xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กแดง"หลั่งน้ำตาขอโทษ-ลั่นย้ายล้างบาง “นายพล-นายพัน” เหลือบกองทัพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กแดง" หลั่งน้ำตาแถลง ขอโทษ-เสียใจ เหตุกราดยิงประชาชน บอกรับไม่ได้ ให้ลาออก เซ่น จ.ส.อ.ปืนโหด ชี้เป็นการก่ออาชญากรรม จากมูลเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม เปิดช่องทางให้ร้องเรียนถึงตัวเองโดยตรง ลั่นย้ายล้างบางนายพล นายพัน ที่หาประโยชน์ในกองทัพ "อัจฉริยะ" เผยเอกสารกู้เงิน"มือกราดยิงโคราช" ถูกเบี้ยวเงินทอน 4 แสน ชนวนเหตุโศกนาฏกรรม

เช้าวานนี้ (11ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 จ.นครราชสีมา ปล้นอาวุธไปก่อเหตุสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่ โดยได้ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมทั้งกล่าวว่าในฐานะ ผบ.ทบ. ขอโทษ และ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบก ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวประชาชน และข้าราชการที่ต้องเสียชีวิตของการปฏิบัติหน้าที่ และเสียใจที่มีประชาชนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ยอมรับว่ามูลเหตุของผู้ก่อเหตุเกิดจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ที่ได้มีการซื้อขายที่ดิน และผิดสัญญากัน รวมถึงเรื่องผลตอบแทน จึงทำให้เกิดแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้

ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ กองทัพบกมีมาตรฐาน และมาตรการในเรื่องนี้ มีการเน้นย้ำในเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก แต่อาจมีบางหน่วยที่หละหลวม ซึ่งก็ต้องไปลงโทษ หน่วยที่ไม่ได้เตรียมตัวก็ต้องมีมาตรการเพิ่มเติม แต่ผู้ก่อเหตุอยู่ในหน่วยนั้น จึงมีความชำนาญในการใช้อาวุธและพื้นที่ รู้ว่าต้องเอาที่ไหน อย่างไร และต้องทำลายอย่างไร ดังนั้นมาตรการต่อไปแต่ละหน่วยต้องติดกล้อง ซีซีทีวี ด้านหน้าคลังเก็บอาวุธ และกระสุนปืน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุและคู่กรณี มีความสัมพันธ์กันทางการบังคับบัญชา ตนจึงได้สั่งการให้มีการเปิดให้สามารถส่งเรื่องร้องเรียนโดยตรงมาถึงตน ในกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชา ถูกผู้บังคับบัญชาเอาเปรียบ โดยช่องทางนี้จะเป็นความลับที่สุด แต่ต้องแสดงตัวตนว่าเป็นใคร อยู่หน่วยไหน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจัดส่งตรงมาที่ ผบ.ทบ.ได้

ส่วนที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ด่าว่ากองทัพบกนั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า กองทัพบกเป็นองค์กรความมั่นคงที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นอย่าด่ากองทัพบก อย่าด่าทหาร ถ้าจะด่าขอให้ด่ามาที่ตนเอง

" ถ้าจะด่าจะตำหนิ ให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ ผมน้อมรับคำตำหนิ และการแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง เพราะผมเป็น ผบ.ทบ."

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า แม้ตนเหลือเวลารับราชการ 7-8 เดือน แต่จะไม่ย่อท้อในการปรับปรุง และพัฒนากองทัพบก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยจะใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะผบ.ทบ. จนวันสุดท้าย ที่จะส่งมอบธงให้กับ ผบ.ทบ. คนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าว พล.อ.อภิรัชต์ มีน้ำเสียงสั่นเครือ และถอนหายใจเป็นระยะ หลังจากแถลงจบช่วงแรก ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้สื่อสอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ ได้ขอน้ำและกาแฟ จากเจ้าหน้าที่พร้อมกับหันหลังและควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา ก่อนจะหันกลับมาหาสื่ออีกครั้ง

