ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“โหรศรี”แม่นยำ เคยฟันธง คดีล้มการปกครองฯ "ไม่ยุบส้มหวาน" แต่คดีเงินกู้ 191 ล้าน หาพรรคสำรองไว้ได้เลย ส่วน“ทอน”และเพื่อน #ทำงานต่อไม่รอแล้วนะ
ไม่ผิดจากความคาดหมายของใครหลายคน สำหรับมติของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยกคำร้อง คดีพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีคำวินิจฉัยว่า เป็นเพียงข้อห่วงใยของผู้ร้อง เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ ไม่มีพฤติการณ์ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
ทำให้"พรรคอนาคตใหม่"รอดพ้นจากโทษยุบพรรคไปได้ในดาบแรก
อีกคนที่ฟันธงคดีนี้ไว้ล่วงหน้า ก็คือ “พี่ศรี”ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่โพสต์เฟซบุ๊กทันทีหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย โดยบอกว่า“โหรศรีบอกแล้วครับ ว่าอนค.จะไม่ถูกยุบพรรคเพราะคดีอิลลูมินาติ (คดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) แต่คดีเงินกู้ 191 ล้าน เตรียมพรรคสำรองได้เลยครับ”พร้อมกับโชว์ภาพที่เขาเคยโพสต์ทำนายไว้ ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2562
“โหรศรี”ทำนายถูกไปแล้วสำหรับคดีล้มล้างการปกครอง จึงน่าติดตามว่า คดีเงินกู้ 191 ล้าน จะทำนายถูกหรือไม่
สำหรับคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ที่พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมจาก"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค มาใช้จ่ายในช่วงการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 นั้น ดูจะมีน้ำหนักมากกว่าคดี “อิลลูมินาติ”อยู่หลายเท่า
นั่นเพราะเป็นคดีที่ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค”ซึ่งมีข้อมูลหลักฐาน ชัดเจนยิ่งกว่า เพียงแต่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะตีความข้อกฎหมายออกมาอย่างไรเท่านั้น
ฟังจาก "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ดูค่อนข้างมั่นใจว่า สามารถต่อสู้คดีได้ โดยอ้างว่าคดีนี้คณะอนุกรรมการของ กกต. ได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่กกต.ก็ยังดำเนินการต่อไป พร้อมท่องคาถาที่ว่า “การกู้เงินไม่มีกฎหมายห้าม เงินกู้ไม่ใช่ประโยชน์ และเงินกู้เราได้ทยอยคืนไปบางส่วน และเป็นเงินใช้เพื่อทำกิจกรรมของพรรคการเมือง จึงมั่นใจว่า เราไม่มีความผิด”
แต่ถ้าดูเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว ถือว่า พรรคอนาคตใหม่ ยังอาการหนัก!!
ถ้าไล่เรียงให้ดี ก็จะเห็นว่าสาระสำคัญอยู่ที่ มาตรา 72 ระบุ ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ... หาใช่ มาตรา 62 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองมี “รายได้”จาก 7 ช่องทาง ซึ่งไม่มีกำหนดว่าให้“กู้เงิน” มาใช้จ่ายได้ เมื่อประกอบ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ที่บัญญัติรับรองว่า ถ้าพรรคการเมืองกระทำผิดตาม มาตรา 72 มีโทษถึงยุบพรรค ก็ถือว่า อนาคตใหม่ รอดยาก
ส่วนคาถาที่ "ปิยบุตร" ท่องมาตลอดว่า เงินกู้เป็นรายจ่าย ไม่ใช่รายได้ และกฎหมายไม่ได้ห้ามการกู้เงินนั้น มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอธิบายว่า กฎหมายพรรคการเมืองเป็นกฎหมายมหาชน พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน (ค้ากำไรไม่ได้) จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อะไรที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติเอาไว้ให้กระทำ ต้องถือว่า.."ไม่สามารถกระทำได้"
ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงที่พรรคจะถูกยุบ แกนนำอนาคตใหม่ ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล จัดเตรียมการแถลงข่าวไว้ล่วงหน้า โดยติดแฮชแท็ก หลังเวทีว่า # ทำงานต่อ ไม่รอแล้วนะ เป็นการประกาศว่า ถึงพรรคจะยุบหรือไม่ยุบ ก็จะทำงานการเมืองตามแนวทางของพรรคต่อไป
แต่เมื่อศาลฯ มีคำวินิจฉัยยกคำร้องคดีล้มล้างการปกครองฯ ทำให้ยังไม่ถูกยุบพรรค ทั้ง ปิยบุตรและธนาธร จึงขอแถลงตีกินซักหน่อย ตามสไตล์นักการเมืองแบบไทยๆ ไม่ว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าไม่แตกต่างกัน
"ปิยบุตร" ไม่เอ่ยสักคำว่า ศาลรัฐธรรมนูญให้ความยุติธรรมที่มีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรค แต่บอกว่าคดีนี้ ตนเองรู้แต่แรกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ควรเป็นคดีแต่แรกด้วยซ้ำ และสวนกลับไปว่า “คณะรัฐประหาร”ต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง
ส่วน"ธนาธร" ก็อ้างว่า พรรคอนาคตใหม่ ได้รับคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า ให้เดินต่อไป พร้อมขอสัญญาว่า ขาที่ 1 งานในสภาฯ ตนและส.ส.จะมุ่งมั่นทำงานอย่างสร้างสรรค์ ในการตรวจสอบรัฐบาล มุ่งมั่นทำให้นโยบายของพรรคเป็นจริงให้ได้ ในระยะกลางภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า จะรณรงค์ ร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอ ทั้งยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. 17 ฉบับ , คุ้มครองสิทธิแรงงาน , ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ และสุราก้าวหน้า
ส่วนขาอีกข้าง "ธนาธร" บอกว่า จะทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่องนอกสภาฯ จะไปพบประชาชนทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรับฟังปัญหา ความเดือดร้อน หากพอมีช่องทางก็จะเอาปัญหามาฝากส.ส. เพื่อผลักดันนำไปสู่การแก้ไขต่อไป และรณรงค์ให้เข้าใจถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า งานที่พรรคอนาคตใหม่บอกว่าจะทำต่อ (ไม่รอแล้วนะ) นั้น เป็นงานเพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้านจริงๆ หรือเป็นงานเพื่อเกมการเมืองกันแน่!!
** "เหลิม" ขึงขัง แช่งชักหักกระดูกคนปูดข่าว "ดีลลับ" พร้อมสาบาน ถ้าตัวเองไปเจรจาหาประโยชน์ก็ขอให้มีอันเป็นไป แต่หลายคนเห็นแล้วขำ เพราะนี่คือบทถนัดที่งัดมาใช้เป็นประจำ
หลังจาก"เหลิม บางบอน" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ได้รับไฟเขียวจากคนแดนไกล ให้นั่งเป็นประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย รับบทบาทเป็นกุนซือใหญ่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ทำเอาราศี บารมี ของ"เจ๊หน่อย" สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ดูหมองลงทันใด
"เหลิม" ออกมาโหมโรงถี่ยิบ ล็อกเป้า 5 รัฐมนตรี ที่จะถูกอภิปราย พร้อมแย้มไต๋ในประเด็นที่จะอภิปรายเสร็จสรรพ ... มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม... สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ...
ขณะที่ ส.ส.หลายคนในพรรคต่างข้องใจว่า ทำไมชื่อ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ใน "3ป." ถึงได้หลุดโผไปได้ เพราะเห็นว่าถ้าจะตีรัฐบาลต้องตี "พี่น้อง3ป." ถึงจะตรงเป้า จะมาเว้นวรรคไว้ได้ไง ... แต่ "เฉลิม" ก็ออกมาดักคอว่า ถ้าคิดจะอภิปรายเรื่อง "แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน" นั่นมันจบไปแล้ว ดีไม่ดีจะถูกฟ้องกลับเอาด้วย
จึงเป็นที่มาของข่าว "ดีลลับ" ว่ามีการนัดกินข้าว เจรจาเพื่อไม่ให้มีการอภิปรายรัฐมนตรีบางคน ซึ่งก็หมายถึง"บิ๊กป้อม" นั่นเอง !!
