ผู้จัดการรายวัน360-ฝ่ายค้านซัด "บิ๊กตู่" ล้มเหลว 5 ประการ "ความเชื่อมั่นการเมือง-ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ-แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ทุจริตคอร์รัปชัน-ไร้ภาวะผู้นำ" ปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปไม่ได้ ด้าน"บิ๊กตู่" อารมณ์ดี ยิ้มหวาน ซัดหมัดต่อหมัด เป็นนายกฯ ไร้ ส.ว.ร่วมโหวต ยกเคส "ผมอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้-ถุงขนมย่ำยีอำนาจตุลาการ -ไม่ยอมติดคุก- นิรโทษกรรม" สวนกลับฝ่ายค้าน "ยุทธพงศ์" เปิดฉากซักฟอกแฉขายบ่อปลาราคาแพงเกินจริง ปล่อยงาบ2 โครงการใหญ่ เช่าศูนย์สิริกิติ์ 50 ปี ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายเขียวเหนือ-ใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยในช่วงเช้ามีการประชุมร่วมวิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อหารือเรื่องกำหนดกรอบเวลา และลำดับของการอภิปราย โดยหลังการประชุมร่วมกัน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน วิปรัฐบาล กล่าวว่า วิปทั้งสองฝ่ายได้หารือกันว่า จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มีการประท้วงเท่าที่จำเป็น การอภิปรายจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 24 ก.พ.ไปสิ้นสุดวันที่ 27ก.พ.เวลา 19.00 น. โดยที่ยังไม่รวมการสรุปญัตติปิดการอภิปรายอีก 2 ชม. จากนั้น วันที่ 28 ก.พ. เวลา 09.30 น. จึงลงมติ
ห้ามอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ฯ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ประชุมสภาฯ ได้พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ซัดรัฐบาลล้มเหลว 5 ประการ
จากนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวนำ การอภิปรายว่า ที่จำเป็นต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่อาจให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศต่อไปได้ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพ ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ การทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้อง การใช้อำนาจโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความล้มเหลว 5 ประการ ต่อประเทศ ได้แก่ 1.ความล้มเหลวการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ร่างรัฐธรรมนูญมาเพื่อสืบทอดอำนาจ 2.ล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เช่น เพิ่มช่องทางให้ได้พรรคเล็กมาเสริมอำนาจ ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ใช้คดีความกลั่นแกล้ง 3.ล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 4.ล้มเหลวปราบทุจริต ไทยถูกลดอันดับคอร์รัปชัน มีความรุนแรงคอร์รัปชันในกองทัพ และ 5.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำ เช่น ทุบโต๊ะ โยนของใส่ผู้สื่อข่าว มองเห็นคนเห็นต่างเป็นศัตรู ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม สะท้อนวุฒิทางปัญญา และอารมณ์ จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศต่อไป
"บิ๊กตู่"อารมณ์ดีสวนหมัดต่อหมัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านว่า เรื่องที่ไม่วางใจตนมีหลายเรื่อง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ตนไม่โกรธเลย พร้อมชี้แจงด้วยความยินดี พร้อมระบุว่าไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นฉบับที่มีคนว่าทั้งดีและไม่ดี ส่วนตนก็ผ่านการเลือกของประชาชน จำกันได้หรือไม่ว่าตนได้คะแนนเสียงโหวตเลือกนายกฯ เกิน 250 เสียง ซึ่งมากกว่าฝ่ายค้าน ไม่มี ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุต่อว่า ก่อน 22 พ.ค.2557 เกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนต้องมาอยู่ตรงนี้ มีการโกงจำนวนเยอะหรือไม่ ลองตอบในใจดู มีเหตุการณ์ทำลายอำนาจตุลาการ บางคนไม่ยอมติดคุก มีเรื่องถุงขนม มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อประโยชน์ใคร รวมถึงการนิรโทษกรรม โครงการจำนำข้าว ใครทำ ก็ไม่รู้ พร้อมยืนยันไม่เคยใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ไม่เคยทำ ถ้าไม่เลือกเรา ก็ไม่ได้โครงการ หรือที่มีบางคนพูดว่า ผมอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้ ใครพูดก็ไม่รู้
