xs
xsm
sm
md
lg

“อัตราเสี่ยง”ของทหารอเมริกันในฐานทัพต่างๆ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เหตุปะทะระหว่างทหารอเมริกันกับทหารอัฟกันที่จังหวัดนันการ์ฮาร์
เรียกว่า...ทั้งสั่นสะเทือน เลื่อนลั่น ทั้งน่าสยดสยอง พองขน ระดับสามารถกลบข่าว “ไวรัสอู่ฮั่น” ไปได้ชั่วคราวเอาเลยทีเดียวเชียว สำหรับกรณี “จ่าคลั่ง” หรือกรณีทหารนักแม่นปืนชาวชัยภูมิ ขณะประจำการอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เกิดบ้า เกิดคลั่ง น็อตหลุด น็อตหลวม ด้วยสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ ลุกขึ้นมาเข่นฆ่าใครต่อใคร ยิงทิ้ง ยิงขว้าง จับชาวบ้าน ชาวช่อง ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นตัวประกัน เล่นเอาเถิด-เอาล่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเกือบ 20 ชั่วโมง กลายเป็นการปะทะกันระหว่างทหารกับทหาร โดยมีศูนย์การค้ากลางเมืองโคราชเป็นสมรภูมิ ชนิดเป็นข่าวคราวพาดหัวสำนักข่าวต่างๆ ไปแทบจะทั่วทั้งโลก...

ส่วนตื้น-ลึก-หนา-บาง ผลกระทบข้างเคียง ผลต่อเนื่อง สืบเนื่อง ที่ควรต้องหยิบมาคิด มาวินิจฉัยกันในแบบไหน อย่างไร ต่อไปบรรดา “สื่อฯ” ต่างๆ ในบ้านเรา ก็ดูจะหยิบเอามาพูดจาว่ากล่าวกันไปพอสมควรแล้ว นั่นยังไม่รวมไปถึงการหยิบเอา “กระแส” ดังกล่าวมาโหนโน่น โหนนี่ หรือด่านั่น ด่านี่ ตามประสาของผู้ที่ “ด่าได้ทุกเรื่อง” ซึ่งมีอยู่จำนวนมิใช่น้อยในบ้านนี้ เมืองนี้ จนแทบไม่อยากหยิบมาเป็นสาระให้ต้องเกิดความเบื่อหน่าย รำคาญมากมายเกินไปกว่านี้ ด้วยเหตุนี้...เลยคงขออนุญาตฉีกกรอบ แหกกรอบ แหกกระแส ไปว่ากันถึงเรื่องการปะทะระหว่าง “ทหารกับทหาร” แถบๆ เอเชียกลาง หรือแถวๆ ประเทศอัฟกานิสถานโน่นเลย เผื่ออาจพอมีสาระ ประโยชน์ที่น่าคิดสะกิดใจ ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง...

คือการปะทะระหว่างทหารกับทหาร...ที่อุบัติขึ้นมาเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ 8 กุมภาฯ หรือช่วงใกล้ๆ กับที่เกิดการปะทะระหว่างทหารกับทหารกลางเมืองโคราชในบ้านเราแบบพอดิบ พอดี แต่ไปเกิดแถวๆ จังหวัด “Nangarhar” พื้นที่แถบภาคตะวันออกของประเทศอัฟกานิสถาน เป็นการปะทะกันระหว่าง “ทหารอเมริกัน” ที่ถูกส่งเข้าไปทำศึกในประเทศนี้ มาชนิดต่อเนื่องยาวนานเกือบ 19 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวันรู้จบ หรือมิอาจยุติศึกสงครามลงไปได้ซะที กับ “ทหารอัฟกานิสถาน” ที่ถูกจัดตั้ง ถูกฝึกขึ้นมาโดยบรรดาทหารอเมริกันและพันธมิตรตะวันตกทั้งหลายเองนั่นแหละ เพื่อเอาไว้สู้กับพวก “ผู้ก่อการร้าย” หรือพวกนักรบ “ตาลีบัน” ที่เคยยึดครองประเทศนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ด้วยสาเหตุอันใด...ก็มิอาจสรุปได้แน่ชัด ช่วงหลังๆ นี้ดันหันมาเปิดฉากยิงใส่ “ทหารอเมริกัน” ที่ถือเป็นพวกเดียวกันเอง ชนิดถี่ขึ้นๆ จนกลายเป็น “ปรากฏการณ์” ที่ถูกหยิบมาพูดถึง เอ่ยถึง ถูกนำมาวิเคราะห์ วิจารณ์ถึงผลข้างเคียง หรือผลต่อเนื่อง สืบเนื่อง อันเนื่องมาจากการเข้าไปทำ “สงครามที่มิมีวันรู้จบ” ของรัฐบาลและกองทัพสหรัฐฯ ในประเทศอัฟกานิสถาน หลังเกิดเหตุการณ์วินาศกรรมตึก “เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” ในอเมริกา หรือหลังจากการประกาศ “สงครามกับการก่อการร้าย” เป็นต้นมา นั่นเอง...