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวปล่อยออกมาอีกว่า "ระดับบิ๊ก" ในพรรคเพื่อไทย เจรจาของานในกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม มูลค่า 900 ล้านบาทมาทำ แลกกับการไม่ใส่ชื่อ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ในการอภิปรายครั้งนี้ ...ข่าวดีลลับจึงมีน้ำหนักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ต้องเข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยในยุคนี้ "แบ่งก๊ก แบ่งก๊วน" ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความเป็นเอกภาพ เมื่อจะเปิดศึกอภิปราย แต่ละกลุ่มต่างก็มี "เป้าหมาย" กันไปคนละทิศละทาง จึงยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ... ยิ่งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ยังวุ่นอยู่กับปัญหา "ยุบพรรค" จนไม่มีอารมณ์ร่วมในการอภิปรายครั้งนี้ กำหนดการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงถูกเลื่อน แล้วเลื่อนอีก...
ล่าสุด มีการประชุมร่วม 7 พรรคฝ่ายค้าน "เฉลิม" ออกมาตีสีหน้าขึงขังว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่มีซูเอี๋ย ไม่มีดีล มีแต่การเอาข้อเท็จจริงมาบอกประชาชน มาบอกสื่อมวลชนว่ารัฐบาลชุดนี้ว่าไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศชาติอีกไปแล้ว ...ส่วนเรื่อง "ดีลลับ" เฉลิม ก็เล่นบทถนัด ทั้งสาบาน ทั้งแช่งชักหักกระดูก คนที่ปล่อยข่าวขอให้พบกับความวิบัติ และถ้าตัวเขาไปแอบเจรจาหาประโยชน์ ก็ขอให้เกิดความวิบัติเช่นกัน...และยังย้ำว่า สำหรับตัวเขาแล้วเห็นว่ารัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย มี 5 คน เหมือนเดิม
ขณะที่ "สุทิน คลังแสง" ประธานวิปฝ่ายค้าน กลับออกมาแถลงว่า 29 ม.ค. ฝ่ายค้านจะไปยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อประธานสภาฯ ส่วนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย ณ วันนี้ เพิ่มจาก 5 คน เป็น 7 คนแล้ว มีการเสนอเพิ่มเข้ามา อาทิ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี..."อุตตม สาวนายน" รมว.คลัง..."สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.อุตสาหกรรม..."ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม และ"ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วน"แจ็กพอต" จะออกที่ใครบ้างขอให้ฟัง วันที่ 29 ม.ค.นี้
แต่จะว่าไปแล้ว ข่าว "ดีลลับ" ก็ทำเอาศึกซักฟอกครั้งนี้ดู "อ่อนยวบ" ลงทันที เพราะเห็นว่าฝ่ายค้านไม่ตั้งใจตี มีการซูเอี๋ย เป็นการอภิปราย เพื่อการต่อรองเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ... ยิ่งเมื่อพิจารณา "จำนวนมือ" ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ของฝ่ายรัฐบาลพ้นภาวะ "ปริ่มน้ำ" ไปมากแล้ว ดังนั้นการจะคว่ำรัฐบาลจากศึกครั้งนี้จึงแทบจะเรียกได้ว่า ริบหรี่ !!
