ผบ.ตร.นำทีมสืบสวนแถลงข่าว คดีปล้นทองลพบุรี “ผอ.กอล์ฟ” ผู้ต้องหาโฟนอินรับมูลเหตุจูงใจ “ปัญหาส่วนตัว-การเงิน” อ้างไม่ได้ตั้งใจยิงเด็ก แค่เปิดทางแต่กระสุนพลาด อ้างอีกปืนขัดลำกล้องกระหน่ำ “น้องกวาง” เผยมีหนี้อื้อ ตร.ยังเชื่อทำคนเดียว จัดหนัก 8 ข้อหา ฝากขังนัดแรก
วานนี้ (23 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำแหน่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุม นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ทองคำน้ำหนักกว่า 28 บาท เป็นเงินมูลค่า 6.8 แสนบาทไปจากร้านทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัส 4 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีได้มีการควบคุมตัว นายประสิทธิชัย จากกองบังคับการปราบปราม มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเกรงว่าจะเป็นการกระทบสิทธิผู้ต้องหา จึงใช้วิธีให้ผู้ต้องหาโฟนอิน ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน
โดย นายประสิทธิชัย กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากปัญหาส่วนตัว และปัญหาเรื่องการเงินของตัวเอง ส่วนที่มีการก่อเหตุยิงพนักงานร้านทอง ลูกค้าที่มาซื้อทอง และน้องไตตัล จนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายนั้น เป็นการยิงเพื่อเปิดทาง และทำให้กลัว ตนวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว 2-3 วัน ยืนยันว่า ไม่รู้จักและมีความขัดแย้งกับ น.ส.ธิดารัตน์ หรือ กวาง ทองทิพย์ พนักงานร้านทองที่เสียชีวิตตามที่มีกระแสข่าว ส่วนที่มีการยิงซ้ำ น.ส.ธิดารัตน์ นั้น เนื่องจากตอนปีนขึ้นไปบนตู้กระจก ได้หันปลายกระบอกปืนไปที่ น.ส.ธิดารัตน์ แล้วถุงมือที่ใส่อยู่ไปขัดในไกปืน พยายามดึงออกแต่กลายเป็นลั่นไป 2 นัด
"นัดแรกตั้งใจยิงเพื่อเปิดทางไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ แต่กระสุนน่าจะโดนรปภ. แล้วพลาดไปโดนน้องไตตัล ยืนยันว่าผมไม่เห็นน้องไตตัล ตั้งใจยิง รปภ.ของห้าง เพื่อเปิดทาง คิดว่าลูกกระสุนน่าจะแฉลบไปโดนน้องไตตัล ผมไม่ได้ตั้งใจยิงเด็ก หลังก่อเหตุก็รู้สึกสำนึกผิด และเสียใจในการกระทำ และมีความคิดที่จะมอบตัว แต่ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่ได้ร่วมวางแผนกับใคร ตั้งใจจะมอบตัวในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เนื่องจากตนติดภารกิจที่โรงเรียน” นายประสิทธิชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอยากตายดังๆ ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอนั้นนายประสิทธิชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าสาเหตุที่ตนก่อเหตุมาจากปัญหาเรื่องส่วนตัว และเรื่องการเงิน ไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแต่อย่างใด ก่อนที่นายประสิทธิชัยจะขอตัดบทและสิ้นสุดการตอบคำถามทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดเผยภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุย้อนหลังพบว่า นายประสิทธิชัย พาภรรยาเดินทางไปที่ร้านทองที่เกิดเหตุก่อนก่อเหตุไม่นาน โดยเวลาในกล้องระบุว่า เวลา 18.05 น.วันที่ 26 ธ.ค.62 อีกทั้งในจังหวะที่นายประสิทธิชัย ยืนดูอยู่นั้น พบ น.ส.ธิดารัตน์ เหยื่อกระสุนของนายประสิทธิชัย เป็นผู้ขายอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า นายประสิทธิ ซึ่งเป็น ผอ.โรงเรียนประถม ใน จ.สิงห์บุรี รับเงินเดือนราว 3 หมื่นบาทเศษต่อเดือน แต่มีหนี้เงินกู้จากสหกรณ์ครู และธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ นายประสิทธิชัย นำเงินสดประมาณ 3 แสนบาท ไปซื้อรถยนต์หรู บีเอ็มดับบลิว เอฟ 4 แต่รถคันดังกล่าวเป็นรถเถื่อนสวมทะเบียน จนถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจับกุม ทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินถึง 6 แสนบาท ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความเดือดร้อน
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า ที่สังคมตั้งคำถามว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ ขอเรียนว่าตนไม่ใช่กรมปศุสัตว์ ไม่เคยจับแพะจับแกะ ตนเป็นตำรวจจับแต่โจรผู้ร้าย ดูแลประชาชน ที่ผ่านมาคดีใหญ่ๆก็จับแต่ของจริง วันนี้คดีเสร็จสิ้นแล้วที่ผ่านมาได้รับกำลังใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ท่านถามตลอด ตนก็รายงานตลอด คดีนี้ทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายเร็วที่สุด เรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน หลังจากนี้พนักงานสอบสวน จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. กล่าวเสริมว่า พยานหลักฐานที่นำมาแสดงวันนี้มี 13 รายการ อาทิ อาวุธปืนในการก่อเหตุ และทองรูปพรรณทั้งหมด 31 เส้น ที่ได้จากบ้านพ่อตาผู้ต้องหา และอีก 1 เส้นที่ตกในที่เกิดเหตุ ที่ขาดอยู่คือลำกล้อง และท่อเก็บเสียง อยู่ระหว่างงมหาในแม่น้ำ จากการสอบสวนจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องช่วยเหลือ แต่ก็ยังสืบสวนต่อ ส่วนหลักฐานที่นำมาสู่การออกหมายจับคนร้าย ได้มากองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยืนยัน เรื่องวัตถุพยาน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน แต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นดีเอ็นเอ ของเหงื่ออย่างที่เป็นข่าว โดยรายละเอียดต่างๆรวมถึงข้อมูลผู้ชี้เบาะแสเป็นความลับอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของพ่อ แต่ยังไม่พบว่า พ่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลปืน cz p-01 เข้ามาในเมืองไทย 1 แสนกว่ากระบอก รุ่นนี้มีเป็นพันกระบอก การจะตรวจสอบต้องมีเหตุพอสมควร อยู่ดีๆจะไปตรวจสอบไม่ได้
“ตำรวจยืนยันตามกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การที่เขาเดินเข้าไป เอาปืนยิงคนตาย เอาทองไปเก็บไปซุกซ่อน แล้วถูกจับ เราก็ฟันธงเลยว่าเขาเจตนาฆ่า เจตนาชิงทรัพย์ ส่วนคำกล่าวอ้างก็เป็นเรื่องของเขา เพราะฉะนั้น ขอให้ชัดเจนว่าเราตั้งข้อหาตามการกระทำ ไม่ได้ตั้งข้อหาเพราะเขาพูดว่าอะไร ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่น , ชิงทรัพย์ , ครอบครองอาวุธปืน” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
จากนั้น พนักงานสอบสวน พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) ได้คุมตัว นายประสิทธิชัย ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.- 3 ก.พ.63 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง, ผลการตรวจสอบสารพันธุกรรม, ผลการชันสูตรบาดแผล, ผลการชันสูตรศพ , ผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดด้วย ขณะที่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยตลอดข้อกล่าวหา
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี 8 ข้อหาดังนี้ 1.ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น, 2.ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, 3.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น, 4.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, 5.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง ในหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, 6.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยซึ่งใช้ดินระเบิดโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 8.มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลได้พิจารณาคำร้องฝากขังและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง จากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัว นายประสิทธิชัย ไปคุมขัง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง ขณะเดียวกันมีประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงให้ความสนใจโดยมีคนตะโกนว่า ขอให้โดนประหารชีวิตด้วย
วานนี้ (23 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำแหน่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุม นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ทองคำน้ำหนักกว่า 28 บาท เป็นเงินมูลค่า 6.8 แสนบาทไปจากร้านทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัส 4 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีได้มีการควบคุมตัว นายประสิทธิชัย จากกองบังคับการปราบปราม มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเกรงว่าจะเป็นการกระทบสิทธิผู้ต้องหา จึงใช้วิธีให้ผู้ต้องหาโฟนอิน ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน
โดย นายประสิทธิชัย กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากปัญหาส่วนตัว และปัญหาเรื่องการเงินของตัวเอง ส่วนที่มีการก่อเหตุยิงพนักงานร้านทอง ลูกค้าที่มาซื้อทอง และน้องไตตัล จนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายนั้น เป็นการยิงเพื่อเปิดทาง และทำให้กลัว ตนวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว 2-3 วัน ยืนยันว่า ไม่รู้จักและมีความขัดแย้งกับ น.ส.ธิดารัตน์ หรือ กวาง ทองทิพย์ พนักงานร้านทองที่เสียชีวิตตามที่มีกระแสข่าว ส่วนที่มีการยิงซ้ำ น.ส.ธิดารัตน์ นั้น เนื่องจากตอนปีนขึ้นไปบนตู้กระจก ได้หันปลายกระบอกปืนไปที่ น.ส.ธิดารัตน์ แล้วถุงมือที่ใส่อยู่ไปขัดในไกปืน พยายามดึงออกแต่กลายเป็นลั่นไป 2 นัด
"นัดแรกตั้งใจยิงเพื่อเปิดทางไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ แต่กระสุนน่าจะโดนรปภ. แล้วพลาดไปโดนน้องไตตัล ยืนยันว่าผมไม่เห็นน้องไตตัล ตั้งใจยิง รปภ.ของห้าง เพื่อเปิดทาง คิดว่าลูกกระสุนน่าจะแฉลบไปโดนน้องไตตัล ผมไม่ได้ตั้งใจยิงเด็ก หลังก่อเหตุก็รู้สึกสำนึกผิด และเสียใจในการกระทำ และมีความคิดที่จะมอบตัว แต่ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่ได้ร่วมวางแผนกับใคร ตั้งใจจะมอบตัวในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เนื่องจากตนติดภารกิจที่โรงเรียน” นายประสิทธิชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอยากตายดังๆ ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอนั้นนายประสิทธิชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าสาเหตุที่ตนก่อเหตุมาจากปัญหาเรื่องส่วนตัว และเรื่องการเงิน ไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแต่อย่างใด ก่อนที่นายประสิทธิชัยจะขอตัดบทและสิ้นสุดการตอบคำถามทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดเผยภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุย้อนหลังพบว่า นายประสิทธิชัย พาภรรยาเดินทางไปที่ร้านทองที่เกิดเหตุก่อนก่อเหตุไม่นาน โดยเวลาในกล้องระบุว่า เวลา 18.05 น.