ส่วนมาตรา 44 ที่ผ่านมา เอาไว้แก้ปัญหา ทั้งเรื่ององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ก็ทำสำเร็จ คดีทุจริตก็ทำสำเร็จ แต่ที่ผ่านมาเคยแก้ไขหรือไม่ ส่วนกรณีเอื้อประโยชน์ ก็วิเคราะห์คาดการณ์กันไป การแก้ไขปัญหาให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถชี้แจงได้ การต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน ก็ต้องแก้ไข เพราะมีการฟ้องร้องกัน ทั้งนี้ ตนเป็นทหาร ต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจของตนเอง และต้องการให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ เมื่อชี้แจงอะไร ก็ให้กรุณาฟัง
หลังจากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ กล่าวคำเท็จในสภาฯ ที่ระบุว่า ไม่ได้ใช้เสียงวุฒิสภา เพราะความจริงแล้วในวันโหวตนายกฯ เป็นการประชุมรัฐสภา ดังนั้น จึงถือเป็นการพูดเท็จ แต่นายชวน กล่าวชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับใดๆ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าชี้แจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจ ก็ยากที่ตนจะชี้แจงต่อไป ก็ขอยุติเท่านี้ แต่เพียงเท่านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ประยุทธ์ พูดจบได้ยิ้ม และนั่งลง
"ยุทธพงศ์"แฉขายบ่อปลาราคาแพงเกินจริง
ต่อมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า การซื้อขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ผู้เป็นบิดา จำนวน 50 ไร่ 3งาน 8 ตรว. ที่เขตบางบอน ให้กับบริษัท 69 พร้อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นก่อนทำธุรกรรมเพียง 7 วัน และเป็นทาวเฮ้าส์ ในราคา 600 ล้านบาท และต่อมาได้มอบเงิน 540 ล้านบาท ให้พล.อ.ประยุทธ์และพี่น้องด้วยความเสน่หา แต่ที่กังขา คือ ที่ดินบ่อตกปลา ทำไมซื้อขายราคาสูง ขอตั้งข้อสังเกตุธุรกรรมซื้อขายเป็นเงินบริสุทธิ์หรือฟอกเงิน
จากนั้นได้อภิปรายพาดพิงไปถึงเจ้าสัวเจริญ ซึ่งนายชวน ได้สั่งให้ถอนคำพูด แต่นายยุทธพงศ์บอกว่าจะรับผิดชอบเอง มั่นใจไม่ถูกฟ้อง และยังระบุต่อว่า บริษัทดังกล่าว ยังตั้งอยู่ที่เดียวกันกับบริษัท TCC Group International Limited และเป็นบริษัทที่เพิ่มทุนให้กับ บริษัท 69 พร็อบเพอร์ตี้ เพื่อไปซื้อที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ และต่อมานำไปสู่การต่อสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี จำนวน 6,000 ล้านบาท โดยไม่ฟังคำทักท้วงของอัยการสูงสุดว่าจะผิดพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 หรือไม่ ซึ่งจะนำไปกล่าวโทษพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป และยังมีประเด็นการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจขัด พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
"วิษณุ-อุตตม"แจงต่อสัญญาถูกต้อง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บริษัท NCC management and development จํากัด ทำตามสัญญาในการสร้างโรงแรม 4-5 ดาว มีห้องพัก 400 ห้อง มีศูนย์การค้า และที่จอดรถ 3,000 คันไม่ได้ เพราะกระทรวงมหาดไทยออกกฎหมายผังเมืองให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสีน้ำเงิน ห้ามมีสิ่งก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตร กระทรวงการคลังจึงหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ได้คำตอบว่ายกเลิกไม่ได้ แต่แก้สัญญาได้ จึงเป็นที่มาของการแก้ไขสัญญา และมีการนำเรื่องเข้าคณะกรรมการราชพัสดุ ก่อนที่จะเกิดรัฐประหาร 2 เดือน ให้ต่อสัญญาเช่า 50 ปี จะเอื้อใครหรือไม่ ต้องไปดูว่าเอื้อมาแต่รัฐบาลใด
