"ประยุทธ์" ยันขายที่ดินปี 56 ตั้งแต่สมัยเป็นผบ.ทบ. แจงไม่ได้รู้จักเจ้าสัวขายที่ดิน ย้อนถามจะเอื้อประโยชน์ใครได้ในอนาคต ว่าวันหน้าจะเป็น "นายกฯ" ชี้ ที่ดินติดถนนตามราคาประเมินที่เหมาะสม ไม่ใช่บ่อตกปลาตามที่ฝ่ายค้านอ้าง
วันนี้ (24ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กรณีอภิปรายประเด็นการขายที่ดินของพ่อพล.อ.ประยุทธ์ ให้กับบริษัทเจ้าสัว และกรณีต่อสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี โดยไม่เปิดประมูล เข้าข่ายล็อกสเปคให้เจ้าสัวว่า เรื่องที่ดินของพ่อตน เป็นโฉนดมาตั้งแต่ปี 2482 เป็นของครอบครัวตนเมื่อปี 2495 เป็นของปู่ย่า ตนยังเกิดเลย เป็นสมบัติของพ่อตน เป็นมรดกตกทอด เพราะพี่ น้องเสียชีวิตหมด จึงเป็นของพ่อตนเมื่อปี 2535 ช่วงนั้นที่ดินบูมก็ไม่ยอมขาย เพราะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เมื่อถึงปี 2556 ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก แล้วพ่อก็ขายที่ดี ซึ่งตอนนั้นพ่อตนไม่แก่มากนัก ยังจำได้พูดจาอะไรได้หมด ดังนั้นจะมาบอกว่าพ่อตนแก่เกินไปก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร และเรื่องที่ท่านไปพูดกับสื่อตนก็ไม่เคยได้ยิน บางทีก็ออกมาตามสื่อสัมภาษณ์อย่างโน้นอย่างนี้ ต้องไปถามพ่อตนอีกที ซึ่งพ่อตนตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าที่ดินดังกล่าว ตนอยากให้ดูที่ว่าเป็นบ่อตกปลา จะเป็นบ่อตกปลาได้อย่างไร เพราเป็นที่แปลงใหญ่ ทั้งหมดมี 50 ไร่ ถ้าไปดูแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศก็ถือว่าเป็นที่ผืนใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น และมีถนนเลียบข้างหน้าประมาณ 300-400 กว่าเมตร ตอนหลังพ่อแบ่งออกเป็น 4 แปลง และที่บอกว่าเป็นบ่อน้ำนั้นเป็นลำธารสาธารณะ เรียกว่าคลองหนามแดง ไม่ใช่บ่อตกปลา ตรงกลางเป็นที่ดอน ที่ดินให้เช่าปลูกพืช ทำการเกษตร ซึ่งเมื่อตอนเด็กตนเคยพายเรือไปที่นี่ เกิดมาก็เห็นพื้นที่แปลงนี้แล้ว ตนรู้ว่าจะผิดตรงไหน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการซื้อขาย ก็เป็นเรื่องของข้อตกลงระหว่างคนขายกับคนซื้อ เขาจะซื้อราคาเท่าไหร่ บริษัทไหนจะมาซื้อ ซึ่งก่อนปี 2556 ตนจำได้ว่าพ่อติดป้ายประกาศขายตั้งแต่ปี 2554-2555 ซึ่งก็มีการติดต่อมาโดยตลอด มีติดต่อมาหลายเจ้า แต่ก็ไม่ได้ขาย จนท้ายที่สุดก็มีบริษัทนี้ แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นของใครด้วยซ้ำไป เพราะตอนนั้นตนเป็น ผบ.บท. ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษส่วนตัว และตนไม่คิดว่าจะเอื้อให้กับเขาได้ในอนาคตด้วย
