"โสภณ องค์การณ์"
สถานการณ์บ้านเมืองยามที่มีปัญหาสารพัด น่าห่วงใยเวลานี้มีใครใส่ใจใยดีชีวิตความเป็นอยู่ สวัสดิภาพของประชาชนหรือไม่ และจะแก้ปัญหาอย่างไร ดูสภาพแล้วนับวันมีแต่จะเร็วร้ายกว่าเดิม ยิ่งกว่าบัวไต้ตมที่ไม่มีวันได้ผุดโผล่พ้นน้ำ
ทั้งภาคการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สภาวะแวดล้อม รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ละวันมีแต่อาชญากรรมร้ายแรง ปล้นธนาคาร ร้านทอง นอกจากอาชญากรรมอื่นๆ เช่นฆาตกรรม และฆ่าตัวตาย จนแทบเป็นเรื่องปกติ
ถ้าผู้รับผิดชอบประเทศเอาใจใส่อย่างจริงจัง ทุ่มเททำงานด้วยสติปัญญา ใจซื่อมือสะอาด ไม่มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง บ้านเมืองคงไม่เป็นเช่นนี้มีคำตอบง่ายๆ คือ ไม่มีใครห่วงใยประชาชน และชะตากรรมของประเทศ
บ้านเมืองจึงเหมือนอยู่ในสภาวะที่อนาคตมืดมน เหมือนว่าวที่ขาดสายป่าน เรือที่ขาดกัปตัน ประเทศมีผู้นำ แต่เหมือนไม่มีใครรับผิดชอบ
แต่จะให้ใครทำอะไรได้ เมื่อประชาชนยังทนกันอยู่กับสภาวะเช่นนี้ และก็คงจะต้องทนกันต่อไปจนถึงวันหนึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่เคยมีปากเสียง ร้องตะโกนว่า “ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วโว้ย” และนั่นคือ อะไรที่จะเกิด ก็ต้องให้มันเกิด
อะไรจะตามมานั้น เป็นอีกเรื่อง!
จะเกิดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น และมีความเป็นไปได้ว่าสภาวะเช่นนั้นจะเกิดขึ้น เพราะปัญหาสารพัดถูกหมักหมมนานหลายปี ประชาชนส่วนใหญ่ยากจนลงถ้วนหน้า จนระดับชนชั้นกลางรู้สึกว่าเป็นสภาพที่เกินทน มองไม่เห็นทางออก
ผู้คนมีสติปัญญา ไม่เป็นเหยื่อของกระแสโฆษณาชวนเชื่อ คิดเองเป็น รู้ได้จากการวิเคราะห์ข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมือง ย่อมรู้ว่า หมดหวังที่จะพึ่งผู้กุมอำนาจรัฐได้
ถ้าถึงวาระที่ประชาชนทนอีกต่อไปไม่ได้ วันนั้นจะโทษใครก็ไม่ได้เช่นกัน
ยิ่งมองเห็นสภาพการเมืองซึ่งเป็นผลพวงของรัฐธรรมนูญที่มีเงื่อนไขพิลึกกึกกือ พิกลพิการ ไม่เหมือนประเทศอื่น เหมือนถูกร่างโดยกลุ่มคนวิกลจริต สติเฟื่องร้อนวิชา เป็นชาวบ้านเป็นหนูทดลองยา ก็ยิ่งไม่ต้องมีความหวังอะไรอีกแล้ว
ความพิการชัดเจน ก็คือการแก้ไขเป็นไปอย่างยากเย็น มีเงื่อนปม หมกเม็ดเต็มไปหมด เพราะสนองความกระสันในอำนาจของกลุ่มผู้มีโอกาสได้กุมอำนาจ นั่นเป็นเหตุให้บ้านเมืองต้องเป็นเช่นนี้ เพราะผู้มีอำนาจมัวแต่ห่วงกับการรักษาอำนาจ
ประชาชนจะอยู่อย่างไร บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มกุมอำนาจแสวงหาโอกาสตักตวงกอบโกยผลประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับผู้กุมอำนาจด้านเศรษฐกิจ การเงิน ทำให้คนรวยมากแล้ว มั่งคั่งยิ่งขึ้น
รวยจนถึงขั้นดูแล้วอุจาด เมื่อระดับความรวยถูกจัดอันดับ ตอกย้ำให้เห็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มมั่งคั่งหยิบมือเดียวกุมทรัพย์สินและความมั่งคั่งมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ
ช่องว่างระหว่างรายได้ ความเหลื่อมล้ำ ติดอันดับโลก น่าภูมิใจมาก!
