“ประยุทธ์” โต้ฝ่ายค้านทันควัน ย้ำมาตาม รธน.-ไร้ ส.ว.ช่วย ปัดไม่ยึดมั่น ปชต. ย้อนดูเหตุปี 57 ถึงเข้ามา แขวะบางคนไม่ยอมติดคุก ชี้ไม่มีหลักฐานก็ลงโทษไม่ได้ ย้อนเอื้อประโยชน์คาดการณ์ไปเอง ก่อนหยุดพูดหลัง พท.ประท้วง ติงแจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจ
วันนี้ (24 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลัง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านแถลงข้อกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ว่า ขอชี้แจงในขั้นต้นเรื่องที่ไม่วางใจตนมีหลายเรื่องตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ตนไม่โกรธเลย ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด ตนเข้ามาชี้แจงด้วยความยินดี แม้มีการปล่อยข่าวว่ามีการเผชิญทั้งศึกในศึกนอก อย่างไรก็ตาม ไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งเป็นฉบับที่มีคนว่าทั้งดีและไม่ดี อาจจะไม่ถูกใจใครบ้างก็ตาม ทั้งนี้ ส.ส.ทั้งหลายรวมถึงตนก็ผ่านการเลือกของประชาชน จำกันได้หรือไม่ว่าตนได้คะแนนเสียงโหวตเลือกนายกฯ เกิน 250 เสียง มากกว่าฝ่ายค้าน ไม่มี ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าไม่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ตนไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย แต่ต้องมองย้อนกลับไปก่อน 22 พ.ค. 2557 ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในปี 2553 เกิดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนเข้ามาอยู่ตรงนี้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาให้เกิดความเรียบร้อยก่อนนำสู่การเลือกตั้ง นอกจากนั้น สิ่งที่ตนกังวลในตอนนั้นคือการโกง ลองย้อนกลับไปดูว่ามีจำนวนเยอะหรือไม่ ลองตอบในใจดู ไม่ต้องตอบดังๆ และมีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศหลายอย่าง การทำลายอำนาจตุลาการ แต่บางคนไม่ยอมติดคุก อย่างเรื่องถุงขนม ประชาชนก็ลองเปรียบเทียบดู ซึ่งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อประโยชน์ใครไม่ทราบ รวมถึงการนิรโทษกรรม โครงการรับจำนำข้าว ใครทำก็ไม่รู้
“ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าผมใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ผมไม่เคยไปก้าวล่วงใคร หรือจับติดคุกโดยปราศจากหลักฐานและข้อเท็จจริง ท่านไม่เป็นธรรมกับผม ผมไม่เคยว่า ผมก็อารมณ์เย็นตลอด ในอดีต จ.ภูเก็ต และนครสวรรค์ก็โดนมาแล้ว ถ้าไม่เลือกเราก็ไม่ได้โครงการ หรือที่มีบางคนพูดว่า “ผมอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้” ใครพูดก็ไม่รู้ ดังนั้น ถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็ลงโทษคนทำผิดไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าเศรษฐกิจมีปัญหา ต้องถามว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น หลายคนนั่งอยู่ตรงนี้ก็ทราบดี เพราะนั่งอยู่กับตนด้วย แล้วใครถูกตี ถูกทุบรถ เรื่องเหล่านี้ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากท่านจะตอบโต้ก็เอาหลักฐานมายืนยันแล้วกัน ทั้งนี้ ในเรื่องมาตรา 44 จะเอาไปแกล้งข้าราชการทำไม วันนี้ไม่มีแล้ว ที่ผ่านมาเอาไว้แก้ปัญหา เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอเคโอ และการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือไอยูยู ซึ่งก็ทำสำเร็จ แต่ใช้ในการบูรณาการหรือแก้ปัญหา แล้วที่บอกว่าตนสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าใครพูดก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตนไม่ได้ไปนั่งร่วมร่างด้วย เพียงแต่ส่งความเห็น กรธ.ได้ข้อสรุปอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น และ 5 ปี 7 เดือนที่อยู่ในตำแหน่ง ลองนึกดูว่ามีคดีทุจริตกี่คดี ที่ผ่านมา เคยมีการแก้ไขหรือไม่ในกระบวนการยุติธรรม การทำงานของตนทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่ไปนั่งหัวโต๊ะแล้วสั่ง ไม่ก้าวล่วงอำนาจเขาเลย เพราะทุกกระทรวงมีกฎหมายอยู่ อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าตนเอื้อประโยชน์ให้ใครนั้น เป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือคาดการณ์กันไป แล้วที่บอกว่ารัฐบาลใช้โครงการประชานิยม แต่ตนเรียก tailor made หรือที่แปลว่าช่างตัดเสื้อ คือ แก้ปัญหาให้กับประชาชนแต่ละกลุ่มที่มีรายได้น้อยซึ่งเราต้องดูแลเรื่องนี้ กระทรวงการคลังสามารถชี้แจงได้ รวมถึงเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน BEM เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยไหน มีการให้สัมปทานมา 30 ปีแล้ว ตนก็ต้องแก้ไขเพราะมีกรณีฟ้องร้อง ทั้งนี้ ตนเป็นทหารต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจของตนเอง และต้องการให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ เมื่อชี้แจงอะไรก็ให้กรุณาฟัง
หลังจากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ กล่าวคำเท็จในสภา ที่ระบุว่า ไม่ได้ใช้เสียงวุฒิสภา เพราะความจริงแล้วในวันโหวตนายกฯ เป็นประธานการประชุมรัฐสภา ดังนั้น จึงถือเป็นการพูดเท็จ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภา กล่าวชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับใดๆ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าชี้แจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจก็ยากที่จะชี้แจงต่อไป ก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ พูดจบได้ยิ้มและนั่งลง