xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ควักไส้ล้วงพุง“นายพลส้มหวาน”อยู่บ้านหลวง ลืมปฏิรูปตัวเอง?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ท.พงศกร รอดชมภู
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -โป๊ะแตกเข้าอย่างจัง สำหรับ “เสธ.โหน่ง”พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ หลังออกมายอมรับว่า ปัจจุบันยังอยู่ “บ้านทหาร”แม้เกษียณอายุราชการมา 4 ปีแล้ว

“เสธ.โหน่ง”อ้างว่า สาเหตุที่ยังไม่ย้ายออก เพราะต้องการเก็บเงินเพื่อเอาไว้ดาวน์บ้านภายนอก ตั้งใจจะขนของออกในปีหน้า

แต่งานนี้เสียหายใหญ่หลวง เพราะ “เสธ.โหน่ง”ดันเป็นตัวตั้งตัวตี หัวหมู่ทะลวงฟันปฏิรูปกองทัพของพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะอดีตนายทหารเก่าระดับ“ดอกเตอร์”แต่กลับกระทำการย้อนแย้งเสียเอง

ขณะเดียวกัน ข้อแก้ตัวยังทำให้ “นายพลส้มหวาน”ยิ่งดูแย่ เพราะในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นเอาไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งส.ส. มีทรัพย์สินถึง 8,699,362 บาท

ประกอบด้วย เงินฝาก 7 บัญชี มูลค่า 240,362 บาท ที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 4,450,000 บาท บ้าน 1 หลัง มูลค่า 3,000,000 บาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 300,000 บาท ประกันชีวิต มูลค่า 4 แสนบาท พระและรูปหล่อบูชา มูลค่า 50,000 บาท, นาฬิกา 3 เรือน รวมมูลค่า 219,000 บาท และอาวุธปืน 1 กระบอก มูลค่า 40,000 บาท

โดยมีหนี้สิน 21,968,750 บาท ซึ่งเป็นหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือกับ พ.ท.หญิงฐิติยา รังสิตพล ตั้งวันที่ 2 ธันวาคม 2544

ขณะที่รายได้ต่อปี มีประมาณ 2,346,720 บาท เป็นเงินเดือนส.ส. 1,362,720 บาท เบี้ยประชุม 72,000 บาท เงินบำนาญ 912,000 บาท มีรายจ่าย 1,510,668 บาท

ดูรายการทรัพย์สินแล้ว ข้ออ้างที่ว่า กำลังเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านอยู่ข้างนอก จึง“เบาหวิว”

เมื่อเห็นว่าจวนตัว ในฐานะที่ชูธงปฏิรูปกองทัพมาตลอด จึงแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง“รองหัวหน้าพรรค”

บรรดาแฟนคลับพรรคอนาคตใหม่พากันชื่นชมในสปิริต หากแต่ดูจะเป็นเพียงการหลบกระแสหลบร้อนที่ถาโถมใส่ “พรรคสีส้ม” ที่คนในพรรคยังไม่ยอมปฏิรูปตัวเองเท่านั้น

เพราะหาก “เสธ.โหน่ง”ต้องการกระทำการเป็นตัวอย่าง ต้องรับผิดชอบในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ ที่ดูจะตรงจุดมากกว่าตำแหน่ง“รองหัวหน้าพรรค”ซึ่งไม่ได้มีอำนาจใดๆเลย

โดยตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปมากที่สุด คือประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ตัวเองนั่งอยู่

ตำแหน่งนี้เกี่ยวข้องทั้งเรื่อง“ความมั่นคง”ซึ่งมีกองทัพรวมอยู่ด้วย และเกี่ยวข้องกับ“การปฏิรูป”ดังนั้นหากตั้งใจจะแสดงสปิริต เหตุใดจึงเลือกที่จะลาออกจากตำแหน่งนี้ เพื่อให้คนที่มีความน่าเชื่อกว่ามาดำรงตำแหน่งแทน