ภาคการเมืองรวมศูนย์อำนาจ ยิ่งมองไม่เห็นอนาคต พฤติกรรมของนักเลือกตั้งในการเมืองน้ำเน่านับวันจะยิ่งน่าสะอิดสะเอียน ไม่เห็นโอกาสจะพัฒนาเป็นระบบเหมือนตัวตายตัวแทน รุ่นเก่ายังไม่ไปไหนรุ่นใหม่เข้ามาเสียบรับบทน่าชังแล้ว
ชาวบ้านรู้สึกเสียดายเงินภาษี แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เลือกเข้าไปแล้ว!
ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ในบรรดาท่านผู้แทนได้สร้างพฤติกรรมชวนอาเจียนซึ่งด้อยค่ากับคำว่าตัวแทนประชาชน หรือผู้แทนราษฎร ดูบทบาทอยากช่วงชิงความโดดเด่น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนซึ่งใครเห็นก็ต้องปลง สิ้นหวัง
แต่นี่คือผู้แทนเน้นการแต่งกายดี นั่งเก้าอี้ในอาคารรัฐสภาสร้างมาด้วยเงินหมื่นๆ ล้านบาท ท่านผู้ทรงเกียรติ แสดงให้เห็นความสามหาว ออกฤทธิ์ออกเดช มีวาระซ่อนเร้น รับงานมาป่วน และทำกันได้โฉ่งฉ่างหน้าไม่อาย
แล้วมาอ้างกันได้ว่าเป็นผู้มีวุฒิภาวะ แต่น่าจะเป็นอย่างที่ว่ากันไว้ “ประชาชนเป็นอย่างไรก็จะได้ผู้แทนราษฎรอย่างนั้น” อาจจะไม่ถูกทั้งหมดเพราะแต่ละคนไปหาเสียงก็ล้วนแต่จะอ้างว่าเป็นคนดี เป็นตัวแทนปากเสียงของชาวบ้านได้
เมื่อถึงวาระจริงๆ เข้าไปทำงานก็ดันไปสร้างความโดดเด่นด้วยการต่อปากต่อคำถกเถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ดูแล้วอยากจะบอกว่า ถ้ามีผู้แทนราษฎรอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมีเสียจะดีกว่า เสียเงินงบประมาณสร้างสภาแพงๆ
เมื่อสร้างสภาไม่เสร็จ ก็สมควรถูกดัดแปลงไปใช้งานอย่างอื่น เช่น เป็นโรงพยาบาลของประชาชนน่าจะคุ้มค่ากว่า เอาเงินเดือนของสมาชิกทั้งหลายไปเป็นงบการรักษาพยาบาลจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชน
แต่ประชาชนจำเป็นต้องทนเพราะการเลือกตั้งได้ผู้แทนราษฎรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในระบอบประชาธิปไตย เมื่อร่อนตะแกรงหาของดีมาแล้ว เหมือนร่อนทอง อะไรที่ผ่านมาย่อมจะต้องมีกากเดนของความโสโครกปนมาด้วย
และเราต้องยอมรับความจริงว่าไม่มีสภาผู้แทนที่ไหนในโลกที่มีสมาชิกดีทั้งหมด จะต้องมีทั้งคนมีคุณภาพ คุณสมบัติน่ายกย่อง และต้องมีตัวมหาวายร้ายพฤติกรรมทราม ถึงขั้นประธานเรียกให้ตำรวจลากคอออกไปจากห้องประชุมก็มี
เอาเถอะ เมื่อชาวบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร รู้สึกหน้าคลื่นเหียนอาเจียน ก็ต้องจำทน จำใจ ถ้าจะหวังว่าจะมีอะไรดีขึ้น ก็ต้องเลิกหวัง เพราะทุกยุคที่ผ่านมาผู้มีอำนาจไม่เคยใส่ใจดูแลประชาชนอย่างจริงจัง เราขาดคนใจซื่อมือสะอาดมาดูแลบ้านเมือง
ถ้ามี เราไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก ทุกวันนี้ก็เช่นกัน! มีคำเตือนให้ระวัง “เฟกนิวส์” ข่าวลวง ข่าวปลอม แต่ที่เห็นทุกวันนี้มี “มนุษย์เฟก” พวกกำมะลอ จอมปลอม ลอยหน้าลอยตาทุกวัน ชาวบ้านยังทนได้!