การหันมาเปิดฉากยิงใส่กันเอง...ระหว่าง “ทหารอเมริกัน” กับ “ทหารอัฟกานิสถาน” ที่เมือง “Nangarhar” นั้น ว่ากันว่าส่งผลให้ทหารอเมริกันตายไป 2-6 คน โดยข่าวของทางการอเมริกันเองสรุปว่าตายไป 2 คือ จ่า “Javier Jaguar Gutierrez” กับจ่า “Antonio Rey Rodriguez” ลูกหลานพวกชาวอเมริกันเชื้อสายละตินไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ข่าวอย่างไม่เป็นทางการบอกว่าอาจตายไปถึง 6 ราย บาดเจ็บอีกเป็นสิบ ขณะที่ “ทหารอัฟกัน” ตายไป 2 บาดเจ็บอีก 4-5 ราย ระหว่างต่างฝ่ายต่างเปิด “ปฏิบัติการร่วม” ขณะลาดตระเวนพื้นที่อิทธิพลของพวกนักรบตาลีบัน ซึ่งอาจดูเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดา” สำหรับแวดวงทหารทั้งหลาย ในแต่ละสมรภูมิ ที่อาจเกิดความผิดพลาดอะไรบางอย่าง จนต้องหันมา “Friendly Fire” หรือหันมายิงกันเองอะไรประมาณนั้น...

แต่สำหรับ “สมรภูมิอัฟกานิสถาน” แล้ว...ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจไม่ถึงกับ “ปกติธรรมดา” สักเท่าไหร่ เพราะออกจะ “Friendly Fire” กันแบบบ่อยๆ ถี่ๆ ซะเหลือเกิน เช่นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ระหว่างปฏิบัติการทางทหารในเมือง “Kandahar” เมืองด้านใต้ของอัฟกานิสถาน “ทหารอเมริกัน” ก็ถูก “ทหารอัฟกัน” สอยร่วงไป 2 ราย บาดเจ็บไป 3 โดยไม่มีการสรุปถึงสาเหตุมาจนทุกวันนี้ หรือกระทั่งนายทหารระดับสูงของ “นาโต” ในอัฟกานิสถาน อย่างนายพล “Austin S. Miller” ก็เคยถูกลอบยิงโดย “ทหารอัฟกัน” ที่เชื่อๆ กันว่า เป็นพวกนักรบตาลีบันปลอมตัวมา หรือเข้ามาแทรกซึมในกองทัพอัฟกัน จนแทบไม่รู้ว่า “ไผเป็นไผ” กันไปแล้วในทุกวันนี้ อันทำให้บรรดาทหารอเมริกันจำนวนประมาณ 14,000 คน ที่ถูกส่งไปประจำการในประเทศอัฟกานิสถาน รวมทั้งบรรดาทหารประเทศพันธมิตร “นาโต” ต่างออกอาการ “หลับไม่ลง” กันไปเป็นแถบๆ เกิด “ความเสี่ยง” ต่อการดำรงคงอยู่ของทหารอเมริกันในประเทศนี้ จนอาจถือเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันต้องพยายามหาทางเจรจากับพวกตาลีบันเพื่อยุติสงครามอันต่อเนื่องยาวนานเกือบ 19 ปี หมดเงินงบประมาณนับเป็น “ล้านล้านดอลลาร์” แถมบรรดาทหารอเมริกันนับวันยิ่ง “หมดขวัญ-หมดกำลังใจ” ลงไปทุกที...