วันที่ 26 ธ.ค.62 อีกทั้งในจังหวะที่นายประสิทธิชัย ยืนดูอยู่นั้น พบ น.ส.ธิดารัตน์ เหยื่อกระสุนของนายประสิทธิชัย เป็นผู้ขายอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า นายประสิทธิ ซึ่งเป็น ผอ.โรงเรียนประถม ใน จ.สิงห์บุรี รับเงินเดือนราว 3 หมื่นบาทเศษต่อเดือน แต่มีหนี้เงินกู้จากสหกรณ์ครู และธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ นายประสิทธิชัย นำเงินสดประมาณ 3 แสนบาท ไปซื้อรถยนต์หรู บีเอ็มดับบลิว เอฟ 4 แต่รถคันดังกล่าวเป็นรถเถื่อนสวมทะเบียน จนถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจับกุม ทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินถึง 6 แสนบาท ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความเดือดร้อน
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า ที่สังคมตั้งคำถามว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ ขอเรียนว่าตนไม่ใช่กรมปศุสัตว์ ไม่เคยจับแพะจับแกะ ตนเป็นตำรวจจับแต่โจรผู้ร้าย ดูแลประชาชน ที่ผ่านมาคดีใหญ่ๆก็จับแต่ของจริง วันนี้คดีเสร็จสิ้นแล้วที่ผ่านมาได้รับกำลังใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ท่านถามตลอด ตนก็รายงานตลอด คดีนี้ทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายเร็วที่สุด เรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน หลังจากนี้พนักงานสอบสวน จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. กล่าวเสริมว่า พยานหลักฐานที่นำมาแสดงวันนี้มี 13 รายการ อาทิ อาวุธปืนในการก่อเหตุ และทองรูปพรรณทั้งหมด 31 เส้น ที่ได้จากบ้านพ่อตาผู้ต้องหา และอีก 1 เส้นที่ตกในที่เกิดเหตุ ที่ขาดอยู่คือลำกล้อง และท่อเก็บเสียง อยู่ระหว่างงมหาในแม่น้ำ จากการสอบสวนจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องช่วยเหลือ แต่ก็ยังสืบสวนต่อ ส่วนหลักฐานที่นำมาสู่การออกหมายจับคนร้าย ได้มากองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยืนยัน เรื่องวัตถุพยาน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน แต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นดีเอ็นเอ ของเหงื่ออย่างที่เป็นข่าว โดยรายละเอียดต่างๆรวมถึงข้อมูลผู้ชี้เบาะแสเป็นความลับอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของพ่อ แต่ยังไม่พบว่า พ่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลปืน cz p-01 เข้ามาในเมืองไทย 1 แสนกว่ากระบอก รุ่นนี้มีเป็นพันกระบอก การจะตรวจสอบต้องมีเหตุพอสมควร อยู่ดีๆจะไปตรวจสอบไม่ได้
“ตำรวจยืนยันตามกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การที่เขาเดินเข้าไป เอาปืนยิงคนตาย เอาทองไปเก็บไปซุกซ่อน แล้วถูกจับ เราก็ฟันธงเลยว่าเขาเจตนาฆ่า เจตนาชิงทรัพย์ ส่วนคำกล่าวอ้างก็เป็นเรื่องของเขา เพราะฉะนั้น ขอให้ชัดเจนว่าเราตั้งข้อหาตามการกระทำ ไม่ได้ตั้งข้อหาเพราะเขาพูดว่าอะไร ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่น , ชิงทรัพย์ , ครอบครองอาวุธปืน” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
จากนั้น พนักงานสอบสวน พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) ได้คุมตัว นายประสิทธิชัย ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.- 3 ก.พ.63 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง, ผลการตรวจสอบสารพันธุกรรม, ผลการชันสูตรบาดแผล, ผลการชันสูตรศพ , ผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดด้วย ขณะที่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยตลอดข้อกล่าวหา
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี 8 ข้อหาดังนี้ 1.ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น, 2.ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, 3.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่น, 4.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, 5.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง ในหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, 6.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยซึ่งใช้ดินระเบิดโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 8.มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลได้พิจารณาคำร้องฝากขังและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง จากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัว นายประสิทธิชัย ไปคุมขัง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง ขณะเดียวกันมีประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงให้ความสนใจโดยมีคนตะโกนว่า ขอให้โดนประหารชีวิตด้วย