ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.เห็นชอบ 12 มาตรการแก้ฝุ่นพิษ มอบ 'บิ๊กป้อม' นั่งหัวโต๊ะเรียกทุกหน่วยงานบูรณาการ 23 ม.ค.นี้ ทั้งขยายพื้นที่จำกัดรถบรรทุก-ให้วิ่งเฉพาะวันคู่-ตรวจเข้มควันดำ "บิ๊กตู่" พร้อมยกระดับใช้ยาแรง แต่หวั่นกระทบวงกว้าง ชี้ต้องวางมาตราการ "สั้น-กลาง-ยาว" ทุกมิติ ขณะที่ กทม.ออก 4 มาตรการเร่งด่วน สั่งบุคลากรกว่า 2 หมื่นคน มาทำงานตอน 10 โมงแทน ปิดโรงเรียนในสังกัด 437 แห่ง 1 วัน หวังลดปริมาณรถช่วงเวลาเร่งด่วน ลดการเกิดฝุ่นพิษจากการจราจร พร้อมแจกหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมใน 7 สถานีบีทีเอส ด้าน ร.ร.เซนต์ดอมินิก ประกาศหยุดเรียนรวด 3 วัน พบพื้นที่เกินมาตรฐาน 50 เขตในกทม.-ปริมณฑล
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.สัญจร ว่า ครม.เห็นชอบในหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในวันที่ 23 ม.ค.นี้ โดยจะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่จะพูดคุยในระดับปฏิบัติการให้ชัดเจนร่วมกัน เราไม่ได้มีอะไรติดขัดกับมาตรการ แต่อยากให้การดำเนินการเป็นไปได้จริง ไม่ได้ออกมาตรการเฉยๆ
โดยมาตรการสำคัญๆ อาทิ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1) ออกข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานครจากวงแหวนรัชดาภิเษกขยายเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก (2) ออกข้อบังคับหรือระเบียบตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เพื่อห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป เข้ามาในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครในวันคี่ ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2563 สำหรับวันคู่ให้เข้าได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงการตรวจวัดควันดำอย่างเข้มงวด การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนด ให้สั่งปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือสั่งหยุดการประกอบกิจการ เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า ได้อนุมัติใน ครม.ไปแล้ว ทั้งแผนเฉพาะหน้า ระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว ที่ต้องมาเข้มงวดดูว่าความเข้มของฝุ่น PM 2.5 นั้น มีระดับใด และพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ มาจากการจราจรมากที่สุดรองลงมาคือ การเผา และอุตสาหกรรม
นายกฯ กล่าวต่อว่า เราต้องเข้าใจในข้อเท็จจริงเหล่านี้ จากมาตรการที่ออกมา หลายคนอยากให้ใช้ยาแรง ก็จะเกิดข้อขัดแย้ง ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกในปัจจุบันไม่ได้เจาะจงว่าประเภทใดประเภทหนึ่งจะสร้าง PM 2.5 แต่มันเป็นทุกประเภท โดยเฉพาะการปล่อยควันดำ ตนสั่งมาตรการไปว่าให้เข้มงวดกวดขันทั้งปรับและจับกุม ให้เข้มงวดที่สุดตามกฎหมายปกติ
"ผมถามว่าถ้าเราปิดทั้งหมด หยุดทั้งหมด เข้าพื้นที่ไม่ได้เลย ต้องไปดูว่ามาตรฐานขั้นต้นจะทำอย่างไร ถ้าค่า 50 ตามกฎหมายปกติต้องเข้มงวดทุกประการ ถ้าเจอจับ ปิด ห้ามวิ่ง แต่ถ้าพื้นที่ใดเกิน 50 - 75 ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าฯ กทม.มีมาตรการเข้มงวดกวดขันขึ้นเป็นเฉพาะพื้นที่ อยู่ในอำนาจของผู้ว่าฯ แต่ถ้าสูงถึง 76 - 100 การห้ามรถเข้าออกวันโน้นวันนี้ จะมีผลกระทบมากพอสมควร ถ้าเกิน 100 รัฐบาลจะเทกโอเวอร์ทั้งหมด คราวนี้ก็จะเดือดร้อนทั้งหมด ห้ามการใช้รถ ใช้รถบริการสาธารณะอย่างเดียว ห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้า รถเกิน 10 ปีห้ามใช้ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องการให้ใช้มาตรการ แต่เราต้องการไปถึงจุดนั้นหรือ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ต้องทำให้ต่ำกว่า 50 ได้ก่อน แล้วพื้นที่ที่เกิน 50 - 75 ค่อยใช้มาตรการเข้มงวดไป เช่น โรงเรียน อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่สามารถสั่งปิดได้ในช่วงที่มีอันตรายสูงสุด มีภัยต่อเด็กนักเรียน สามารถหยุดได้ แต่ต้องหาเวลาสอนทดแทน