พร้อมรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดระหว่างผู้ก่อเหตุ กับคู่กรณี ซึ่งไม่ใช่การปฏิบัติการทางทหาร แต่เป็นเรื่องการบาดหมางจิตใจ การก่ออาชญากรรม ซึ่งกองทัพบกก็รับผิดชอบ ทั้งในส่วนของผู้ก่อเหตุ และคู่กรณีตามมาตรฐาน

ส่วนทหารที่เสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเพลิงศพ และกองทัพบกจะดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุด และสมเกียรติ รวมถึงพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับความรับผิดชอบต่อประชาชนที่เสียชีวิต กองทัพบก จะรับทายาทเข้ารับราชการตามคุณวุฒิโดยไม่มีข้อแม้ และหากทายาทยังเรียนหนังสือไม่จบ ก็จะดูแลด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แม้ตนจะเกษียณราชการไปแล้วก็ตาม

ส่วนข้อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.นั้น พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า

"ผมมีความรับผิดชอบเพียงพอต่อภารกิจทุกอย่างที่สั่งไปในทุกตำแหน่ง ทุกวิกฤตที่ผมได้ผ่านมา อะไรที่สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำ ผมรับผิดชอบ แต่ผมไม่สามารถรับผิดชอบต่อการกระทำที่เป็นเหตุการณ์ส่วนตัว การก่ออาชญากรรม การทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนระเบียบวินัยที่มีอยู่อันนั้น ผมรับไม่ได้"

ส่วนการปรับมาตรการในการดูแลคลังอาวุธของหน่วยทหารนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและป้องกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ ก็ไม่ดีทั้งนั้น ซึ่งตนจะพยายามทำให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุก็เป็นกำลังพลในหน่วย เป็นเพื่อนร่วมงานที่เดินเข้ามา ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำร้าย ซึ่งก็เป็นจุดหนึ่งที่กองทัพ ต้องไปคิดเช่นเดียวกัน เพราะไม่ได้เฉลียวใจว่าคนที่รู้จักจะก่อเหตุ

ลั่นย้ายผบ.หน่วยที่ไร้ประสิทธิภาพ

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า การที่ตนเติบโตได้มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานกับตนมาตลอด เพราะตนดูแลเขาดี ในขณะที่หน่วยข้างเคียง ตนก็เห็นความล้มเหลวของผู้บังคับบัญชา ซึ่งพยายามที่จะเลือกสรรคนให้มาเป็นผู้บังคับบัญชา แต่คนในกองทัพบก มีจำนวนหลายแสนคน ไม่สามารถที่จะลงไปดูได้ ยกเว้นการออกมาตรการ และการแสดงความรับผิดชอบ ต่อไปนี้ มาตรการในการสรรหา การคัดหาคนเข้ามาเป็นผู้บังคับบัญชา จะทำให้รอบคอบกว่าที่เป็นอยู่ ตนได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่า การเป็นผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ไปแต่บังคับบัญชาคนอื่น แต่ต้องบังคับตัวเองด้วย ผู้บังคับบัญชาหน่วย เช่น ทหารราบ ทหารม้า ปล่อยตัวให้อ้วน ไร้ความรู้ ไม่พัฒนาตัวเอง ก็ไม่ต้องมาเป็นแม่ทัพ หากผู้บัญชาการรกองพลเสนอชื่อมา ตนจะย้ายให้หมด และล่าสุดตนได้ปรับมาตรฐานทดสอบร่างกาย และความรู้กับผู้บังคับหน่วยกำลังรบอย่างเต็มที่ หากใครที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็ไม่ต้องอยู่

"ผมบอกแล้วว่าจะใช้อำนาจ ผบ.ทบ. จนถึงวันสุดท้าย ที่ส่งมอบธงรับมอบตำแหน่ง ผบ.ทบ. เพื่อพัฒนากองทัพ" ผบ.ทบ. กล่าว

