ว่าจะเล่าเรื่องการจัดงานสุดอลังการ World Summit 2020 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ในช่วงสัปดาห์ก่อนของ Universal Peace Conference องค์กรของสาธุคุณ Sun Myung Moon ผู้ก่อตั้ง Unification Church เป็นองค์กรที่รณรงค์การเผยแพร่ศาสนา และสันติภาพ
เป็นองค์กรที่เคยตกเป็นข่าวถูกตรวจสอบในประเทศไทยในช่วงกว่า 20 ปีก่อนว่าเป็นลัทธิ “มูนนี่” ถูกสงสัยว่ามีบทบาท คำสอน และแนวปฏิบัติน่าสงสัย ต้องใช้เวลานานกว่าจะสร้างความกระจ่าง เพราะสาธุคุณมูน มีองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ พร้อมเครือข่าย
เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ “วอชิงตัน ไทม์ส” ในสหรัฐอเมริกา จนทุกวันนี้
ไม่ใช่เฉพาะในไทย การขยายงานขององค์กร UPC ในประเทศอื่นๆ ก็ถูกมองด้วยความกังขาเช่นเดียวกัน ว่ามีวัตถุประสงค์แฝงเร้นอย่างไรหรือไม่ สาธุคุณมูนยังเดินหน้าขยายกิจกรรมเครือข่ายต่อไปในงานส่งเสริมสันติภาพ และโครงการเพื่อสังคมอื่นๆ
กรุงโซลช่วงจัดงานมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิบางวันอยู่ติดลบ 12-13 องศา มีหิมะตกปรอยๆ บางวัน ทั้งอยู่ในช่วงการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสในหลายประเทศ ทำให้ความคึกคักในตัวเมือง คนเดินบนถนนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเฝ้าระวัง
ย่านเมียงดง สำหรับนักชอปจากไทย โดยเฉพาะวัยรุ่น ยังมีคนเดินซื้อหาสินค้า มีเสียงพูดคุยเป็นภาษาไทยตลอด แสดงให้เห็นว่าโคโรนาไวรัสไม่เป็นอุปสรรคสำคัญมาก เครื่องบินเข้า-ออกกรุงโซลก็ยังมีนักเดินทางท่องเที่ยว ฝรั่งมังค่าก็มีไม่น้อยเช่นกัน
และหลายพันคนก็มาร่วมงาน World Summit 2020 ครั้งนี้ด้วย
มีประชุมทุกปี ในเมืองต่างๆ มีคนจากทุกสาขาอาชีพเข้าร่วมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ในปีที่ผ่านมา กรุงพนมเปญได้รับเป็นเจ้าภาพ โดยมีนายกฯ ฮุนเซน เป็นแม่งาน และผ่านลุล่วงไปด้วยดี ดังนั้นผู้นำกัมพูชาจึงเป็น 1 ในกลุ่มคนระดับนานาชาติเข้าร่วมงานในปีนี้
ปีก่อนหน้านี้ก็ไปจัดงานในสหรัฐฯ และปีนี้เจ้าภาพจะเป็นเมียนมาร์ ซึ่งเตรียมจัดงานที่เมืองหลวงใหม่ กรุงเนปิดอว์ เพราะรองประธานาธิบดีของเมียนมาร์ก็ได้ไปร่วมงานที่กรุงโซล และแสดงความพร้อมในการรับเป็นเจ้าภาพ ทั้งด้านการรับรองผู้เข้าร่วมงาน
องค์กร UPF เป็นผู้สนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่ละครั้ง
แต่ละปี มีผู้เข้าร่วมรายใหม่ๆ สะท้อนให้เห็นการยอมรับของประชาคมต่างๆ โดยเฉพาะการเน้นความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวเพื่อความมั่นคงของสังคม
World Summit 2020 จัดที่กรุงโซลช่วงวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีคนจากหลายประเทศเข้าร่วมประมาณ 5 พันคน จากประเทศไทยก็มีคณะเกือบ 30 คนเข้าร่วม ถือว่าเป็นการจัดงานขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณที่ประเมินไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ทำได้ด้วยทุนจากการบริจาคโดยผู้ศรัทธาในแนวทางสันติภาพจากทั่วโลก
นับว่าเป็นงานขนาดใหญ่ จัดโดยองค์กรภาคเอกชน ประกาศให้เห็นว่าองค์กรของสาธุคุณมูน ได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญทั่วโลก ในเกาหลี ตัวแทนของรัฐบาลเกาหลีก็ให้การยอมรับ แขกวีไอพี และคนเกาหลีซึ่งปราศรัยในงานครั้งนี้ ก็เป็นคนดัง