ต่อสัมปทานรถไฟสีเขียวลดภาระประชาชน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงประเด็นการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า โครงการนี้ มีหนี้แสนกว่าล้านบาท การบริการสาธารณะของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่มีสภาพคล่องจะแก้ไขปัญหานี้ได้ และคำสั่ง คสช. ไม่ได้เป็นการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการหาทางออกเพื่อลดภาระประชาชนให้ได้ค่าโดยสารที่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยในช่วงเช้ามีการประชุมร่วมวิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อหารือเรื่องกำหนดกรอบเวลา และลำดับของการอภิปราย โดยหลังการประชุมร่วมกัน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน วิปรัฐบาล กล่าวว่า วิปทั้งสองฝ่ายได้หารือกันว่า จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มีการประท้วงเท่าที่จำเป็น การอภิปรายจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 24 ก.พ.ไปสิ้นสุดวันที่ 27ก.พ.เวลา 19.00 น. โดยที่ยังไม่รวมการสรุปญัตติปิดการอภิปรายอีก 2 ชม. จากนั้น วันที่ 28 ก.พ. เวลา 09.30 น. จึงลงมติ
ห้ามอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ฯ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ประชุมสภาฯ ได้พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ซัดรัฐบาลล้มเหลว 5 ประการ
จากนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวนำ การอภิปรายว่า ที่จำเป็นต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่อาจให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศต่อไปได้ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพ ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ การทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้อง การใช้อำนาจโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความล้มเหลว 5 ประการ ต่อประเทศ ได้แก่ 1.ความล้มเหลวการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ร่างรัฐธรรมนูญมาเพื่อสืบทอดอำนาจ 2.ล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เช่น เพิ่มช่องทางให้ได้พรรคเล็กมาเสริมอำนาจ ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ใช้คดีความกลั่นแกล้ง 3.ล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 4.ล้มเหลวปราบทุจริต ไทยถูกลดอันดับคอร์รัปชัน มีความรุนแรงคอร์รัปชันในกองทัพ และ 5.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำ เช่น ทุบโต๊ะ โยนของใส่ผู้สื่อข่าว มองเห็นคนเห็นต่างเป็นศัตรู ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม สะท้อนวุฒิทางปัญญา และอารมณ์ จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศต่อไป
"บิ๊กตู่"อารมณ์ดีสวนหมัดต่อหมัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านว่า เรื่องที่ไม่วางใจตนมีหลายเรื่อง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ตนไม่โกรธเลย พร้อมชี้แจงด้วยความยินดี พร้อมระบุว่าไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นฉบับที่มีคนว่าทั้งดีและไม่ดี ส่วนตนก็ผ่านการเลือกของประชาชน จำกันได้หรือไม่ว่าตนได้คะแนนเสียงโหวตเลือกนายกฯ เกิน 250 เสียง ซึ่งมากกว่าฝ่ายค้าน ไม่มี ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุต่อว่า ก่อน 22 พ.ค.2557 เกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนต้องมาอยู่ตรงนี้ มีการโกงจำนวนเยอะหรือไม่ ลองตอบในใจดู มีเหตุการณ์ทำลายอำนาจตุลาการ บางคนไม่ยอมติดคุก มีเรื่องถุงขนม มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อประโยชน์ใคร รวมถึงการนิรโทษกรรม โครงการจำนำข้าว ใครทำ ก็ไม่รู้ พร้อมยืนยันไม่เคยใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ไม่เคยทำ ถ้าไม่เลือกเรา ก็ไม่ได้โครงการ หรือที่มีบางคนพูดว่า ผมอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้ ใครพูดก็ไม่รู้