ดังนั้น...แม้เป็นเหตุการณ์เล็กๆ หรือเป็นปรากฏการณ์ที่อาจดูปกติธรรมดา สำหรับพื้นที่สงครามโดยทั่วไป แต่การปะทะระหว่าง “ทหารอเมริกัน” กับ “ทหารอัฟกัน” ที่เมือง “Nangarhar” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา ในสายตาของที่ปรึกษาด้านกิจการระหว่างประเทศของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อย่าง “นายอาลี อักบาร์ เวลายาติ” (Ali Akbar Velayati) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านหลายสมัย กลับเห็นว่า... “นี่เป็นเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่...ช่วงเวลาแห่งการขับไล่อเมริกันออกไปจากอัฟกานิสถานและจากภูมิภาคนี้” แบบตลอดชั่วนิรันดร์กาล ในอีกไม่ช้า-ไม่นาน นับจากนี้ ไม่ต่างไปจากเลขาธิการสภากิจการพิเศษอิหร่าน “นายMohsen Rezaei” ที่ถือเป็นกำลังหลักในภารกิจ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการลอบสังหารนายพลอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผู้ชักธง ถือ “ธงแดงแห่งการแก้แค้น” ที่ออกมาปลุกเร้า ปลุกระดม ให้เกิด “ความเคลื่อนไหวในระดับนานาชาติ” เพื่อร่วมกันขับไล่ทหารอเมริกันออกไปจากพื้นที่ต่างๆ ในโลกนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะในตะวันออกกลาง หรือเอเชียกลาง แต่เพียงลำพังเท่านั้น...

ภายใต้ภาวะที่ “ทหารอเมริกัน” แต่ละพื้นที่ กำลังออกอาการ “ขวัญหนี-ดีฝ่อ” ยิ่งขึ้นทุกที ไม่ใช่แต่เฉพาะในอัฟกานิสถาน ในประเทศอิรักที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 5,200 นาย อย่างที่เคยว่าๆ กันไปแล้ว ว่าต้องเจอกับ “จรวด” นับสิบๆ ลูกของผู้ประสงค์จะออกนามอย่างอิหร่าน สาดใส่ฐานทัพ “Ein Al-Assad” จนทหารอเมริกัน “บาดเจ็บทางสมอง” ไปกว่า 60 ราย ยังเจอกับขีปนาวุธของผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ไม่รู้ว่าเป็นทหารของอิรักเอง (PMF) ที่รองผู้บัญชาการถูกลอบฆ่า ลอบสังหาร โดยคำสั่งประธานาธิบดีอเมริกัน และที่พยายามผลักดันให้เกิดการถอนทหารอเมริกันออกจากประเทศ ตามมติรัฐสภาอิรัก กระหน่ำไปยังฐานทัพต่างๆ ตลอดไปจนสถานทูตอเมริกันในเขต “Green Zone” คราวแล้ว คราวเล่า การ “ตื๊ออยู่” หรือความพยายามดำรงคงอยู่ของทหารอเมริกันในพื้นที่เหล่านี้ นับวันจึงเต็มไปด้วย “อัตราเสี่ยง” หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

อารมณ์ความรู้สึกของ “ทหารอเมริกัน” ในฐานทัพแต่ละแห่งทุกวันนี้ จึงแทบไม่ต่างไปจากความรู้สึกของทหารอเมริกัน เมื่อยุค “สงครามเวียดนาม” นั่นเอง ที่นอกจากไม่รู้จุดมุ่งหมายแน่ชัดว่าถูกส่งให้ไป “ฆ่าใคร” ยังต้องเจอกับ “ความเสี่ยง” อันเนื่องมาจากความไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ของผู้ที่ไม่อยากให้มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศตัวเอง ส่งผลให้ลูกหลานชาวอเมริกันที่โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนยาก คนจน เป็นอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เม็กซิกัน เปอร์โตริโก หรือชนพื้นเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ เคยถึงขั้นลุกฮือขึ้นประท้วง “เพนตากอน” กันเห็นๆ ทำให้ “การถอนทหารอเมริกันออกจากสมรภูมิเวียดนาม” เกิดเป็นจริง เป็นจัง ขึ้นมาจนได้ และดูเหมือนว่าอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ กำลังหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ภายใต้จุดมุ่งหมายแห่งการแก้แค้นเอาคืนอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการของศัตรูคู่กัดอย่างอิหร่าน ที่ปรารถนาและต้องการให้ “ทหารอเมริกัน” ถอนออกไปจากภูมิภาคตะวันออกกลาง แบบชนิดหมดเกลี้ยงไปทั้งแผง...
กำลังโหลดความคิดเห็น