในขณะนี้อาการน่าจะหนักกว่าเหตุการณ์ในครั้งก่อน และยังเป็นการซ้ำเติมปัจจัยลบของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จากเดิมไทยที่มีปัญหาทั้งเรื่องภัยแล้ง สงครามทางการค้าสหรัฐ-จีน งบประมาณที่ล่าช้า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่นับรวมเรื่องความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ ที่ทุกคนระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ที่เกิดจากความกังวลในเรื่องความมั่นคงในการทำงานโดยเฉพาะภาคเอกชน
ผลของสถานการณ์ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจของไทยอาจหดตัวมากกว่าเดิม โดยก่อนเกิดระบาดไวรัสโควิด 19 นักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยหลายค่ายประเมินกันว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 น่าจะอยู่ที่ระดับ 2% กลาง ๆ แต่ในตอนนี้เมื่อสถานการณ์การระบาดยังไม่มีท่าทีควบคุมได้ ทำให้เริ่มมีการปรับประมาณการณ์กันว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2563 ในเบื้องต้นอาจจะต่ำกว่า 2%
คาดอีก 3 เดือน
เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยพึ่งพิงอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก และนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มหลักคือนักท่องเที่ยวจากจีน ดังนั้นเมื่อจีนประสบปัญหาเรื่องโควิด 19 จึงทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนถูกระงับไป ย่อมกระทบไปถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบินและรายได้จากการใช้พื้นที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมืองได้รับผลกระทบเป็นด่านแรก จากนั้นกระทบต่อไปถึงที่พัก-โรงแรม ร้านอาหาร รถบัสสำหรับการเดินทาง ต่อเนื่องไปจากร้านค้าต่าง ๆ รอบสถานที่ท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ที่ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว
หนึ่งในผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวว่า อย่างตอนนี้ร้านอาหารที่รับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ย่านปิ่นเกล้านั้น ถือว่าร้างไปเลย จากเดิมที่จะมีรถบัสเข้ามาจอดนำลูกทัวร์คนจีนมารับประทานอาหารกลางวันแน่นทุกวัน นี่คือผลกระทบของไวรัสโควิค 19 ที่นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางออกนอกประเทศ
นี่แค่ 2 เดือนหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องบางราย เริ่มออกอาการที่จะสานต่อกิจการต่อไปไม่ไหว ซึ่งไม่มีใครประเมินได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค 19 ในประเทศจีนจะทำได้อย่างเห็นผลเมื่อไหร่ และต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าที่คนจีนจะพร้อมเดินทางออกไปท่องเที่ยวเหมือนก่อน
ส่วนตัวประเมินว่านับจากนี้ไปคงใช้เวลาอีก 3 เดือน นั่นคือเหตุการณ์นี้อาจกินเวลาทั้งหมดราว 5 เดือน แน่นอนว่าธุรกิจใดที่มีหน้าตักน้อยอาจจะต้องล้มหายตายจากไป
เงินหาย 2 แสนล้าน
ทั้งนี้จากการประชุมของสมาชิกและผู้ประกอบการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สถานการณ์โรคระบาดไข้หวัดใหญ่ไวรัสไคโรน่าในประเทศจีน ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวประเทศจีนทั้ง Inbound และ Outbound และผลกระทบต่อเนื่อง สำหรับความวิตกกังวล ต่อการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ รวมถึงผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจของโลก ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเอง
อันส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สำหรับสถานการณ์ไข้หวัด ไวรัสโคโรน่า ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะส่งกระทบอย่างกว้างขวางไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท
ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลาดจีนคาดว่าจะหายไป 90% เหลือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเพียงเดือนละประมาณ 9 หมื่นรายหรือ 1 ล้านรายต่อปี จากประมาณการในภาวะปกติเดือนละ 9 แสนรายหรือ 10.8 ล้านรายต่อปี
และตัวเลขที่หายไปจากนักท่องเที่ยวในกลุ่ม อาเซียน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน รัสเซีย ยุโรป และอเมริกา ฯลฯ อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เม็ดเงินจากระบบหายไปถึง 4.95 หมื่นล้านบาทต่อเดือนโดยมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ ธุรกิจสายการบิน ผู้ประกอบการรถบัส รถตู้ และบริการรถเช่า โรงแรมที่พัก ธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวและสถานบริการสถานบันเทิง บริษัทนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงคงอยู่ในช่วงระยะเวลาราว 3 เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน) มูลค่าความเสียหายเป็นเงินหมุนเวียนราว 2 แสนล้านบาท
พร้อมทั้งเสนอมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย มาตรการเร่งด่วนทางการเงิน มาตรการในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการและมาตรการสนับสนุนการตลาดเพิ่ม โอกาสการสร้างรายได้
รัฐเร่งช่วยเหลือ
ขณะที่รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั้งมาตรการทางด้านการเงินและด้านการคลัง
โดยมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ได้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือต่างๆ อาทิ การจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ โดยให้สถาบันการเงินของภาครัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศและสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม การลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น-ลงของอากาศยาน(Landing Fee) การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน
ลดดอกเบี้ย-พักเงินต้น-ยืดหนี้
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่าธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงินกู้สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) โดยจะต้องอยู่ในกลุ่มธุรกิจ ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการขายส่ง ขายปลีกสินค้าให้นักท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
-ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 20% ของดอกเบี้ยจ่าย เป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%)
-พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ย 50% - 100% ตามความรุนแรงของผลกระทบ ทั้งนี้ ในส่วนดอกเบี้ยที่ค้างชำระหรือที่ชำระไม่ครบ ผ่อนปรนให้ชำระได้ภายหลังในระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี
-ขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาพักชำระเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 4 ปี
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม
-ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 10% ของดอกเบี้ยจ่ายเป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%)
-พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 100%
-ขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกินระยะเวลาพักชำระเงินต้น
นอกจากนี้ ยังจะมีแนวทางช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกหลายมาตรการ ทั้งมาตรการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และมาตรการช่วยเหลือพนักงาน/ลูกจ้างที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้ค้ารายย่อยและอาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รายละเอียดอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งธนาคารออมสินยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป
ทุกประเทศลดเที่ยวบิน
นั่นเป็นเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หยุดการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเท่านั้น ยังทำให้ธุรกิจด้านบริการที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบมากมาย จนรัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการมาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ
แต่ความหวาดวิตกในไวรัสโควิด 19 นั้นได้แพร่กระจายไปยังทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียด้วยกันที่เกรงกันว่าประชากรของตนจะไปติดไวรัสดังกล่าว ซึ่งได้พัฒนาเป็นการติดเชื้อแบบคนสู่คนและอาจขยายวงลามไปในประเทศ ดังนั้นประเทศต่าง ๆ จึงเข้มงวดบุคคลจากประเทศที่ต้องสงสัยเป็นพิเศษ พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับประชาชนของตนว่าควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง
นั่นหมายถึงไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้นที่หายไปจากตลาดท่องเที่ยวเมืองไทย แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังลดการเดินทางของประชากรตน สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั่นคือการลดเที่ยวบินลง ที่ชัดเจนแล้วเวลานี้คือเกาหลีใต้ที่สายการบินอย่างโคเรียนแอร์ เจจูแอร์ เอเชียนา จินแอร์และอีสตาร์เจ็ท หลังจากที่เกาหลีใต้เตือนการเดินทางมาสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศไทย เช่นเดียวกันการบินไทยได้ลดเที่ยวบินไปยังโซลและปูซานด้วยเช่นกัน และอีก 1 เส้นทางคือสิงคโปร์
หวั่น GDP เหลือแค่ 1%
หากสถานการณ์การระบาดยังไม่คลี่คลาย จนเกิดภาวะตื่นตระหนกกันทุกประเทศ เชื่อว่าอีกไม่นานสายการบินต่าง ๆ อาจมีการปรับลดเที่ยวบินลง โดยเฉพาะญี่ปุ่น และประเทศอื่นอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน นั่นหมายถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาติอื่นก็จะลดลงตามคำแนะนำของแต่ละประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยก็ออกคำแนะนำในลักษณะนี้เช่นกัน
ลำเพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากตลาดก็ทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดลงไปไม่น้อย นี่เรากำลังจะเจอนักท่องเที่ยวชาติอื่นลดลงไปอีกยิ่งกดดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้แย่ลงกว่าที่หลายฝ่ายประมาณการณ์เอาไว้ ดีไม่ดีเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น เพราะเราพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก จีนเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่และเรายังพึ่งการส่งออกไปจีนเป็นอันสอง(รองจากสหรัฐ)
เรื่องการท่องเที่ยวนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ในวงจรนี้ยังรวมไปถึงเกษตรกรด้วย โดยเฉพาะผลไม้ถือว่าเป็นของที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบมา เมื่อนักท่องเที่ยวหายไปย่อมหมายถึงตลาดรายได้ของชาวสวนเหล่านี้หายไปด้วยเช่นกัน
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด 19 ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2562 กินเวลานานเกือบ 2 เดือน แม้จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แม้รัฐบาลจีนจะดำเนินมาตรการปิดเมืองและลดจำนวนผู้เดินทางชาวจีนไปต่างประเทศ แต่การระบาดก็ยังขยายพื้นที่ในหลายประเทศและยังไม่มีสัญญาณที่้ไวรัสสายพันธ์ใหม่นี้จะถูกควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อยสูงกว่า 7 หมื่นคน มีผู้เสียชีวิตแล้วทะลุ 2 พันราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน
ในประเทศไทยมีการพบผู้ติดเชื้อ 35 รายและรักษาหายจนกลับบ้านได้แล้ว 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทย ส่วนคนไทยที่รัฐบาลรับตัวกลับมาจากอู่ฮั่น 137 คน และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2563
แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่าภาวะของโรคไม่ร้ายแรงเหมือนกับโรคซาร์หรือโรคเมอร์สในอดีต แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจในขณะนี้อาการน่าจะหนักกว่าเหตุการณ์ในครั้งก่อน และยังเป็นการซ้ำเติมปัจจัยลบของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จากเดิมไทยที่มีปัญหาทั้งเรื่องภัยแล้ง สงครามทางการค้าสหรัฐ-จีน งบประมาณที่ล่าช้า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่นับรวมเรื่องความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ ที่ทุกคนระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ที่เกิดจากความกังวลในเรื่องความมั่นคงในการทำงานโดยเฉพาะภาคเอกชน
ผลของสถานการณ์ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจของไทยอาจหดตัวมากกว่าเดิม โดยก่อนเกิดระบาดไวรัสโควิด 19 นักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยหลายค่ายประเมินกันว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 น่าจะอยู่ที่ระดับ 2% กลาง ๆ แต่ในตอนนี้เมื่อสถานการณ์การระบาดยังไม่มีท่าทีควบคุมได้ ทำให้เริ่มมีการปรับประมาณการณ์กันว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2563 ในเบื้องต้นอาจจะต่ำกว่า 2%
คาดอีก 3 เดือน
เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยพึ่งพิงอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก และนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มหลักคือนักท่องเที่ยวจากจีน ดังนั้นเมื่อจีนประสบปัญหาเรื่องโควิด 19 จึงทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนถูกระงับไป ย่อมกระทบไปถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบินและรายได้จากการใช้พื้นที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมืองได้รับผลกระทบเป็นด่านแรก จากนั้นกระทบต่อไปถึงที่พัก-โรงแรม ร้านอาหาร รถบัสสำหรับการเดินทาง ต่อเนื่องไปจากร้านค้าต่าง ๆ รอบสถานที่ท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ที่ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว
หนึ่งในผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวว่า อย่างตอนนี้ร้านอาหารที่รับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ย่านปิ่นเกล้านั้น ถือว่าร้างไปเลย จากเดิมที่จะมีรถบัสเข้ามาจอดนำลูกทัวร์คนจีนมารับประทานอาหารกลางวันแน่นทุกวัน นี่คือผลกระทบของไวรัสโควิค 19 ที่นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางออกนอกประเทศ
นี่แค่ 2 เดือนหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องบางราย เริ่มออกอาการที่จะสานต่อกิจการต่อไปไม่ไหว ซึ่งไม่มีใครประเมินได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค 19 ในประเทศจีนจะทำได้อย่างเห็นผลเมื่อไหร่ และต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าที่คนจีนจะพร้อมเดินทางออกไปท่องเที่ยวเหมือนก่อน
ส่วนตัวประเมินว่านับจากนี้ไปคงใช้เวลาอีก 3 เดือน นั่นคือเหตุการณ์นี้อาจกินเวลาทั้งหมดราว 5 เดือน แน่นอนว่าธุรกิจใดที่มีหน้าตักน้อยอาจจะต้องล้มหายตายจากไป
เงินหาย 2 แสนล้าน
ทั้งนี้จากการประชุมของสมาชิกและผู้ประกอบการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สถานการณ์โรคระบาดไข้หวัดใหญ่ไวรัสไคโรน่าในประเทศจีน ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวประเทศจีนทั้ง Inbound และ Outbound และผลกระทบต่อเนื่อง สำหรับความวิตกกังวล ต่อการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ รวมถึงผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจของโลก ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเอง
อันส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สำหรับสถานการณ์ไข้หวัด ไวรัสโคโรน่า ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะส่งกระทบอย่างกว้างขวางไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท
ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลาดจีนคาดว่าจะหายไป 90% เหลือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเพียงเดือนละประมาณ 9 หมื่นรายหรือ 1 ล้านรายต่อปี จากประมาณการในภาวะปกติเดือนละ 9 แสนรายหรือ 10.8 ล้านรายต่อปี
และตัวเลขที่หายไปจากนักท่องเที่ยวในกลุ่ม อาเซียน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน รัสเซีย ยุโรป และอเมริกา ฯลฯ อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เม็ดเงินจากระบบหายไปถึง 4.95 หมื่นล้านบาทต่อเดือนโดยมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ ธุรกิจสายการบิน ผู้ประกอบการรถบัส รถตู้ และบริการรถเช่า โรงแรมที่พัก ธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวและสถานบริการสถานบันเทิง บริษัทนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงคงอยู่ในช่วงระยะเวลาราว 3 เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน) มูลค่าความเสียหายเป็นเงินหมุนเวียนราว 2 แสนล้านบาท
พร้อมทั้งเสนอมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย มาตรการเร่งด่วนทางการเงิน มาตรการในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการและมาตรการสนับสนุนการตลาดเพิ่ม โอกาสการสร้างรายได้