ส่วนมาตรา 44 ที่ผ่านมา เอาไว้แก้ปัญหา ทั้งเรื่ององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ก็ทำสำเร็จ คดีทุจริตก็ทำสำเร็จ แต่ที่ผ่านมาเคยแก้ไขหรือไม่ ส่วนกรณีเอื้อประโยชน์ ก็วิเคราะห์คาดการณ์กันไป การแก้ไขปัญหาให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถชี้แจงได้ การต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน ก็ต้องแก้ไข เพราะมีการฟ้องร้องกัน ทั้งนี้ ตนเป็นทหาร ต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจของตนเอง และต้องการให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ เมื่อชี้แจงอะไร ก็ให้กรุณาฟัง
หลังจากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ กล่าวคำเท็จในสภาฯ ที่ระบุว่า ไม่ได้ใช้เสียงวุฒิสภา เพราะความจริงแล้วในวันโหวตนายกฯ เป็นการประชุมรัฐสภา ดังนั้น จึงถือเป็นการพูดเท็จ แต่นายชวน กล่าวชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับใดๆ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าชี้แจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจ ก็ยากที่ตนจะชี้แจงต่อไป ก็ขอยุติเท่านี้ แต่เพียงเท่านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ประยุทธ์ พูดจบได้ยิ้ม และนั่งลง
"ยุทธพงศ์"แฉขายบ่อปลาราคาแพงเกินจริง
ต่อมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า การซื้อขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ผู้เป็นบิดา จำนวน 50 ไร่ 3งาน 8 ตรว. ที่เขตบางบอน ให้กับบริษัท 69 พร้อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นก่อนทำธุรกรรมเพียง 7 วัน และเป็นทาวเฮ้าส์ ในราคา 600 ล้านบาท และต่อมาได้มอบเงิน 540 ล้านบาท ให้พล.อ.ประยุทธ์และพี่น้องด้วยความเสน่หา แต่ที่กังขา คือ ที่ดินบ่อตกปลา ทำไมซื้อขายราคาสูง ขอตั้งข้อสังเกตุธุรกรรมซื้อขายเป็นเงินบริสุทธิ์หรือฟอกเงิน
จากนั้นได้อภิปรายพาดพิงไปถึงเจ้าสัวเจริญ ซึ่งนายชวน ได้สั่งให้ถอนคำพูด แต่นายยุทธพงศ์บอกว่าจะรับผิดชอบเอง มั่นใจไม่ถูกฟ้อง และยังระบุต่อว่า บริษัทดังกล่าว ยังตั้งอยู่ที่เดียวกันกับบริษัท TCC Group International Limited และเป็นบริษัทที่เพิ่มทุนให้กับ บริษัท 69 พร็อบเพอร์ตี้ เพื่อไปซื้อที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ และต่อมานำไปสู่การต่อสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี จำนวน 6,000 ล้านบาท โดยไม่ฟังคำทักท้วงของอัยการสูงสุดว่าจะผิดพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 หรือไม่ ซึ่งจะนำไปกล่าวโทษพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป และยังมีประเด็นการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจขัด พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
"วิษณุ-อุตตม"แจงต่อสัญญาถูกต้อง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บริษัท NCC management and development จํากัด ทำตามสัญญาในการสร้างโรงแรม 4-5 ดาว มีห้องพัก 400 ห้อง มีศูนย์การค้า และที่จอดรถ 3,000 คันไม่ได้ เพราะกระทรวงมหาดไทยออกกฎหมายผังเมืองให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสีน้ำเงิน ห้ามมีสิ่งก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตร กระทรวงการคลังจึงหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ได้คำตอบว่ายกเลิกไม่ได้ แต่แก้สัญญาได้ จึงเป็นที่มาของการแก้ไขสัญญา และมีการนำเรื่องเข้าคณะกรรมการราชพัสดุ ก่อนที่จะเกิดรัฐประหาร 2 เดือน ให้ต่อสัญญาเช่า 50 ปี จะเอื้อใครหรือไม่ ต้องไปดูว่าเอื้อมาแต่รัฐบาลใด
ต่อสัมปทานรถไฟสีเขียวลดภาระประชาชน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงประเด็นการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า โครงการนี้ มีหนี้แสนกว่าล้านบาท การบริการสาธารณะของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่มีสภาพคล่องจะแก้ไขปัญหานี้ได้ และคำสั่ง คสช. ไม่ได้เป็นการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการหาทางออกเพื่อลดภาระประชาชนให้ได้ค่าโดยสารที่เป็นธรรม