“ถ้าคุณพูดแบบนี้หมายความว่าผมไปต่อรองกับเขา ว่าคุณซื้อที่ตรงนี้แล้ววันหน้าผมจะดูแลเขา แล้วผมไปสัญญากับเขาได้หรือไม่ว่าผมจะเป็นนายกฯ ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่ คุณพูดเกินไปหรือเปล่า ซึ่งราคาที่ขณะนั้นในปี2556 ราคาตามท้องตลอดประมาร 609 ล้านบาท ในที่ปัจจุบันปี 2562ประมาณ 812 ล้านบาท ซึ่งราคามันขึ้น เวลาซื้อขายก็ต้องซื้อขายตามราคาท้องตลอด และการเสียภาษีก็ถูกต้อง”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนก็แจ้งตอนเป็น ผบ.ทบ.และเมื่อมาเป็นนายกฯครั้งที่ 2 ก็มีการแจ้งตามกฎหมาย ป.ป.ช. ทั้งที่ป.ป.ช.เขาเขียนว่าไม่ต้องแจ้ง แต้ผมก็แจ้ง แต่เขาไม่ได้มาเปิดเผย เพราะผมยังไม่สิ้นสุดหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ้งทุกคนก็ได้รับกฎหมายฉบับเดียวกัน ฉะนั้นการพุดอย่างนี้ทำให้สับสนอลหม่านกันหมด ดังนั้นเรื่องที่ดิน ตนคงไม่ตอบอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ลองดูที่ก็แล้วกัน แพงตรงถนนหรือเปล่าตนก็ไม่รู้เหมือนกัน และการที่บริษัทมาซื้อไปพัฒนาก็ไม่รู้ไปพัฒนาอะไร เพราะเขาเป็นพร็อมเพอร์ตี้ เขาไม่ได้ปลูกต้นไม้ ซึ่งเขามีสิทธิในการประกอบการ คุณต้องเข้าใจตรงนี้ ก็แล้วแต่ท่านแต่ตนว่าท่านไม่เข้าใจอะไรง่ายๆหรอก ตนคุณเป็นคนเข้าใจอะไรยากอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่อที่กล่าวว่าตนไม่ไปดูแลพี่น้องชาวอีสาน ตนเป็นนายกฯ รัฐบาลปัจจุบัน 7 เดือน ไปเยี่ยมพี่น้องชาวอีสาน 11 ครั้ง มีการจัดสรรงบประมาณลงไป 2 หมื่น 4 พันล้านบาท แม้เขาจะไม่ชอบตน ตนก็ไป ไม่ใช่ไม่ชอบแล้วไม่ไป ตนให้ทุกจังหวัด นี่คือรัฐบาลนี้ รัฐบาลก่อนหน้าก็ทำแบบนี้ ส่วนในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการดำเนินการมาอยู่แล้ว ดำเนินการมาตั้งแต่ 2539 ติดขัดปัญหาข้อกฎหมายที่ออกมาภายหลัง กฎหมายควบคุมก่อสร้าง 2542 และในเรื่องของการใช้ประโยชน์ที่ดินปี 2546 ห้ามก่อสร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตร ซึ่งมี 3 สัญญา สัญญา 1 สัญญา 2 สร้างตึกได้ ทำโรงแรมได้ แต่กฎหมายออกมาตามหลังทำไม่ได้ จึงไม่สามารถปฎิบัติตามสัญญา 2 แต่เมื่อเดินหน้าไปสู่สัญญา 3 ที่เขามีอยู่แล้ว ก็ต้องมาแก้ไขว่าจะทำอย่างไร ซึ่งตนจะกระทรวงการคลัง และนายวิษณุ เครืองามรองนายกฯ ชี้แจงในส่วนของกฎหมาย ต่อไป ส่วนที่บอกว่าอัยการถามมา 10 ข้อ ซึ่งเราก็ชี้แจงไปแล้ว อัยการก็มีมติเห็นชอบและไม่มีข้อทักท้วงแต่ประการใด ส่วน เรื่องการแก้ไขปัญหาที่สีต่างๆ เป็นเรื่องของการประกาศบังคับใช้ผังเมืองกรุงเทพฯ 2556 เป็นการดำเนินการก่อนรัฐบาลที่แล้วเข้ามา เป็นรัฐบาลใครทำก่อนปี 2556