ลั่นล้างบางระบบเอื้อผลประโยชน์

ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายที่ดินในหน่วยงานทหารนั้น พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า กองทัพบก มีโครงการหลายอย่างเป็นจำนวนมาก เช่น บ้านสวัสดิการ การกู้เงิน การร่วมมือ ระหว่างหน่วยทหารกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น ซึ่งตนไม่อยากลงรายละเอียด และเรื่องทั้งหมดนี้ ตนทราบ และรับรองว่า อีก 3 เดือนต่อจากนี้ ตั้งแต่ระดับ นายพลถึงระดับพันเอก หลายคน ไม่มีงานแน่ และ ตนก็ไม่สน เพราะรู้ข้อมูล และตนเติบโตมากับความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง ซึ่งตนไปเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า "พี่ครับ ผมต้องทำ" ตนขอยกตัวอย่าง เช่น มีใครกล้ายกเลิกทีมฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด หรือไม่ และสัปดาห์นี้จะมีการลงนามกับกระทรวงการคลัง ในการใช้ที่ราชพัสดุ เป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยนำเงินและรายได้ กลับเข้าสู่กระทรวงการคลัง นี่คือการเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานของกองทัพบก แน่นอนว่า มีคนไม่พอใจ หรือในวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนได้เซ็นยกเลิก การจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก และต่อไปนี้ ใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกจากหน่วยงานใดก็ตาม ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพล จะต้องทำคำสั่งผ่านเสนาธิการทหารบกเท่านั้น เพื่อให้ออกคำสั่ง ซึ่งของเดิมตามระเบียบ จะให้นายทหารยศชั้นนายพัน เป็นผู้เซ็น ซึ่งเปิดโอกาสให้กำลังพลและพ่อค้าซื้อขายอาวุธกันได้ง่าย เพราะผู้ก่อเหตุ มีปืน 5 กระบอก ทั้งที่ทหารไม่จำเป็นต้องมีปืนพกส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดเป็นปืนที่มาจากโครงการสสวัสดิการจากหน่วยงานอื่น

" ผมขีดเส้นตายภายในเดือนก.พ. สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร และย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใด ก็ต้องย้ายออก เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่ ทั้งนี้การถูกเชิญชวน ถูกหลอก การเชื่อคนง่าย ยิ่งเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเครือญาติของผู้บังคับบัญชา มีแรงจูงใจ การอยู่แบบไม่พอเพียง เพราะผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก ที่มีราคาแพง มีไว้เพื่ออะไร โครงการต่างๆ ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข และเอาจริง อันไหนไม่จำเป็นผมจะยกเลิก และผมจะเอาจริงสำหรับผู้ที่เอาเปรียบหลวง เพื่อนร่วมงาน และยืนยันว่า ผมไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ แต่ทำมาก่อนหน้านี้ และถ้าไม่สัมฤทธิ์ผลภายในวงรอบ การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้ เห็นดีแน่ และผมก็ไม่ล้อมคอก " ผบ.ทบ.กล่าว

เผยเอกสารกู้เงิน ถูกโกง 4 แสน

จากกรณีที่ได้มีการเปิดเผยถึงเหตุจูงใจ ในการก่อเหตุสุดสลดในครั้งนี้ เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุถูกโกงเงินส่วนเกินจาก“โครงการจัดสรรที่ดินสร้างบ้านพักเพื่อขายให้ทหาร”บ้างก็บอกว่า เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาทนั้น เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เพจ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม”ของ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้ออกมาโพสต์รูปภาพ เอกสาร ซึ่งเป็นบันทึกข้อความการจ่ายเงินเพื่อการเคหะสงเคราะห์ ซึ่งทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"เปิดหลักฐานปม เบี้ยวเงินส่วนต่างค่าบ้าน ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้จ.ส.ท.จักรพันธ์ ทวงเงินแล้วไม่ได้ จนก่อเหตุยิง โดยที่แฟนผู้พันพูดไม่เป็นความจริง ที่สำคัญ ยังถูกอมเบี้ยเลี้ยง และสั่งขังลงโทษ (เงินกู้ 1,125,000 ล้าน ค่าจ้างสร้างบ้าน 750,000 บาท คงเหลือเงินทอน 375,100 บาท) และยังมีค่านายหน้าอีก 50,000 บาท ต่างหากที่จ.ส.ท.จักรพันธ์ แนะนำลูกค้า"

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลฯ แล้วกว่า 8,600 ครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ วิพากษ์วิจารณ์ เป็นจำนวนมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น