นั่นคือ นายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการองค์กรสหประชาชาติ เพราะงานนี้เป็นการพูดเกี่ยวกับความสำคัญในการสร้างสันติภาพ มิตรภาพ ความสุขในหมู่มวลมนุษย์ อีกคนคืออดีตประธานสภาคองเกรส Newt Gingrich ผู้เคยล้มประธานคนก่อน Jim Wright
มีคณะจากทุกทวีป ได้เห็นความหลากหลายด้านอาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา
และมีคนมีชื่อเสียงเช่นผู้นำประเทศ นักการเมืองสหรัฐฯ นักธุรกิจ และองค์กรด้านเอกชน สื่อมวลชน ฝ่ายไทยนำโดยประธานมูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากล ประเทศไทย Universal Peace Federation (UPF) พล.อ.เทอดศักดิ์ มารมย์ นายทหาร จปร.รุ่น 7
ผู้ร่วมคณะอดีตวุฒิสมาชิก ข้าราชการเกษียณจากกองทัพ หน่วยงานอื่นๆ โดยมีนายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ เป็นตัวแทนของไทยขึ้นพูดในวาระซึ่งเนื้อหาในช่วงนั้นเป็นที่น่าประทับใจ เน้นประเด็นมิตรภาพ สันติภาพ ความสัมพันธ์
ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที คุณหมอกระแส พูดแทบจะเป็นแบบด้นสดๆ มีโน้ตประกอบแค่นั้น ไม่มี speech หรือ prepared text ไม่มีสะดุด ติดขัด เป็นไปอย่างธรรมชาติ น่าทึ่งไม่น้อยเพราะท่านเคยได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในช่วงหนึ่ง อายุ 80 กว่าแต่ยังแข็งแรง
ตลอดช่วงการเดินทาง คุณหมอกระแสไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่กังวลทุกข์ร้อน
พูดถึงงาน World Summit ครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ใช้สถานที่ขนาดใหญ่นั่นคือศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการของเกาหลี KINTEX การเดินทางใช้รถบัสหลายสิบคัน ผู้ได้รับเชิญกระจายไปพักตามโรงแรมต่างๆ เป็นการจัดอย่างสมบูรณ์
ยังดีที่ช่วงจัดงานยังมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในเกาหลีใต้ไม่กี่ราย ทำให้ไม่น่ากังวล
ในห้องประชุม การเข้าออกมีการตรวจอุณหภูมิร่างกาย เจลฆ่าเชื้อ และมีรับประกันด้วยว่าในบริเวณงานประชุม เป็นเขตปลอดเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งในวันแรกมีคนสวมหน้ากากอนามัยเกือบทุกคน จากนั้นมีให้เห็นบ้างประปราย ส่วนใหญ่ไม่สวม
ยิ่งวันที่ 6 เป็นงานรำลึกถึงสาธุคุณมูนผู้วายชนม์ในปี 2012 ด้วยวัย 92 ปี แต่มาดาม Hak Ja Han Moon ภริยาวัย 77 ปีผู้สืบสานปณิธานของท่านมูนยังเป็นแม่งานมา โดยเป็นวันครบรอบวันเกิด 100 ปีของท่านสาธุคุณมูน จึงจัดงานใหญ่ในสนามกีฬา
มีผู้เข้าร่วมงานมากถึง 3 หมื่นคน เป็นงานอลังการ พร้อมการแสดงหลากหลายต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมงได้เห็นการใช้เทคโนโลยีทันสมัย สะท้อนให้เห็นความพร้อมด้านเงินสนับสนุนสำหรับองค์กรจากรายได้ของภาคธุรกิจและบริจาคโดยองค์กรต่างๆ
สาธุคุณมูนไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของภริยา แต่การที่มีเครือข่ายงานสันติภาพทั่วโลก และเพื่อการรวมตัวระหว่างคนเกาหลีใต้-เกาหลีเหนือ ถือว่าได้บรรลุเป้าหมายระดับหนึ่งแล้ว คงให้ภริยาและลูกๆ ได้สืบสานภารกิจต่อไป