เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายประจำปี (state of union) ต่อสภาคองเกรสเมื่อค่ำวานนี้ (4 ก.พ.) ระบุเศรษฐกิจอเมริกาเติบโตแข็งแกร่ง การจ้างงานและรายได้เพิ่มสูงขึ้น ส่วนความสัมพันธ์กับจีนก็เรียกได้ว่าดีที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ขณะเดียวกันก็มีฉากดราม่าเกิดขึ้นเมื่อ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะจับมือ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายเดโมแครต ส่วน เพโลซี เองก็ฉีกสำเนาคำปราศรัยของผู้นำสหรัฐฯ กลางเวทีขณะที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
ทรัมป์ เอ่ยถึง “การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของอเมริกา” และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการโอ้อวดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและผลงานต่างๆ ที่มาสนับสนุน เช่น ข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน และข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับเม็กซิโกและแคนาดา
ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) จะช่วยสร้างตำแหน่งงานที่รายได้สูงในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกาได้เกือบ 100,000 ตำแหน่ง และถือเป็นข้อตกลงการค้าฉบับแรกในรอบหลายปีที่ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากสหภาพแรงงานในอเมริกา
ในประเด็นจีน ทรัมป์ระบุว่าข้อตกลงการค้าเฟสแรกจะช่วยปกป้องแรงงานอเมริกัน ตลอดจนทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกา และชี้ว่าความสัมพันธ์กับจีนในเวลานี้อาจจะเรียกว่า “ดีที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา” รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ด้วย
ทรัมป์ ยังประกาศว่ารัฐบาลของตนพร้อมที่จะสนับสนุนชาวคิวบา ชาวนิการากัว รวมถึงชาวเวเนซุเอลาให้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในประเทศ พร้อมกันนั้นก็กล่าวประณามประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลาว่าเป็น “ผู้ปกครองที่ไร้ความชอบธรรม และเป็นทรราชกดขี่ประชาชน” ซึ่งจะต้องถูกบดขยี้และทำลายลงในที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เชิญ ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลามาเป็นหนึ่งในแขกพิเศษของการแถลงนโยบายประจำปีนี้ด้วย
ทรัมป์ ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ทุ่มงบประมาณสนับสนุนกองทัพมากเป็นประวัติการณ์ถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และยังสามารถโน้มน้าวชาติพันธมิตรนาโตให้ร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็เอ่ยถึงการจัดตั้งกองกำลังอวกาศ (US Space Force) ขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการสถาปนากองทัพอากาศสหรัฐฯ ขึ้นเมื่อ 70 ปีก่อน
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงแผนสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่เขาหวังว่าจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวหลายล้านคนได้มีอนาคตที่สดใส ขณะเดียวกันก็อ้างถึงผลงานการทำลายล้าง “รัฐคอลีฟะห์” ของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย และการปลิดชีพ อบูบาการ์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดไอเอส
ทรัมป์ ยังประกาศแผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และอุโมงค์ทางลอดต่างๆ ในอเมริกาที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน และรับรองว่าพลเมืองอเมริกันทุกคนจะต้องสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองหรือชนบทห่างไกลก็ตาม
ทรัมป์ ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดึงสหรัฐฯ ออกจากสงครามในตะวันออกกลาง และพาทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานกลับบ้าน เขาย้ำว่าสหรัฐฯ “ไม่ได้มีหน้าที่เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายให้กับประเทศอื่นๆ” และไม่ได้ต้องการเข่นฆ่าชาวอัฟกันนับแสนๆ คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์
การแถลงนโยบายประจำปีของผู้นำสหรัฐฯ ในปีนี้ยังปรากฏสัญญาณความแตกแยกอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายรีพับลิกันและเดโมแครต และสะท้อนความร้อนระอุของการเมืองสหรัฐฯ ในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสายเดโมแครต ได้ยื่นมือออกไปเพื่อจะทักทาย ทรัมป์ แต่ปรากฏว่าผู้นำสหรัฐฯ ทำเมินไปเสียเฉยๆ ซึ่งทำให้ เพโลซี ตกตะลึงพอสมควร ผู้ช่วยของทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันว่า ทรัมป์ และ เพโลซี ไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่ประชุมร่วมกันครั้งสุดท้ายในเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว
หลังการกล่าวปราศรัยเป็นเวลา 80 นาทีของ ทรัมป์ เสร็จสิ้นลง เพโลซี ได้ยืนขึ้นและฉีกสำเนาคำปราศรัยของผู้นำสหรัฐฯ ต่อหน้าต่อตาผู้ชมนับล้านๆ คน ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังว่า “นี่คือการกระทำที่กล้าหาญ เมื่อพิจารณาทางเลือกอื่นๆ แล้ว”