ส่วนมาตรการเสริมในระยะยาว อยู่ในแผนแม่บทแล้ว เช่นเรื่องของรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนไฟฟ้า แทนรถดีเซล ซึ่งเป็นอีกระยะหนึ่ง เพราะใช้งบประมาณสูงในการจัดหา ในส่วนของโรงงานก็ต้องเตือนกันก่อนแล้วค่อยปิด จากที่ได้รับรายงานมา ค่า PM ก็เกินอยู่ไม่มาก ก็ให้ปรับปรุงแก้ไข ถ้าจำเป็นก็ต้องปิด ซึ่งเรากำลังเตรียมการในเรื่องเหล่านี้ คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในวันพฤหัสที่ 23 ม.ค.นี้
กรณีที่ศิลปิน ดารา ประชาชนออกมาตำหนิตนในเรื่องนี้ ขอให้ฟังตนบ้าง ทั้งรัฐบาล และตนก็อึดอัด อยากให้เปิดใจ การจะใช้ยาเบา ยาแรง ก็ต้องเป็นพื้นที่ไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบโดยรวม
กทม.เข็น4มาตรการด่วนแก้วิกฤต
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 ลมยังพัดไม่แรง อากาศยังปิด ค่าฝุ่น PM 2.5 จะยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ซึ่งกทม.จะมีการออกมาตรการเร่งด่วน 4 มาตรการ คือ 1.มาตรการเหลื่อมเวลาในการทำงานของบุคลากรกทม. ที่ทำงานในส่วนของสำนักงานหรือแบ็คออฟฟิศ จำนวน 20,000 คน ในศาลาว่าการกทม. เสาชิงช้าและศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง เพื่อช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยให้เหลื่อมเวลาทำงานมาเป็นเวลา 10.00 - 18.00 น. แทน โดยยืนยันว่า ในส่วนของการบริการประชาชนตามสำนักงานเขตหรือทะเบียนราษฎร์ ยังคงให้บริการตามเดิม คือ เวลา 08.00-16.00 น. และหวังว่าจะเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการ
2.มาตรการปิดสถานศึกษาสังกัด กทม. ทั้งหมด 437 โรงเรียน ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 เป็นเวลา 1 วัน เพราะค่าฝุ่นยังมีแนวโน้มสูง ส่วนจะปิดต่อเนื่องหรือไม่นั้น ยังต้องรอการประชุมหารือสถานการณ์ก่อน แต่ยืนยันว่าการปิดโรงเรียนจะไม่ให้กระทบกับการเรียน โดยอาจให้มีการเรียนเสริมในภายหลัง
3.การแจกหน้ากากอนามัย ซึ่งที่ผ่านมามีการแจกภายในศูนย์อนามัยทั้ง 68 ศูนย์ทั่วกทม. โดยมีหน้ากากอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าใบ โดยในช่วงวิกฤตเราจะมีการแจกเพิ่มเติมในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มเติมอีก 7 สถานีบีทีเอส ที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเริ่มแจกตั้งแต่วานนี้(21) และ 4.ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น
ร.ร.เซนต์ดอมินิก ประกาศหยุดเรียน 3 วัน
นายปิยทัย โกศินานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน ปฏิบัติหน้าที่ลงนามแทนผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์ดอมินิก เรื่องการหยุดเรียนกรณีพิเศษ ระบุว่า เพื่อบรรเทาความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เดินทางไปและกลับด้วยตนเอง โดยบริการขนส่งสาธารณะ โรงเรียนได้พิจารณาแล้วจึงเห็นสมควรหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันพุธที่ 22 มกราคม 2563 ถึงวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563 เป็นเวลา3วัน โดยไม่มีคุณครูนัดหมายนักเรียนไปทำกิจกรรมใดๆ รวมทั้งปิดทำการทุกแผนกด้วย
ฝุ่นพิษกระจายใน 50 เขตพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
