ผู้จัดการรายวัน360 - บอร์ดรฟม.ตั้งกก.มาตรา36 เร่งเปิดประมูลสัมปทาน รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้าน ปรับแผนเร็วขึ้น 3 เดือน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดเซ็นสัญญาปลายปี 63 ตอกเข็มกลางปี 64 ลุยสั่งขบวนรถ เปิดส่วนตะวันออกก่อน ทบทวนปรับค่าโดยสารสีน้ำเงิน สั่งหาข้อมูล ลดค่าครองชีพ ประชาชนก่อน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ดรฟม.วานนี้ (12 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2562 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์และเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดเส้นทาง บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยได้เร่งรัดให้รฟม.ปรับแผนการดำเนินโครงการให้เร็วขึ้น ประมาณ 3 เดือนเพื่อเร่งรัดการลงทุน
สั่งทบทวนปรับค่าโดยสารสีน้ำเงิน
ส่วนกรณีที่ รฟท. เสนอปรับลดอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อัตรา 1 บาท ในบางสถานี ซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ที่กำหนดปรับทุก 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่จะครบในวันที่ ?3 ก.ค.63? นั้น ที่ประชุมเห็นว่า ข้อมูลรายละเอียดยังไม่ครบถ้วน ให้รฟม.ไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าของรฟม. กับประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าไทยถูกมองว่าราคาแพงกว่าที่อื่น รวมทั้งให้รฟม.ไปเจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) หามาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารด้วย
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุน ปี 2562 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง รฟม. เป็นประธาน คาดว่าจะนัดประชุมครั้งแรกภายใน 2 สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ รฟม. ได้ปรับแผนงานโครงการให้เร็วขึ้น 3 เดือน เพื่อให้ได้ตัวผู้รับจ้างเร็วที่สุด เพื่อให้การลงทุนโครงการสายสีส้ม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทั้งเชื้อไวรัสโคโรนา และการท่องเที่ยวที่ถดถอย
โดยตั้งเป้าจะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ เปิดประกวดราคาคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือน เม.ย.63 ให้เวลาในการทำข้อเสนอ 60 วัน ยื่นข้อเสนอในเดือน ก.ค. คาดจะเจรจากับเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกให้แล้วเสร็จ พร้อมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน พ.ย.63 และลงนามสัญญาจ้างภายในปี 2563 และเริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี 2564 ในขณะเดียวกัน รฟม.อยู่ระหว่างการยกร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืน เพื่อนำเสนอครม.ในทางคู่ขนานด้วย
นายภคพงศ์ กล่าวว่า หลังจากลงนามสัญญาจ้าง จะมีเวลาให้เอกชนออกแบบก่อสร้างอีก 4 เดือน และหากสามารถ เริ่มการก่อสร้างได้ในกลางปี กลางปี 64 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี ซึ่งตามแผน จะเปิดเดินรถในส่วนของตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวิทวงศ์) ก่อน ในปี 2569 คาดว่า จะมีผู้โดยสารประมาณ 250,000 คนต่อวันโดยขณะนี้ งานก่อสร้างคืบหน้า 51% หลังจากลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้วเอกชนสามารถสั่งผลิตชิ้นส่วนและขบวนรถไฟฟ้าได้ทันที เนื่องจากใช้เวลาผลิตอีก 2 ปี
ส่วนสายสีส้มด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2570 ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มเป็น 500,000คนต่อวัน โดยใช้รถไฟฟ้า ทั้งหมด 40 ขบวนๆละ3 ตู้
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ดรฟม.วานนี้ (12 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2562 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์และเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดเส้นทาง บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยได้เร่งรัดให้รฟม.ปรับแผนการดำเนินโครงการให้เร็วขึ้น ประมาณ 3 เดือนเพื่อเร่งรัดการลงทุน
สั่งทบทวนปรับค่าโดยสารสีน้ำเงิน
ส่วนกรณีที่ รฟท. เสนอปรับลดอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อัตรา 1 บาท ในบางสถานี ซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ที่กำหนดปรับทุก 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่จะครบในวันที่ ?3 ก.ค.63? นั้น ที่ประชุมเห็นว่า ข้อมูลรายละเอียดยังไม่ครบถ้วน ให้รฟม.ไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าของรฟม. กับประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าไทยถูกมองว่าราคาแพงกว่าที่อื่น รวมทั้งให้รฟม.ไปเจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) หามาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารด้วย
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุน ปี 2562 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง รฟม. เป็นประธาน คาดว่าจะนัดประชุมครั้งแรกภายใน 2 สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ รฟม. ได้ปรับแผนงานโครงการให้เร็วขึ้น 3 เดือน เพื่อให้ได้ตัวผู้รับจ้างเร็วที่สุด เพื่อให้การลงทุนโครงการสายสีส้ม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทั้งเชื้อไวรัสโคโรนา และการท่องเที่ยวที่ถดถอย
โดยตั้งเป้าจะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ เปิดประกวดราคาคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือน เม.ย.63 ให้เวลาในการทำข้อเสนอ 60 วัน ยื่นข้อเสนอในเดือน ก.ค. คาดจะเจรจากับเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกให้แล้วเสร็จ พร้อมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน พ.ย.63 และลงนามสัญญาจ้างภายในปี 2563 และเริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี 2564 ในขณะเดียวกัน รฟม.อยู่ระหว่างการยกร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืน เพื่อนำเสนอครม.ในทางคู่ขนานด้วย
นายภคพงศ์ กล่าวว่า หลังจากลงนามสัญญาจ้าง จะมีเวลาให้เอกชนออกแบบก่อสร้างอีก 4 เดือน และหากสามารถ เริ่มการก่อสร้างได้ในกลางปี กลางปี 64 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี ซึ่งตามแผน จะเปิดเดินรถในส่วนของตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวิทวงศ์) ก่อน ในปี 2569 คาดว่า จะมีผู้โดยสารประมาณ 250,000 คนต่อวันโดยขณะนี้ งานก่อสร้างคืบหน้า 51% หลังจากลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้วเอกชนสามารถสั่งผลิตชิ้นส่วนและขบวนรถไฟฟ้าได้ทันที เนื่องจากใช้เวลาผลิตอีก 2 ปี
ส่วนสายสีส้มด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2570 ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มเป็น 500,000คนต่อวัน โดยใช้รถไฟฟ้า ทั้งหมด 40 ขบวนๆละ3 ตู้