เป็นการปอกเปลือกว่า บรรทัดฐานทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ จริงๆแล้วไม่ได้สูงกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะยังใช้วิธีแบบเดิมๆ คือ ลาออกจากตำแหน่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ให้เหมือนว่ารับผิดชอบแล้วจะได้จบกันไป

เดิมการให้“เสธ.โหน่ง”เป็นผู้นำของพรรคในการปฏิรูปกองทัพนั้น ถูกค่อนแคะมานานว่า เหมาะสมแค่ไหน เพราะประวัติในอดีตเองก็ไม่ได้ขาวโพนอะไรนัก

เพราะย้อนกลับเมื่อปี 2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถือเป็นยุคทองของนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 14 หรือ ตท.14 ที่ทหารและตำรวจได้ดีกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กโด่ง”พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ที่เป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการทหารบก ขณะนั้น

“บิ๊กแป๊ะ”พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กแจ๊ด”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “บิ๊กโก้”พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล “เสธ.แมว”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

แต่ “เสธ.โหน่ง”เพื่อน ตท.14 ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับขั้วอำนาจในขณะนั้น กลับไม่สามารถเติบโตในกองทัพได้ โดยนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย จนที่สุดต้องขอเพื่อนรักอย่าง “เสธ.แมว”โอนย้ายจากข้าราชการทหาร มาเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช.ในปี 2556

หาก“เสธ.โหน่ง”เป็น “ของจริง”เหตุใดจึงไม่เติบโตในกองทัพ ทั้งที่ยุคนั้นเป็นยุคทองของ ตท.14 และตัวเองมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาล แต่กลับอยากโอนย้ายมา สมช.

การย้ายมายังส่งผลกระทบให้ข้าราชการใน สมช. ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาเป็นรองเลขาธิการ สมช. ไม่ได้ขยับ เพราะถูกปาดหน้าเค้กโดยทหารที่ชื่อ “พล.ท.พงศกร”

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานอยู่ในสมช. ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ กลับไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด โดยในช่วงตอนที่ “ถวิล เปลี่ยนศรี”ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ถึงขั้นต้องกุมขมับ เพราะพบว่า มันเละตุ้มเป๊ะอย่างมาก

ที่สุดในปี 2558 “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องตัดสินใจใช้ มาตรา 44 โยก พล.ท.พงศกร เข้ากรุมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ จนถึงเกษียณอายุราชการในปี 2559

การย้ายมาสมช.ตอนปี 2556 ยังเป็น “ใบเสร็จ”มัด “เสธ.โหน่ง”อีกใบหนึ่งว่า ตัวเองไม่ได้เป็นทหารตั้งแต่บัดนั้น เพราะได้เป็น “ข้าราชการพลเรือน”เต็มขึ้นตั้งแต่เป็นรองเลขาธิการ สมช.

ดังนั้น หากจะนับเวลาให้ถูกต้องว่า“เสธ.โหน่ง”อาศัยบ้านสวัสดิการทหาร ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ขึ้นกับกองทัพไทยแล้ว จนถึงบัดนี้ล่วงเลยมาแล้ว 8 ปี ไม่ใช่นับหลังตัวเองเกษียณอายุราชการแค่ 4 ปี

คำถามคือ หากเรื่องนี้ไม่แดงขึ้นมา“เสธ.โหน่ง”ตั้งใจจะออกมาซื้อบ้านข้างนอกจริงหรือไม่ หรือตีเนียน อยู่ต่อไปเรื่อยๆ

“เสธ.โหน่ง”ที่จะทำการปฏิรูปกองทัพ แต่กับยินดีที่จะอาศัยช่องตรงนี้อยู่บ้านสวัสดิการต่อ
การปฏิรูปกองทัพของ คนระดับพลโท ดีกรี “ดอกเตอร์”ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะตั้งใจจะให้ดีขึ้น หรือเป็นเพราะคับแค้นใจ ที่เคยถูก “บิ๊กตู่”สั่งเด้งมาตบยุง

บางที“เสธ.โหน่ง”อาจเข้าคอนเซปต์ “ว่าเขาอิเหนาเป็นเอง”กว่าใครที่สุด.




กำลังโหลดความคิดเห็น