ด้านกรมควบคุมมลพิษ รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 21 ม.ค.63 เวลา 7.00 น.โดยผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพฯ จำนวน 52 สถานี ตรวจวัดค่าได้ในช่วง 48-89 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้าของเมื่อวาน พบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 50 พื้นที่
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.สัญจร ว่า ครม.เห็นชอบในหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในวันที่ 23 ม.ค.นี้ โดยจะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่จะพูดคุยในระดับปฏิบัติการให้ชัดเจนร่วมกัน เราไม่ได้มีอะไรติดขัดกับมาตรการ แต่อยากให้การดำเนินการเป็นไปได้จริง ไม่ได้ออกมาตรการเฉยๆ
โดยมาตรการสำคัญๆ อาทิ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1) ออกข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานครจากวงแหวนรัชดาภิเษกขยายเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก (2) ออกข้อบังคับหรือระเบียบตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เพื่อห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป เข้ามาในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครในวันคี่ ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2563 สำหรับวันคู่ให้เข้าได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงการตรวจวัดควันดำอย่างเข้มงวด การตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนด ให้สั่งปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือสั่งหยุดการประกอบกิจการ เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า ได้อนุมัติใน ครม.ไปแล้ว ทั้งแผนเฉพาะหน้า ระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว ที่ต้องมาเข้มงวดดูว่าความเข้มของฝุ่น PM 2.5 นั้น มีระดับใด และพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ มาจากการจราจรมากที่สุดรองลงมาคือ การเผา และอุตสาหกรรม
นายกฯ กล่าวต่อว่า เราต้องเข้าใจในข้อเท็จจริงเหล่านี้ จากมาตรการที่ออกมา หลายคนอยากให้ใช้ยาแรง ก็จะเกิดข้อขัดแย้ง ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกในปัจจุบันไม่ได้เจาะจงว่าประเภทใดประเภทหนึ่งจะสร้าง PM 2.5 แต่มันเป็นทุกประเภท โดยเฉพาะการปล่อยควันดำ ตนสั่งมาตรการไปว่าให้เข้มงวดกวดขันทั้งปรับและจับกุม ให้เข้มงวดที่สุดตามกฎหมายปกติ
"ผมถามว่าถ้าเราปิดทั้งหมด หยุดทั้งหมด เข้าพื้นที่ไม่ได้เลย ต้องไปดูว่ามาตรฐานขั้นต้นจะทำอย่างไร ถ้าค่า 50 ตามกฎหมายปกติต้องเข้มงวดทุกประการ ถ้าเจอจับ ปิด ห้ามวิ่ง แต่ถ้าพื้นที่ใดเกิน 50 - 75 ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าฯ กทม.มีมาตรการเข้มงวดกวดขันขึ้นเป็นเฉพาะพื้นที่ อยู่ในอำนาจของผู้ว่าฯ แต่ถ้าสูงถึง 76 - 100 การห้ามรถเข้าออกวันโน้นวันนี้ จะมีผลกระทบมากพอสมควร ถ้าเกิน 100 รัฐบาลจะเทกโอเวอร์ทั้งหมด คราวนี้ก็จะเดือดร้อนทั้งหมด ห้ามการใช้รถ ใช้รถบริการสาธารณะอย่างเดียว ห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้า รถเกิน 10 ปีห้ามใช้ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องการให้ใช้มาตรการ แต่เราต้องการไปถึงจุดนั้นหรือ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ต้องทำให้ต่ำกว่า 50 ได้ก่อน แล้วพื้นที่ที่เกิน 50 - 75 ค่อยใช้มาตรการเข้มงวดไป เช่น โรงเรียน อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่สามารถสั่งปิดได้ในช่วงที่มีอันตรายสูงสุด มีภัยต่อเด็กนักเรียน สามารถหยุดได้ แต่ต้องหาเวลาสอนทดแทน
