“บิ๊กแดง” หลั่งน้ำตาแถลงขอโทษ-เสียใจเหตุกราดยิงประชาชน บอกรับไม่ได้ให้ลาออกเซ่น จ.ส.อ.ปืนโหด ชี้เป็นก่ออาชญากรรม รับมูลเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม เปิดช่องทางให้ร้องเรียนถึงตัวเองโดยตรง พร้อมล้างบางระบบเอื้อประโยชน์-ปรับระเบียบซื้อปืนสวัสดิการ หลังพบผู้ก่อเหตุซื้อปืนพก 5 กระบอก ขู่ย้าย ผบ.หน่วยกราวรูด ยันระบบ รปภ.คลังอาวุธได้มาตรฐาน สะเทือนใจคนด่าทหาร-กองทัพ ทั้งที่ปรับตัว ถอยห่างการเมือง ให้มาด่าตนคนเดียว ยันแก้ไขทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบ
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ปล้นอาวุธไปก่อเหตุสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีความสัมพันธ์กันทางการบังคับบัญชา กองทัพบกโดยตนได้สั่งการให้หาวิธีการที่ดีที่สุดเปิดเรื่องร้องเรียนโดยตรงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ และจะเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาที่ไม่ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา มั่นใจและให้คำมั่นว่าช่องทางนี้จะเป็นความลับที่สุด แต่ต้องแสดงตัวตนว่าเป็นใคร อยู่หน่วยไหน ข้อมูลดังกล่าวจัดส่งตรงมาที่ตน เดิมก็ไม่มีเฟซบุ๊ก และไอจี เพราะรับไม่ไหวในหลายเรื่อง แต่ก็จะมีช่องทางให้เข้าถึงโดยไม่ผ่านช่องทางของกองทัพบก ซึ่งจะหาบุคลากรมาทำ โดยสั่งการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.พ.แล้ว เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสื่อสารกับตนโดยตรง และตนก็จะลงโทษอย่างเต็มที่สุดความสามารถเท่าที่จะทำได้
“ผมในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกิดเหตุมีการตำหนิกองทัพบก มีคนด่าว่ากองทัพบก ซึ่งกองทัพบกเป็นองค์กรความมั่นคงที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่มีคนมากมายมาด่าทหาร แต่ผมอยากให้ทราบว่าท่านอย่าด่ากองทัพบก ท่านอย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กร ไม่มีความรู้สึก ทหารยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศไทย อยู่ตามแนวชายแดน ทหารยังปราบปรามยาเสพติด เสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยของชาติ ทหารยังต้องช่วยเหลือน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ป่า ที่เสียสละที่ดีๆ มีทั่วกองทัพบก อย่าไปด่าว่าเขาเลย อย่าใช้คำว่าทหาร เขาจะเสียกำลังใจในการทำงาน ไม่มีใครในโลกอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศตัวเอง ไม่มีคนไทยอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นอย่าด่าว่ากองทัพบก อย่าว่าทหาร ถ้าจะด่า จะตำหนิ ให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ ผมน้อมรับคำตำหนิ และการแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ให้มาด่าผม เพราะผมเป็น ผบ.ทบ.” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ในคนหมู่มากของทุกองค์กร ย่อมมีคนดีและคนไม่ดีปะปนกันอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนมั่นใจ แม้ตนเหลือเวลารับราชการ 7-8 เดือน ตนจะไม่ย่อท้อในการปรับปรุงและพัฒนากองทัพบก พัฒนาบุคลากร เข้มงวดและรักษามาตรฐานให้ดีขึ้น เพิ่มมาตรการต่างๆ ให้ดีขึ้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา โดยจะใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะ ผบ.ทบ.จนวันสุดท้ายที่ตนส่งมอบธงให้แก่ ผบ.ทบ.คนต่อไป ก่อนที่จะมาแถลงข่าว ตนทำการบ้านมา 3 คืน 2 วัน แทบไม่ได้นอนเพราะเสียใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลง พล.อ.อภิรัชต์มีน้ำเสียงสั่นเครือ และถอนหายใจเป็นระยะ หลังจากแถลงจบช่วงแรกก่อนที่จะเปิดโอกาสให้สื่อสอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ได้ขอน้ำและกาแฟจากเจ้าหน้าที่ พร้อมกับหันหลังและควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา ก่อนจะหันกลับมาหาสื่ออีกครั้ง
จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวต่อไปว่า ในหนึ่งปีกว่ามานี้ตนได้ปรับปรุงพัฒนากองทัพบกเพื่อรองรับสภาวะการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป และความถดถอย และเสื่อมถอยของกำลังและผู้บังคับบัญชาที่ไม่ใส่ใจ มีหลายอย่างไม่ได้เปิดเผยให้สื่อมวลชนได้รับทราบ หลายเรื่องมีการสั่งการอย่างเอาจริงเอาจังในการพัฒนาบุคลากร ที่ผ่านมานายทหารระดับสูงฝ่ายบริหารของกองทัพได้เตือนและให้กำลังใจตนเสมอ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดระหว่างผู้ก่อเหตุกับคู่กรณีซึ่งไม่ใช่การปฏิบัติการทางทหาร แต่เป็นเรื่องการบาดหมางจิตใจ การก่ออาชญากรรม ซึ่งกองทัพบกก็รับผิดชอบทั้งในส่วนของผู้ก่อเหตุและคู่กรณีตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้นิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อพูดถึงทหารที่เสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เขาเป็นเพียงพลทหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเพลิงศพและกองทัพบกจะดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุดและสมเกียรติ รวมถึงพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ สำหรับความรับผิดชอบต่อประชาชนที่เสียชีวิต กองทัพบกจะรับทายาทเข้ารับราชการตามคุณวุฒิโดยไม่มีข้อแม้ และหากทายาทยังเรียนหนังสือไม่จบก็จะดูแลด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่องแม้ตนจะเกษียณราชการไปแล้วก็ตาม ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียในการประกอบอาชีพ หากประสงค์จะเข้าราชการกองทัพจะไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่การเยียวยาและดูแลครอบครัวผู้ก่อเหตุจะเป็นไปตามขั้นตอน
เมื่อถามว่า มีข้อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบก และตั้งแต่ที่ผู้ก่อเหตุไปก่อเหตุที่ไม่ใช่การไปปฏิบัติภารกิจของกองทัพบก เช่น ทหารขนยาเสพติด ค้าอาวุธสงคราม แล้วถูกตำรวจวิสามัญ ตนก็อยากจะถามเหมือนกันว่าสมควรที่จะใช้คำถามนี้กับตนหรือไม่
“ผมมีความรับผิดชอบเพียงพอต่อภารกิจทุกอย่างที่สั่งไปในทุกตำแหน่ง ทุกวิกฤตที่ผมได้ผ่านมาจนกำลังจะเกษียณอายุราชการ อะไรที่สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำ ผมรับผิดชอบ แต่ผมไม่สามารถรับผิดชอบต่อการกระทำที่เป็นเหตุการณ์ส่วนตัว การก่ออาชญากรรม การทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนระเบียบวินัยที่มีอยู่อันนั้น ผมรับไม่ได้”
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ลามไปนอกหน่วยทหารซึ่งมีเสียงกดดันให้ ผบ.ทบ.แสดงสปิริตด้วยการลาออก พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า หากอยู่บนพื้นฐานความจริงและหลักการว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ผลกระทบที่เกิดขึ้นคืออะไร เราควรจะรับผิดชอบอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่ถามแบบนี้ช่วยดูข้อเท็จจริงด้วย อย่ามุ่งแต่คำตอบหรือต้องการให้ตนตอบบางสิ่งบางอย่างที่ตนตอบไปแล้วจะพึงพอใจแล้วรู้สึกว่าชนะ ตนบอกว่าไม่ยอมแพ้ ตนแสดงความรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิด เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นทหาร ทั้งนี้ยังมีคำถามอื่นที่ตนอยากตอบมากกว่าคำถามเรื่องลาออก
พล.อ.อภิรัชต์ยังกล่าวถึงการยุติเหตุการณ์ที่เป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากผู้ก่อเหตุติดตามข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งเขาก็ไม่ธรรมดา อีกทั้งไม่ทราบว่าประชาชนที่ติดอยู่ภายในห้างเทอร์มินอล 21 อยู่จุดไหนบ้างซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนจึงต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่เรื่องง่าย และเราไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้ เพราะมีการสูญเสียไปพอสมควรแล้ว จึงต้องใช้ความระมัดระวัง ส่วนการปรับมาตรการในการดูแลคลังอาวุธของหน่วยทหารนั้นทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและป้องกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ไม่ดีทั้งนั้น ตนจะพยายามทำให้ดีขึ้น
