ปตท.เผยปี 62 มีกำไร 9.29 หมื่นล้านบาท ลดลง 22.3% เมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ1.19 แสนล้านบาท เหตุรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมี-การกลั่นลดลง รวมทั้งมีค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายของ GPSC - PTTEP เพิ่มขึ้น ขณะที่ “บอร์ด ปตท.” อนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 62 หุ้นละ 2บาท
วานนี้ (20 ก.พ.) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าผลประกอบการปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 92,950.60 ล้านบาท ลดลง 22.3% เมื่อเทียบจากปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 119,647.25 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ที่ลดลง และค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จากัด (มหาชน) (GPSC)และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) (PTTEP)แม้ว่ามีผลกำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทในปี 62 ที่แข็งค่ามากกว่า ปี 61
ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,219,739 ล้านบาท ลดลง 116,416 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 โดยหลักลดลงจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจน้ำมันลดลง แม้ว่ารายได้ขายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ธุรกิจสำรวจและผลิตฯ และ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) จำนวน 288,972 ล้านบาท ลดลง 62,424 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 17.8 จาก 351,396 ล้านบาท ในปี 61
“สาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบที่ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ แม้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันในปี 62 ขณะที่ ปี 61 มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสาย โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ปรับลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ เนื่องจากราคาขายอ้างอิงปิโตรเคมีปรับลดลงมาก ในขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณขายเพิ่มขึ้น” นายชาญศิลป์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม EBITDA ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักจากการเข้าซื้อ บริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ของบริษัท โกลบอลเพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจาก ปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกช และการเข้าซื้อกิจการของ บริษัท Murphy และ Partex ของ PTTEP
ทั้งนี้ ในปี 62 กลุ่ม ปตท. มีค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานเพิ่มเติมตาม ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ รวม 4 ,219 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 2 ,470 ล้านบาท รวมถึง ปตท. รับรู้ค่าความเสียหายของคดีความ 2,105 ล้านบาท และมีการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าท่อส่งก๊าซฯ 498 ล้านบาท ในขณะที่ ปี 2561 มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จากัด (มหาชน) (GGC) จำนวน 2,004 ล้านบาท และการรับรู้ผลขาดทุนจากการขาย สินทรัพย์แหล่งมอนทาราของ PTTEP จำนวน 1,886 ล้านบาท
ขณะที่ ที่ประชุมคณะกรรมการปตท. ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2562 อัตราหุ้นละ 2 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลดำเนินงวด 6 เดือนแรกปี 62 แล้ว 0.90 บาท/หุ้น คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 62 อีก 1.10 บาท/หุ้น โดยจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่ออนุมัติ โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เม.ย.63
วานนี้ (20 ก.พ.) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าผลประกอบการปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 92,950.60 ล้านบาท ลดลง 22.3% เมื่อเทียบจากปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 119,647.25 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ที่ลดลง และค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จากัด (มหาชน) (GPSC)และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) (PTTEP)แม้ว่ามีผลกำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทในปี 62 ที่แข็งค่ามากกว่า ปี 61
ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,219,739 ล้านบาท ลดลง 116,416 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 โดยหลักลดลงจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจน้ำมันลดลง แม้ว่ารายได้ขายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ธุรกิจสำรวจและผลิตฯ และ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) จำนวน 288,972 ล้านบาท ลดลง 62,424 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 17.8 จาก 351,396 ล้านบาท ในปี 61
“สาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบที่ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ แม้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันในปี 62 ขณะที่ ปี 61 มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสาย โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ปรับลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ เนื่องจากราคาขายอ้างอิงปิโตรเคมีปรับลดลงมาก ในขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณขายเพิ่มขึ้น” นายชาญศิลป์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม EBITDA ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักจากการเข้าซื้อ บริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ของบริษัท โกลบอลเพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจาก ปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกช และการเข้าซื้อกิจการของ บริษัท Murphy และ Partex ของ PTTEP
ทั้งนี้ ในปี 62 กลุ่ม ปตท. มีค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานเพิ่มเติมตาม ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ รวม 4 ,219 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 2 ,470 ล้านบาท รวมถึง ปตท. รับรู้ค่าความเสียหายของคดีความ 2,105 ล้านบาท และมีการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าท่อส่งก๊าซฯ 498 ล้านบาท ในขณะที่ ปี 2561 มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จากัด (มหาชน) (GGC) จำนวน 2,004 ล้านบาท และการรับรู้ผลขาดทุนจากการขาย สินทรัพย์แหล่งมอนทาราของ PTTEP จำนวน 1,886 ล้านบาท
ขณะที่ ที่ประชุมคณะกรรมการปตท. ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2562 อัตราหุ้นละ 2 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลดำเนินงวด 6 เดือนแรกปี 62 แล้ว 0.90 บาท/หุ้น คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 62 อีก 1.10 บาท/หุ้น โดยจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่ออนุมัติ โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เม.ย.63