xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตใหม่ปฏิรูปโป๊ะแตก-หมดพลังเร่าร้อน !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมืองไทย 360 องศา




กำลังจะเดินเครื่องออกตัวเต็มกำลังอยู่แล้วเชียวสำหรับพรรคอนาคตใหม่ที่นำโดย “สองสหาย” ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค กับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่สำคัญกำลังจะได้โอกาสขยายแผลเรื่องการปฏิรูปกองทัพจากกระแสต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างเทอร์มินอล 21 ที่จังหวัดนครราชสีมามาหมาดๆหวังกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาล เรียกว่า “กินสองต่อ” หวังจะเข้าฮอสพร้อมกันทีเดียว แต่ก็อย่างว่าบางทีอย่างที่เรียกว่า “คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต” หรือเปล่า เพราะกำลังจะเริ่มออกตัวอยู่แล้วดันเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดต้องจอดตั้งแต่ไม่ได้ออกจากท่าด้วยซ้ำไป

เหมือนกับแนวทางที่กำลังเดินเครื่องกดดันให้มีการปฏิรูปกองทัพตามหลังจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศผ่าตัดกองทัพบกครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดประเด็นในเรื่องการอาศัยในบ้านพักสวัสดิการทหารหลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ย้ายออกไป ความหมายก็เพื่อต้องการบดขยี้บรรดาอดีตนายทหารที่เกษียณฯไปแล้วหลายคนในรัฐบาล เป้าหมายก็น่าจะพอเดาออกว่าหมายถึงระดับ “บิ๊ก” ในรัฐบาลคนใดบ้าง

ขณะเดียวกันต้องการชี้ให้เห็นถึงความล้าหลังของกองทัพที่ต้องมีการปฏิรูปกันครั้งใหญ่ตามแนวทางที่ตัวเองต้องการมาตั้งแต่ต้น แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละกำลังไล่ถล่มอยู่ดีๆดันมาโป๊ะแตกเสียก่อนกับการที่ “นายพลส้มหวาน” คือ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่จำนนต่อหลักฐานยอมรับว่าเขาก็ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านพักสวัสดิการทหาร แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วนานกว่า 4 ปี พร้อมทั้งกล่าวแบบอ้อมแอ้มว่าจะย้ายออกในปีหน้า โดยอ้างว่ายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เนื่องจากมีเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 7 หมื่นบาทเท่านั้น

กรณีของ พล.ท.พงศกร รอดชมพู ทำให้พรรคอนาคตใหม่ เสียรังวัดไปอย่างมาก โดยเฉพาะทำลายน้ำหนักในการไล่บี้กองทัพและหวังกระทบชิ่งไปยังผู้นำรัฐบาลลงไปอย่างมาก ทำนอง “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” กลายเป็นว่าเรียกร้องให้คนอื่นปฏิรูป แต่ตัวเองนั้นมีปัญหายิ่งกว่า
 
รวมไปถึงการเรียกร้องในเรื่องประชาธิปไตย เลิกแบ่งชนชั้น แต่กลายเป็นว่าเมื่อหันกลับมาย้อนพิจารณาถึงข้อกล่าวหาหรือข้อร้องเรียนของสมาชิกพรรครมไปถึงอดีตผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ที่ลาออกไปได้เคยออกมาแฉในทำนองว่าภายในพรรคอนาคตใหม่มีการแบ่งชนชั้น มีกลุ่ม “ชนชั้นนำ” ที่มีความใกล้ชิดเป็นเพื่อนฝูงของหัวหน้าพรรค มีการส่งคนที่มีการระบุว่าเป็นคนในกลุ่ม “เครือซัมมิต” ไปบริหารจัดการภายในสาขาพรรค และมีข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตเกิดขึ้นด้วย แต่เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามากลับเงียบหายไปทุกครั้ง

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบังเอิญว่ามีเวลาใกล้เคียงกับเรื่องสำคัญที่พรรคอนาคตใหม่กำลังเผชิญอยู่ นั่นคือ “คดีเงินกู้ของพรรค” ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีการวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหากนับกันในเวลานี้ก็ต้องถือว่าได้เวลา “นับถอยหลัง”กันแล้วว่าผลจะออกมาแบบไหน เพราะมีผลถึงขั้นต้องถูกยุบพรรค ดังที่รับรู้กันอยู่แล้วหากผลออกมาในทางลบ

หลายคนกำลังมองว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญในทำนองว่ามีการรวบรัด ไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งมีการข่มขู่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะผู้ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ว่าจะต้องถูกฟ้องร้องเอาคืนในภายหลัง

อย่างไรก็ดีทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งการรณรงค์คัดค้านการวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และล่าสุดกรณีการสร้างกระแสกดดันให้มีการปฏิรูปกองทัพอย่างเต็มรูปแบบ แต่กลายเป็นว่าเมื่อเกิดกรณีของ “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” ของ พล.ท.พงศกร รอดชมพู รองหัวหน้าพรรคที่จำนนต่อหลักฐานว่ายังอยู่บ้านหลวง หลังเกษียณฯไปหลายปีแล้ว ก็ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดกึก รวมไปถึงทำให้อารมณ์ร่วมเรื่องการขัดขวงการยุบพรรคต้อง “มอด” ลงไปทันที

แม้ว่านาทีนี้ พล.ท.พงศกร รอดชมพูจะลาออกจากกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นว่าถูกมองว่า “เหลี่ยมจัด” ไปเสียอีก เพราะเป็นแผนเพื่อเอาตัวรอด หากพรรคถูกวินิจฉัยยุบพรรคในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ไปเสียอีก
 
เอาเป็นว่าเวลานี้กระแสของพรรคอนาคตใหม่คงไม่ได้ร้อนแรงอย่างที่หวังเอาไว้จากกรณี “โป๊ะแตก” ดังกล่าวนั่นแหละ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น