ส่วนมาตรการเสริมในระยะยาว อยู่ในแผนแม่บทแล้ว เช่นเรื่องของรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนไฟฟ้า แทนรถดีเซล ซึ่งเป็นอีกระยะหนึ่ง เพราะใช้งบประมาณสูงในการจัดหา ในส่วนของโรงงานก็ต้องเตือนกันก่อนแล้วค่อยปิด จากที่ได้รับรายงานมา ค่า PM ก็เกินอยู่ไม่มาก ก็ให้ปรับปรุงแก้ไข ถ้าจำเป็นก็ต้องปิด ซึ่งเรากำลังเตรียมการในเรื่องเหล่านี้ คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในวันพฤหัสที่ 23 ม.ค.นี้
กรณีที่ศิลปิน ดารา ประชาชนออกมาตำหนิตนในเรื่องนี้ ขอให้ฟังตนบ้าง ทั้งรัฐบาล และตนก็อึดอัด อยากให้เปิดใจ การจะใช้ยาเบา ยาแรง ก็ต้องเป็นพื้นที่ไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบโดยรวม
กทม.เข็น4มาตรการด่วนแก้วิกฤต
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 ลมยังพัดไม่แรง อากาศยังปิด ค่าฝุ่น PM 2.5 จะยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ซึ่งกทม.จะมีการออกมาตรการเร่งด่วน 4 มาตรการ คือ 1.มาตรการเหลื่อมเวลาในการทำงานของบุคลากรกทม. ที่ทำงานในส่วนของสำนักงานหรือแบ็คออฟฟิศ จำนวน 20,000 คน ในศาลาว่าการกทม. เสาชิงช้าและศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง เพื่อช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยให้เหลื่อมเวลาทำงานมาเป็นเวลา 10.00 - 18.00 น. แทน โดยยืนยันว่า ในส่วนของการบริการประชาชนตามสำนักงานเขตหรือทะเบียนราษฎร์ ยังคงให้บริการตามเดิม คือ เวลา 08.00-16.00 น. และหวังว่าจะเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการ
2.มาตรการปิดสถานศึกษาสังกัด กทม. ทั้งหมด 437 โรงเรียน ในวันที่ 22 ม.ค. 2563 เป็นเวลา 1 วัน เพราะค่าฝุ่นยังมีแนวโน้มสูง ส่วนจะปิดต่อเนื่องหรือไม่นั้น ยังต้องรอการประชุมหารือสถานการณ์ก่อน แต่ยืนยันว่าการปิดโรงเรียนจะไม่ให้กระทบกับการเรียน โดยอาจให้มีการเรียนเสริมในภายหลัง
3.การแจกหน้ากากอนามัย ซึ่งที่ผ่านมามีการแจกภายในศูนย์อนามัยทั้ง 68 ศูนย์ทั่วกทม. โดยมีหน้ากากอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าใบ โดยในช่วงวิกฤตเราจะมีการแจกเพิ่มเติมในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มเติมอีก 7 สถานีบีทีเอส ที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเริ่มแจกตั้งแต่วานนี้(21) และ 4.ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น
ร.ร.เซนต์ดอมินิก ประกาศหยุดเรียน 3 วัน
นายปิยทัย โกศินานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน ปฏิบัติหน้าที่ลงนามแทนผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์ดอมินิก เรื่องการหยุดเรียนกรณีพิเศษ ระบุว่า เพื่อบรรเทาความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เดินทางไปและกลับด้วยตนเอง โดยบริการขนส่งสาธารณะ โรงเรียนได้พิจารณาแล้วจึงเห็นสมควรหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันพุธที่ 22 มกราคม 2563 ถึงวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563 เป็นเวลา3วัน โดยไม่มีคุณครูนัดหมายนักเรียนไปทำกิจกรรมใดๆ รวมทั้งปิดทำการทุกแผนกด้วย
ฝุ่นพิษกระจายใน 50 เขตพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
ด้านกรมควบคุมมลพิษ รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 21 ม.ค.63 เวลา 7.00 น.โดยผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพฯ จำนวน 52 สถานี ตรวจวัดค่าได้ในช่วง 48-89 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากช่วงเช้าของเมื่อวาน พบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 50 พื้นที่