รอยเตอร์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงยืนยันวานนี้ (24 ม.ค.) ว่าทหารอเมริกัน 34 นายมีอาการบาดเจ็บทางสมอง (traumatic brain injury) หลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพแห่งหนึ่งในอิรักเมื่อต้นเดือนนี้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าไม่มีทหารอเมริกันบาดเจ็บหรือเสียชีวิตการโจมตีของอิหร่าน ทว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกองทัพสหรัฐฯ กลับออกมาให้ข้อมูลว่า มีทหาร 11 นายต้องเข้ารับการรักษาตัว และถูกส่งออกจากอิรักด้วยอาการบาดเจ็บทางสมอง หลังเกิดเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ฐานทัพอากาศ อัยน์ อัล-อาซาด ในจังหวัดอันบาร์
ล่าสุดในสัปดาห์นี้ กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่าจำเป็นต้องส่งทหารอีกจำนวนหนึ่งกลับจากอิรัก เนื่องจากคาดว่ามีอาการบาดเจ็บ
โจนาธาน ฮอฟฟ์แมน โฆษกเพนตากอน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทหาร 17 นายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าบาดเจ็บทางสมองเดินทางกลับไปปฏิบัติภารกิจในอิรักต่อแล้ว ส่วนอีก 8 นายซึ่งรักษาตัวอยู่ที่เยอรมนีก็ได้ถูกส่งต่อมายังสหรัฐฯ และจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารวอเตอร์รีด หรือไม่ก็ที่ฐานทัพต้นสังกัด
ขณะนี้ยังมีทหารอเมริกันรักษาตัวอยู่ที่เยอรมนีอีก 9 นาย โดยแพทย์อยู่ระหว่างวินิจฉัยและทำการรักษา
ทหารอเมริกันที่ล้มป่วยมีอาการปวดศีรษะ มึนงง รู้สึกไวต่อแสง และคลื่นไส้อาเจียน
ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ออกมาปฏิเสธอาการบาดเจ็บรุนแรงของทหารอเมริกันเมื่อวันพุธ (22) โดยระบุว่าพวกเขาเพียงแต่ “รู้สึกปวดหัว และมีอาการอื่นๆ นิดหน่อย”
เจ้าหน้าที่เพนตากอนยืนยันว่าไม่ได้พยายามบิดเบือนหรือแจ้งข้อมูลล่าช้า ทว่าวิธีจัดการปัญหาของสหรัฐฯ หลังถูกอิหร่านยิงโจมตีฐานทัพก็ทำให้หลายฝ่ายอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า กองทัพสหรัฐฯ มีแนวทางปฏิบัติต่อทหารที่คาดว่าจะมีอาการบาดเจ็บทางสมองอย่างไร
กองทัพสหรัฐฯ มีกฎต้องแจ้งรายงานทันทีเมื่อทหารได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนอาจถึงแก่ชีวิต หรือสูญเสียแขนขาและการมองเห็น ทว่าไม่มีข้อกำหนดให้ทำเช่นนั้นในกรณีการบาดเจ็บทางสมองหรือ TBI ซึ่งกว่าผู้ป่วยจะแสดงอาการและผ่านการวินิจฉัยยืนยันก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร
ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมามีทหารอเมริกันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าบาดเจ็บทางสมองมากถึง 408,000 นาย
