ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผวจ.ชลบุรี เรียกประชุมทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหานักท่องเที่ยวจีนหาย กระทบรายได้เมืองพัทยา ขณะที่ผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดดงตาลจอมเทียน บอกไวรัสโควิด-19 ไม่กระทบ เหตุลูกค้าหลักเป็นกลุ่มยุโรปและไทย
จากกรณีที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และยังพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศทั่วโลกจนส่งผลกระทบต่อการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะประเทศไทย พบว่า เมืองท่องเที่ยวซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นรายได้หลักกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่เมืองพัทยา ที่ในวันนี้ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปกว่า 90% ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบไปตามๆ กันนั้น
ล่าสุด วันนี้ (21 ก.พ.) นายภัครธรณ์ เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อหามาตรการแก้ไขและเยียวยา โดยมี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา และนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เข้าร่วม
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า เนื่องจากเมืองพัทยา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ดังนั้น จึงต้องมีการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขวิกฤตด้านการท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่มีจำนวน 35 ราย แบ่งเป็นชาวจีน 25 ราย และชาวไทย 10 ราย ขณะนี้พบว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว 18 ราย ส่วนที่เหลืออีก 17 รายอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ซึ่งถือว่าสถานการณ์ยังไม่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตเนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ได้มาตรฐาน
โดยตัวแทนจากกรมสรรพากร ระบุว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ครม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น 3 ด้าน คือ 1.กำหนดมาตรการด้านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการ 2.มาตรการขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียม และ 3.มาตรการด้านภาษี ที่จะมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่บุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด.90 และ 91 รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม และการจัดอบรมสัมมนาในประเทศ เป็นต้น
ขณะที่ นางปิ่นนารถ เจริญผล ผู้อำนวยการ ททท.พัทยา กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ว่า ประเทศจีน ถือเป็นตลาดหลักของไทยซึ่งในแต่ละปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนมากกว่า 10 ล้านคน และในจำนวนนี้มีประมาณ 2.6 ล้านคน ที่เดินทางมายังเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แต่หลังจากที่รัฐบาลจีน ประกาศไม่ให้ประชากรเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาได้รับผลกระทบอย่างมาก
และยังทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปกว่า 95-100% ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้นักท่องเที่ยวจากไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลี ยกเลิกการเดินทางเนื่องจากเกรงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“ส่วนตลาดยุโรปและอเมริกา แม้จะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักแต่นักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้ก็ได้ย้ายไปท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ อย่าง อำเภอสัตหีบ และบางแสน พบว่า มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น” ผู้อำนวยการ ททท.พัทยา กล่าว
กลุ่มยุโรปหนีเล่นน้ำหาดดงตาลจอมเทียน ทำพ่อค้าแม่ค้ายิ้มได้
สอดคล้องต่อการลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายหาดดงตาลจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ของผู้สื่อข่าว พบว่า มีนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปพากันเดินทางไปพักผ่อนและเล่นน้ำเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวชาวจีนมากนัก
น.ส.สมใจ ผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดดงตาล เผยว่า การท่องเที่ยวในปีนี้สำหรับชายหาดดงตาลจอมเทียนแล้ว ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาพักผ่อนในระดับปานกลาง ซึ่งแม้ว่าจะไม่มากเหมือนกับปีก่อนๆ จากหลายปัจจัยทั้งเรื่องสถานที่พักผ่อนที่มีเป็นจำนวนมาก และการเลือกเดินทางไปพักผ่อนยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ของกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป และข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ถือว่าการท่องเที่ยวในพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ น.ส.จำปี อีกหนึ่งผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดดงตาล กล่าวว่าแม้ในฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนบริเวณชายหาดดงตาลจะลดน้อยลง แต่ก็ยังพอมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเดินทางเข้ามาพักผ่อนที่ชายหาด จนทำให้ผู้ให้บริการร่มเตียงพอมีรายได้
“การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการร่มเตียงชายหาดดงตาล เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเป็นชาวยุโรปและชาวไทย อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยพื้นที่สภาพชายหาดที่มีอากาศถ่ายเท โปร่งโล่งและเย็นสบาย จะติดก็แค่เพียงจำนวนห้องน้ำสาธารณะที่มีไม่เพียงพอเท่านั้น” น.ส.จำปี กล่าว