รัฐเร่งช่วยเหลือ
ขณะที่รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั้งมาตรการทางด้านการเงินและด้านการคลัง
โดยมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ได้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือต่างๆ อาทิ การจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ โดยให้สถาบันการเงินของภาครัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศและสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม การลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น-ลงของอากาศยาน(Landing Fee) การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน
ลดดอกเบี้ย-พักเงินต้น-ยืดหนี้
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่าธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงินกู้สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) โดยจะต้องอยู่ในกลุ่มธุรกิจ ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการขายส่ง ขายปลีกสินค้าให้นักท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
-ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 20% ของดอกเบี้ยจ่าย เป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%)
-พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ย 50% - 100% ตามความรุนแรงของผลกระทบ ทั้งนี้ ในส่วนดอกเบี้ยที่ค้างชำระหรือที่ชำระไม่ครบ ผ่อนปรนให้ชำระได้ภายหลังในระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี
-ขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาพักชำระเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 4 ปี
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม
-ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 10% ของดอกเบี้ยจ่ายเป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%)
-พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 100%
-ขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกินระยะเวลาพักชำระเงินต้น
นอกจากนี้ ยังจะมีแนวทางช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกหลายมาตรการ ทั้งมาตรการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และมาตรการช่วยเหลือพนักงาน/ลูกจ้างที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้ค้ารายย่อยและอาชีพที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รายละเอียดอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งธนาคารออมสินยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป
ทุกประเทศลดเที่ยวบิน
นั่นเป็นเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หยุดการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเท่านั้น ยังทำให้ธุรกิจด้านบริการที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบมากมาย จนรัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการมาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ
แต่ความหวาดวิตกในไวรัสโควิด 19 นั้นได้แพร่กระจายไปยังทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียด้วยกันที่เกรงกันว่าประชากรของตนจะไปติดไวรัสดังกล่าว ซึ่งได้พัฒนาเป็นการติดเชื้อแบบคนสู่คนและอาจขยายวงลามไปในประเทศ ดังนั้นประเทศต่าง ๆ จึงเข้มงวดบุคคลจากประเทศที่ต้องสงสัยเป็นพิเศษ พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับประชาชนของตนว่าควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง
นั่นหมายถึงไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้นที่หายไปจากตลาดท่องเที่ยวเมืองไทย แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังลดการเดินทางของประชากรตน สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั่นคือการลดเที่ยวบินลง ที่ชัดเจนแล้วเวลานี้คือเกาหลีใต้ที่สายการบินอย่างโคเรียนแอร์ เจจูแอร์ เอเชียนา จินแอร์และอีสตาร์เจ็ท หลังจากที่เกาหลีใต้เตือนการเดินทางมาสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศไทย เช่นเดียวกันการบินไทยได้ลดเที่ยวบินไปยังโซลและปูซานด้วยเช่นกัน และอีก 1 เส้นทางคือสิงคโปร์
หวั่น GDP เหลือแค่ 1%
หากสถานการณ์การระบาดยังไม่คลี่คลาย จนเกิดภาวะตื่นตระหนกกันทุกประเทศ เชื่อว่าอีกไม่นานสายการบินต่าง ๆ อาจมีการปรับลดเที่ยวบินลง โดยเฉพาะญี่ปุ่น และประเทศอื่นอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน นั่นหมายถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาติอื่นก็จะลดลงตามคำแนะนำของแต่ละประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยก็ออกคำแนะนำในลักษณะนี้เช่นกัน
ลำเพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากตลาดก็ทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดลงไปไม่น้อย นี่เรากำลังจะเจอนักท่องเที่ยวชาติอื่นลดลงไปอีกยิ่งกดดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้แย่ลงกว่าที่หลายฝ่ายประมาณการณ์เอาไว้ ดีไม่ดีเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น เพราะเราพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก จีนเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่และเรายังพึ่งการส่งออกไปจีนเป็นอันสอง(รองจากสหรัฐ)
เรื่องการท่องเที่ยวนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ในวงจรนี้ยังรวมไปถึงเกษตรกรด้วย โดยเฉพาะผลไม้ถือว่าเป็นของที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบมา เมื่อนักท่องเที่ยวหายไปย่อมหมายถึงตลาดรายได้ของชาวสวนเหล่านี้หายไปด้วยเช่นกัน