เอเจนซีส์ - “สภาสูง” อุ้ม “ทรัมป์”รอดข้อกล่าวหาในคดีถอดถอนตามคาด ตอกย้ำความแตกแยกของอเมริกาและอิทธิพลของนักธุรกิจที่ผันตัวเป็นประธานาธิบดีผู้นี้ที่ครอบงำสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างอยู่หมัด ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีก 9 เดือนข้างหน้า ด้านเดโมแครตซัดการทรยศรัฐธรรมนูญของรีพับลิกันครั้งนี้จะทำให้ทรัมป์ยังทำตัวเหนือกฎหมายและโกงการเลือกตั้งตามใจชอบต่อไป
ระหว่างการโหวตเมื่อวันพุธ (5 ก.พ.) วุฒิสมาชิกรีพับลิกันยังคงเทเสียงเข้าข้างทรัมป์ และล้มล้างข้อกล่าวหาความผิดเขาทั้ง 2 ข้อหา นั่นคือ การใช้อำนาจประธานาธิบดีอย่างมิชอบ และการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของรัฐสภา โดยที่ข้อหาแรก เสียงออกมาอยู่ที่ 48 ต่อ 52 ขณะที่ข้อหาหลังอยู่ที่ 47 ต่อ 53 ไม่ถึงแม้กระทั่งกึ่งหนึ่งของเสียงในวุฒิสภา อย่าว่าแต่จะต้องถึงเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ใน 3 จึงจะสามารถถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้
ถึงแม้มีวุฒิสมาชิกหลายคนยอมรับเป็นการภายในว่า พฤติกรรมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่ถูกกล่าวหาในคดีถอดถอนออกจากตำแหน่งนั้น มีความบกพร่องจริง แต่พวกเขาก็โต้แย้งว่าเป็นความผิดที่ไม่เข้าข่ายจะต้องถูกถอดถอน และมีเพียง มิตช์ รอมนีย์ เป็น ส.ว.รีพับลิกันเพียงคนเดียว ซึ่งโหวตเห็นชอบให้ถอดถอนทรัมป์ตามข้อกล่าวหาแรก แต่กลับมาออกเสียงไม่เห็นชอบในข้อกล่าวหาหลัง ขณะที่ ส.ว.คนอื่นๆ ต่างออกเสียงตามแนวทางของแต่ละพรรคอย่างชัดเจน
แม้การดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอน จะทำให้ประวัติของทรัมป์มัวหมองไปตลอดกาลเช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก 2 คนคือ แอนดรูว์ จอห์นสัน และบิลล์ คลินตัน ที่เผชิญการอิมพิชแต่รอดพ้นข้อกล่าวหามาได้เช่นเดียวกัน กระนั้น ต้องถือว่า ขณะนี้ อุปสรรคสำคัญได้รับการสะสาง และปูทางให้ทรัมป์เริ่มลุยหาเสียงอย่างเต็มที่เพื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งยังถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดของทรัมป์ที่มีต่อเดโมแครต
ภายหลังการโหวตของวุฒิสภา ทรัมป์ประกาศว่า จะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาวในวันพฤหัสฯ (6) เกี่ยวกับ “ชัยชนะของประเทศต่อกระบวนการถอดถอนจอมปลอม!”
ก่อนหน้านั้นเขาทวิตภาพตัดต่อปลอมปกนิตยสารไทม์ที่มีข้อความประกาศว่า ตนเองคือประธานาธิบดีตลอดกาล และต่อมายังทวิตวิดีโอโจมตี รอมนีย์ วุฒิสมาชิกคนแรกในประวัติศาสตร์ของอเมริกาที่สนับสนุนการกล่าวหาประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกัน
ขณะที่ทำเนียบขาวประกาศว่า ทรัมป์พ้นมลทินโดยสิ้นเชิง ทว่า ทางด้านเดโมแครต นำโดยแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร โจมตีว่า รีพับลิกันละเมิดกฎหมาย เนื่องจากตัดสินให้ทรัมป์พ้นผิดทั้งที่ยังไม่ได้ไต่สวน และการทรยศต่อรัฐธรรมนูญของรีพับลิกันในครั้งนี้จะทำให้ทรัมป์ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยของอเมริกาด้วยการยืนกรานว่า ตนอยู่เหนือกฎหมายและสามารถโกงการเลือกตั้งได้ถ้าต้องการ
เดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่างอนุมัติกระบวนการถอดถอนทรัมป์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งจุดประเด็นมาจากการที่มีผู้เปิดโปงว่า ทรัมป์กดดันให้ยูเครนเปิดการสอบสวนโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีและตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมโครต ในคดีทุจริตเพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางทหาร
อย่างไรก็ตาม แม้พ่ายแพ้ไปในในเรื่องการถอดถอน แต่เดโมแครตประกาศว่า จะเดินหน้าสอบสวนต่อไปโดยขณะนี้กำลังร้องเรียนต่อศาลเพื่อให้สามารถเข้าถึงบันทึกการเงินของทรัมป์ รวมทั้งยังหวังว่า การเปิดโปงพฤติกรรมของทรัมป์ระหว่างกระบวนการถอดถอน จะทำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงหันมาร่วมมือร่วมใจกันปิดโอกาสไม่ให้อดีตนักธุรกิจผู้นี้ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย
แต่ดูเหมือนเดโมแครตอาจต้องผิดหวัง เพราะผลสำรวจความคิดเห็นที่รอยเตอร์/อิปโซสจัดทำขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ (3-4) พบว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 42% เห็นชอบผลการทำงานของทรัมป์ ส่วนที่ไม่เห็นชอบมี 54% ซึ่งยังคงเกือบเท่ากับตอนที่สภาล่างเปิดการสอบสวนทรัมป์ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการโหวต โดยกล่าวหาว่า เดโมแครตใช้กระบวนการถอดถอนเพื่อให้ได้เปรียบในการแย่งชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน แต่ความพยายามดังกล่าวกลับกลายเป็นข้อผิดพลาดทางการเมืองครั้งมโหฬาร