วิกฤตการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส ที่มีต้นตอจากเมืองอู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ยของจีนกำลังสร้างความตื่นกลัวให้แก่ประชาชนทั่วโลก เห็นได้ชัดในการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จากการติดเชื้อไม่กี่วัน ก็ไปทั่วแผ่นดินใหญ่จีนและข้ามทวีปสู่ประเทศอื่นๆ
ยิ่งทั้งข่าวสารข้อมูล ภาพประกอบถูกส่งผ่านสื่อต่างๆ ด้วยความเร็ว ก็ยิ่งสร้างความตื่นกลัว เพราะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เป็นตัวที่ 7 ในสายพันธุ์โคโรนา ซึ่งมีทั้งโรคซาร์ส เมอร์ส หลายประเทศกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อควบคุมให้อยู่ในเร็ววัน
ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ว่าโคโรนาไวรัสร้ายแรงกว่าโรคซาร์ส และเมอร์ส หรือไม่ แม้กลุ่มผู้เสี่ยงติดเชื้อและเสียชีวิตคือผู้สูงอายุและเด็ก ที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตจากไวรัสตัวใหม่นี้อยู่ในจีนทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากร 11 ล้านคน
องค์การอนามัยโลกยังไม่ยอมประกาศให้โคโรนาไวรัสเป็นโรคระบาดร้ายแรง แต่จีนและฮ่องกงได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ในหูเป่ยนั้นทางการจีนได้ทยอยปิดเมืองต่างๆ ไปมากกว่า 15 เมือง ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทางการจีนได้ระดมมาตรการต่างๆ ทั้งสร้างโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง รวมกัน กว่า 2 พันเตียงเพื่อรับกับการระบาดของโรคร้ายนี้ สหรัฐฯ จอร์แดน และประเทศอื่นๆ ได้ส่งเครื่องบินไปขนประชาชนของตนออกจากอู่ฮั่น ก่อนวิกฤตนี้จะร้ายจนเอาไม่อยู่
เป็นตรุษจีนที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับคนจีนหลายร้อยล้านคนซึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์กรุ๊ปจีนถูกระงับการเดินทางนอกประเทศตั้งแต่วันจันทร์ มาตรการเสริมอื่นๆ จะยังมีต่อเนื่องโดยอำนาจพิเศษเฉพาะกิจนี้
ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่ถึง 65 คนในช่วงวันหยุด ในภาวะปกติ มีคนติดเชื้อแตะระดับ 2 พันคน นอกจากหลายประเทศซึ่งผู้ติดเชื้อล้วนเดินทางออกมาจากอู่ฮั่น และรัฐบาลจีนได้ประกาศห้ามจำหน่ายเนื้อสัตว์ป่าสำหรับเมนูเปิบพิสดารทุกอย่าง
การเปิบพิสดารในจีนถือว่าเป็นแหล่งสุดยอด ยิ่งการเปิบค้างคาวด้วยแล้ว ใครเห็นภาพการแทะปีก กระดูกค้างคาว เห็นหัวค้างคาวแยกเขี้ยวแล้ว ทำให้อยากรู้สึกอาเจียนสุดๆ ก่อนนี้โรคซาร์ส ไข้หวัดนก ก็มีต้นกำเนิดจากจีนเช่นกัน
ทางการจีนคาดว่าเชื้อมาจากค้างคาว งูไปกินค้างคาว และคนไปกินงู ทำให้การติดเชื้อ และมีได้ยืนยันแล้วว่าโคโรนาไวรัสสามารถติดต่อผ่านคนสู่คน แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อนี้แพร่กระจายในอากาศ และเชื้อนี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในอากาศร้อน
ในภาวะเช่นนี้ ตลาดอาหารทะเลต้นตอถูกสั่งปิด ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารแหล่งบันเทิงต่างๆ รวมทั้งงานฉลองทั้งหลายถูกสั่งให้ยกเลิก รวมทั้งการวิ่งมาราธอนบนเกาะฮ่องกงด้วย ดิสนีย์แลนด์ในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ก็ต้องปิดชั่วคราว