“การลอกเลียนแบบ หรือเอาโมเดลในลักษณะเช่นนี้ไปขยายผล ซึ่งในต่างประเทศค่อนข้างกังวล ผมรับปากว่าจะไปทบทวนเพิ่มมาตรการให้มากกว่านี้ และยืนยันว่ามาตรการเดิมที่ทำอยู่นั้นอยู่ในระดับมาตรฐาน และผู้ก่อเหตุก็เป็นกำลังพลในหน่วย เป็นเพื่อนร่วมงานที่เดินเข้ามาก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำร้าย ก็เป็นจุดหนึ่งที่กองทัพบกต้องไปคิดเช่นเดียวกัน เพราะไม่ได้เฉลียวใจว่าคนที่รู้จักจะก่อเหตุ ตั้งแต่เกิดเหตุผมรู้สึกไม่สบายใจ และแทบจะนอนไม่หลับ” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่าการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาต่อจากนี้จะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นนโยบายหลักของ ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า หลายคนเติบโตจากพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน แต่นายทหารหลักได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ได้รับการปลูกฝังเช่นเดียวกันเป็นเวลา 5 ปี ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาถูกปลูกฝังมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมและจริยธรรมโดยเฉพาะตนเองซึ่งไม่ใช้การยกยอปอปั้น แต่เป็นสิ่งที่ตนทำมาโดยตลอดและที่ตนเติบโตได้มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำง่านกับตนมาตลอด เพราะตนดูแลเขาดี ในขณะที่หน่วยข้างเคียงตนก็เห็นความล้มเหลวของผู้บังคับบัญชาซึ่งพยายามที่จะเลือกสรรคนให้มาเป็นผู้บังคับบัญชา แต่คนในกองทัพบกกว้างใหญ่และมีจำนวนหลายแสนคน ไม่สามารถที่จะลงไปดูได้ ยกเว้นการออกมาตรการและการแสดงความรับผิดชอบต่อไปนี้ มาตรการในการสรรหา การคัดหาคนเข้ามาเป็นผู้บังคับบัญชาจะทำให้รอบคอบกว่าที่เป็นอยู่ ตนได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าการเป็นผู้บังคับบญชาไม่ใช่แต่บังคับบัญชาคนอื่น แต่ผู้บังคับบัญชาต้องบังคับตัวเองด้วย ผู้บังคับบัญชาหน่วยรับ เช่น ทหารราบ ทหารม้า ปล่อยตัวให้อ้วน ไร้ความรู้ ไม่พัฒนาตัวเอง ก็ไม่ต้องมาเป็นแม่ทัพ หากผู้บัญชาการรกองพลเสนอชื่อมา ตนจะย้ายให้หมด และล่าสุดตนได้ปรับมาตรฐานทดสอบร่างกายและความรู้กับผู้บังคับหน่วยกำลังรบอย่างเต็มที่ หากใครที่ไม่ได้มาตรฐานก็ไม่ต้องอยู่
“อยากมาด่าก็มาด่าผม แม่ทัพภาคหรือตั้งแต่ผู้บังคับบัญชากองพลลงไปไม่ให้ความสนใจก็โยกไปประจำ และไม่ใช่ผมไม่ทำ บังคับบัญชาคนอื่นต้องบังคับตนเองด้วย ผมบอกแล้วว่าจะใช้อำนาจ ผบ.ทบ.จนถึงวันสุดท้ายที่ส่งมอบธงรับมอบตำแหน่ง ผบ.ทบ.เพื่อพัฒนากองทัพ” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายที่ดินในหน่วยงานทหาร โครงการเช่นนี้มีจำนวนมากหรือไม่ และจะแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า กองทัพบกถูกตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน มีโครงการหลายอย่างเป็นจำนวนมาก ที่พูดมาไม่ได้ไปตำหนิติเตียนใคร ในห้วงเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเคยมีโครงการเช่นนี้ อย่างเช่น บ้านสวัสดิการ การกู้เงิน การร่วมมือระหว่างหน่วยทหารกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น ตนไม่อยากลงรายละเอียด และเรื่องทั้งหมดนี้ตนทราบและรับรองว่าอีก 3 เดือนต่อจากนี้ ตั้งแต่ระดับนายพลถึงระดับพันเอกหลายคนไม่มีงานแน่ และตนก็ไม่สนเพราะรู้ข้อมูล และตนเติบโตมากับความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง ได้ไปเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า “พี่ครับ ผมต้องทำ” ตนขอยกตัวอย่างเช่น มีใครกล้ายกเลิกทีมฟุตบอลอาร์มี่ยูไนเต็ดหรือไม่ และสัปดาห์นี้จะมีการลงนามกับกระทรวงการคลังในการใช้ที่ราชพัสดุเป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยนำเงินและรายได้กลับเข้าสู่กระทรวงการคลัง นี่คือการเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานของกองทัพบก แน่นอนว่ามีคนไม่พอใจ หรือในวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาตนได้เซ็นยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก และต่อไปนี้ใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกจากหน่วยงานใดก็ตาม ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพลจะต้องทำคำสั่งผ่านเสนาธิการทหารบกเท่านั้นเพื่อให้ออกคำสั่ง ซึ่งของเดิมตามระเบียบจะให้นายทหารยศชั้นนายพันเป็นผู้เซ็นซึ่งเปิดโอกาสให้กำลังพลและพ่อค้าซื้อขายอาวุธกันได้ง่าย เพราะผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก ทั้งหมดเป็นปืนที่มาจากโครงการสวัสดิการจากหน่วยงานอื่น
“ทหารไม่จำเป็นต้องมีปืนส่วนตัว เพราะมีปืนหลวงที่ถูกเก็บรักษาและจะมีการแจกจ่าย ซึ่งแต่เดิมมีไม่รู้กี่โครงการ ทหารมีบ้านมีที่พักให้กับกำลังพลเพียงพอ รับราชการ 20-30 ปี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน เพื่อให้มีเวลาเก็บเงินไปซื้อบ้านของตัวเองหลังเกษียณอายุราชการ ผมขีดเส้นตายภายในเดือน ก.พ. สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร และย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใดก็ต้องย้ายออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่ ทั้งนี้ การถูกเชิญชวน ถูกหลอก การเชื่อคนง่าย ยิ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือเครือญาติของผู้บังคับบัญชา มีแรงจูงใจ การอยู่แบบไม่พอเพียง เพราะผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอกที่มีราคาแพงมีไว้เพื่ออะไร โครงการต่างๆ ต้องมีการปรับกรุงแก้ไขและเอาจริง อันไหนไม่จำเป็น ผมจะยกเลิก และผมจะเอาจริงสำหรับผู้ที่เอาเปรียบหลวง เพื่อนร่วมงาน ขอเวลาและยืนยันว่าผมไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ แต่ทำมาก่อนหน้านี้ และถ้าไม่สัมฤทธิผลภายในวงรอบ การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้เห็นดีแน่ และผมก็ไม่ล้อมคอก” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ยังกล่าวยืนยันอีกว่า ตนไม่กลัวและไม่ถนอมตัว เพราะเป็นปีสุดท้ายที่อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. จะทำให้กองทัพบกให้ดีขึ้นจนวันสุดท้าย ขอให้มั่นใจ แต่ตนก็เชื่อใจผู้บังคับบัญชาที่นั่งอยู่ตรงนี้ว่าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทำไมไม่สามารถล้างธุรกิจในหน่วยทหารได้ ต้องรอจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก่อน พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ไม่ใช่เพราะเกิดเหตุแล้วดำเนินการ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.แต่ละท่านที่ผ่านมามีวิสัยทัศน์และแนวทางแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน และสภาวะเช่นนั้นก็แก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ ก่อนหน้าที่จะมาเป็น ผบ.ทบ. ตนได้เล็งเห็นปัญหามาโดยตลอด และเมื่อมารับตำแหน่งก็ตั้งใจที่จะมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เรื่องก่อหน้านี้ก็ขอให้ผ่านไป แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ในสิ่งที่ถูกต้อง ในการปรับตัว ปรับสภาพองค์กรของตัวเอง ซึ่งไม่มีองค์กรไหนที่จะสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องแก้ไขและตนเชื่อมั่นทุกคนที่เข้ามาเป็น ผบ.ทบ.หลังจากนี้ต้องยึดถือแนวทางที่ได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นและให้ได้รับความธรรม ทั้งนี้ขออย่านำไปเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะปัจจุบันตนไม่ได้พูดเรื่องของการเมืองแล้ว