ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี เผยข้อมูลสำคัญว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่าการใช้ห้องน้ำสาธารณะจะเป็นแหล่งแพร่ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 เนื่องจากมีการตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสจากผู้ป่วย หลังเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 วัน แนะอย่าประมาทในการเข้าห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น
จากการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ที่มีศูนย์กลางการแพร่เชื้ออยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน ล่าสุด วันนี้ (3 ก.พ.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเผยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในจีน อยู่ที่ 17,205 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 361 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาหายรวมอยู่ที่ 475 ราย
ทั้งนี้ การแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ สามารถติดต่อได้จากทางเดินหายใจเป็นหลัก จึงได้มีการเตือนในเรื่องของ การสวมหน้ากากอนามัย และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เพจ “Virology and Cell Technology Lab - BIOTEC” ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอีกข้อ เกี่ยวกับการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าอาจจะสามารถติดต่อได้จากห้องน้ำสาธารณะ โดยทางเพจได้ระบุข้อมูลว่า
“ตามที่หลายๆ คนเข้าใจว่า nCoV เป็นไวรัสโคโรนาที่ติดต่อผ่านทางเดินหายใจเป็นหลัก การป้องกันตัวเองจะเน้นไปที่การป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจ หรือป้องกันการสัมผัสกับเชื้อเข้าสู่บริเวณเยื่อบุต่างๆ หลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในสหรัฐอเมริกา ในวารสาร New England Journal of Medicine มีอีกข้อมูลหนึ่งที่อาจจะต้องตระหนัก และอาจจะต้องระวังตัวเองมากขึ้น
ผู้ป่วย nCoV มีอาการท้องเสีย และถ่ายเหลว หลังจากเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 วัน เมื่อทำการนำตัวอย่างอุจจาระไปตรวจหาเชื้อ nCoV พบว่า สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัส nCoV ได้ แต่น่าเสียดายที่นักวิจัยไม่ได้ทำการแยกเชื้อต่อว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่เพียงแค่หลักฐานดังกล่าวก็น่าจะบ่งชี้ได้ว่า nCoV น่าจะแพร่กระจายได้ทางอุจจาระ ผ่านอาการท้องเสีย ซึ่งเมื่อมองไปที่สุขอนามัยที่ไม่ค่อยดีในประเทศจีน การล้างห้องน้ำที่ไม่สะอาดทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
ในมุมมองของนักไวรัสวิทยา การพบ nCoV ทั้งระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เป็นเรื่องที่ไม่เกินการคาดเดา จริงๆ แล้ว SARS-CoV สามารถตรวจพบได้ในลักษณะเดียวกัน เป็นที่น่าสนใจว่าในวันเดียวกันมีเอกสารทางวิชาการออกมายืนยันว่า เซลล์ในปอด และเซลล์ในลำไส้เล็ก ล้วนมีการแสดงออกของโปรตีน ACE2 ซึ่งเป็นประตูที่เปิดให้ nCoV เข้าไปเพิ่มจำนวนได้เหมือนๆ กัน อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเกิดจากการที่ไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์ในผนังลำไส้ ทำให้ดูดซึมน้ำและสารอาหารได้น้อยลง ส่งผลออกมาให้เกิดอาการท้องเสีย จริงๆ แล้วไวรัสโคโรนาหลายชนิดทำให้เกิดการท้องเสีย โดยเฉพาะตัวที่แพร่จากค้างคาวมาที่สุกร สร้างปัญหาให้กับเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังโชคดีที่ไวรัสเหล่านี้ยังไม่แพร่มาติดในคน ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราไม่ประมาทว่า ในห้องน้ำสาธารณะ หรือ ห้องน้ำที่เราอาจจะต้องใช้ร่วมกับบุคคลอื่น อาจจะเป็นที่แพร่กระจายเชื้อได้ อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษล้างมือให้เยอะๆ และทำความสะอาดสุขภัณฑ์ก่อนใช้งาน”