ทางการจีนประกาศว่ามีอาหารเพียงพอสำหรับประชาชนในอู่ฮั่น แต่ยังกำหนดไม่ได้ว่าการควบคุมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ผู้คนยังเสี่ยงออกไปซื้อหาอาหารตุนไว้ ภาพที่ปรากฏคือคนอยู่เต็มร้านแต่หิ้งวางสินค้าต่างๆ ว่างเปล่าเพราะถูกซื้อไปจนหมด
การปิดเมืองล่าสุดอยู่ที่เมืองชานตู ในมณฑลกวางตุ้ง ในเมืองมีประชากร 5.59 ล้านคน การเข้าออกเมืองชานตูทุกอย่างทั้งทางถนน ท่าเรือ เป็นเรื่องต้องห้ามเว้นแต่เป็นยานพาหนะพิเศษ นับเป็นจุดที่ 2 นอกจากเมืองต่างๆ ในหูเป่ย
ในภาวะปกติคนจีนต้องเสียชีวิตอย่างน้อย 88,000 คนเพราะการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี มากกว่าการเสียชีวิตจากโรคซาร์ส และไข้หวัดนกรวมกันหลายปี แต่คนก็ยังกลัวไวรัสตัวใหม่เพราะเห็นแล้วว่าระบาดได้เร็ว ทำให้คนตายเร็ว
การระบาดของโคโรนาไวรัสก็เกิดพร้อมกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ช่วงนี้ด้วย ดังนั้นการป้องกันโดยการสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงสถานที่ต่างๆ ถือว่าเป็นภาวะจำเป็น เริ่มมีปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย มีการกว้านซื้อข้ามประเทศ
รัฐบาลจีนได้ออกคำสั่งให้บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเร่งเปิดทำงานหลังจากหยุดในช่วงตรุษจีน นอกจากหน้ากากแล้ว ชุดป้องกันเชื้อโรคในอู่ฮั่นยังขาดแคลน จากความต้องการ 1 แสนชุดต่อวัน และทางการต้องส่งทีมแพทย์ 1,500 คนเข้าเสริม
ผู้เชี่ยวชาญของจีนแถลงช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ายังไม่เห็นสภาวะกลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัสตัวใหม่นี้ แต่ยังเฝ้าดูว่าจะพัฒนาทำให้ยากแก่การรักษาหรือไม่ การป้องกันเบื้องต้นคือการล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงไปในที่มีผู้คนเยอะ
หลายประเทศที่มีคนติดเชื้อต่างพยายามควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ยามนี้ไม่มีใครโทษใคร ถ้าเอาไม่อยู่ เกิดเป็นการระบาดรุนแรง อาจทำให้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในยุคโรคซาร์ส มีติดเชื้อประมาณ 8 พันคน เสียชีวิต 700 กว่าราย
แต่ความรวดเร็วในการแพร่กระจายของโคโรนาไวรัส และการรายงานของสื่อต่างๆ ภาพคนล้นโรงพยาบาลในอู่ฮั่นนี่แหละทำให้คนตื่นตระหนก อัตราผู้เสียชีวิตไม่สูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่มีอยากล้มป่วย แต่ละรายรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสุขภาพ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ประกาศว่าการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสเป็นสภาวะเลวร้ายรุนแรงที่สุด จึงใช้อำนาจพิเศษผ่านคณะกรรมการกลางเพื่อจัดการปัญหาด้วยมาตรการเฉียบพลัน และให้อำนาจแต่ละเมืองควบคุมการระบาดให้ได้
ในฮ่องกง ทางการได้ใช้อพาร์ตเมนต์ที่ว่างเปล่าเป็นสถานที่รักษาและกักกันผู้ป่วยติดเชื้อนอกเหนือจากโรงพยาบาล เพราะเกรงว่าจะไม่มีห้องและเตียงเพียงพอ ส่วนทางการไต้หวันก็งดออกวีซ่าให้ชาวจีน และสั่งห้ามคนจากหูเป่ยเข้าประเทศ
การปิดเมืองส่งผลกระทบต่อคนจีนมากกว่า 60 ล้านคน ขนาดเท่ากับประเทศอังกฤษ และน่าจะยังมีอีกถ้าการระบาดยังมีอยู่ต่อเนื่อง จึงเป็นวิกฤตระดับโลกจริงๆ