---------
รูป -ศรีสุวรรณ จรรยา - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
– ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
**“โหรศรี”แม่นยำ เคยฟันธง คดีล้มการปกครองฯ "ไม่ยุบส้มหวาน" แต่คดีเงินกู้ 191 ล้าน หาพรรคสำรองไว้ได้เลย ส่วน“ทอน”และเพื่อน #ทำงานต่อไม่รอแล้วนะ
ไม่ผิดจากความคาดหมายของใครหลายคน สำหรับมติของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยกคำร้อง คดีพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีคำวินิจฉัยว่า เป็นเพียงข้อห่วงใยของผู้ร้อง เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ ไม่มีพฤติการณ์ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
ทำให้"พรรคอนาคตใหม่"รอดพ้นจากโทษยุบพรรคไปได้ในดาบแรก
อีกคนที่ฟันธงคดีนี้ไว้ล่วงหน้า ก็คือ “พี่ศรี”ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่โพสต์เฟซบุ๊กทันทีหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย โดยบอกว่า“โหรศรีบอกแล้วครับ ว่าอนค.จะไม่ถูกยุบพรรคเพราะคดีอิลลูมินาติ (คดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) แต่คดีเงินกู้ 191 ล้าน เตรียมพรรคสำรองได้เลยครับ”พร้อมกับโชว์ภาพที่เขาเคยโพสต์ทำนายไว้ ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2562
“โหรศรี”ทำนายถูกไปแล้วสำหรับคดีล้มล้างการปกครอง จึงน่าติดตามว่า คดีเงินกู้ 191 ล้าน จะทำนายถูกหรือไม่
สำหรับคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ที่พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมจาก"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค มาใช้จ่ายในช่วงการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 นั้น ดูจะมีน้ำหนักมากกว่าคดี “อิลลูมินาติ”อยู่หลายเท่า
นั่นเพราะเป็นคดีที่ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค”ซึ่งมีข้อมูลหลักฐาน ชัดเจนยิ่งกว่า เพียงแต่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะตีความข้อกฎหมายออกมาอย่างไรเท่านั้น
ฟังจาก "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ดูค่อนข้างมั่นใจว่า สามารถต่อสู้คดีได้ โดยอ้างว่าคดีนี้คณะอนุกรรมการของ กกต. ได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่กกต.ก็ยังดำเนินการต่อไป พร้อมท่องคาถาที่ว่า “การกู้เงินไม่มีกฎหมายห้าม เงินกู้ไม่ใช่ประโยชน์ และเงินกู้เราได้ทยอยคืนไปบางส่วน และเป็นเงินใช้เพื่อทำกิจกรรมของพรรคการเมือง จึงมั่นใจว่า เราไม่มีความผิด”
แต่ถ้าดูเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว ถือว่า พรรคอนาคตใหม่ ยังอาการหนัก!!
ถ้าไล่เรียงให้ดี ก็จะเห็นว่าสาระสำคัญอยู่ที่ มาตรา 72 ระบุ ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ... หาใช่ มาตรา 62 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองมี “รายได้”จาก 7 ช่องทาง ซึ่งไม่มีกำหนดว่าให้“กู้เงิน” มาใช้จ่ายได้ เมื่อประกอบ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ที่บัญญัติรับรองว่า ถ้าพรรคการเมืองกระทำผิดตาม มาตรา 72 มีโทษถึงยุบพรรค ก็ถือว่า อนาคตใหม่ รอดยาก
ส่วนคาถาที่ "ปิยบุตร" ท่องมาตลอดว่า เงินกู้เป็นรายจ่าย ไม่ใช่รายได้ และกฎหมายไม่ได้ห้ามการกู้เงินนั้น มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอธิบายว่า กฎหมายพรรคการเมืองเป็นกฎหมายมหาชน พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน (ค้ากำไรไม่ได้) จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อะไรที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติเอาไว้ให้กระทำ ต้องถือว่า.."ไม่สามารถกระทำได้"
ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงที่พรรคจะถูกยุบ แกนนำอนาคตใหม่ ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล จัดเตรียมการแถลงข่าวไว้ล่วงหน้า โดยติดแฮชแท็ก หลังเวทีว่า # ทำงานต่อ ไม่รอแล้วนะ เป็นการประกาศว่า ถึงพรรคจะยุบหรือไม่ยุบ ก็จะทำงานการเมืองตามแนวทางของพรรคต่อไป
แต่เมื่อศาลฯ มีคำวินิจฉัยยกคำร้องคดีล้มล้างการปกครองฯ ทำให้ยังไม่ถูกยุบพรรค ทั้ง ปิยบุตรและธนาธร จึงขอแถลงตีกินซักหน่อย ตามสไตล์นักการเมืองแบบไทยๆ ไม่ว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าไม่แตกต่างกัน
"ปิยบุตร" ไม่เอ่ยสักคำว่า ศาลรัฐธรรมนูญให้ความยุติธรรมที่มีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรค แต่บอกว่าคดีนี้ ตนเองรู้แต่แรกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ควรเป็นคดีแต่แรกด้วยซ้ำ และสวนกลับไปว่า “คณะรัฐประหาร”ต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง
ส่วน"ธนาธร" ก็อ้างว่า พรรคอนาคตใหม่ ได้รับคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า ให้เดินต่อไป พร้อมขอสัญญาว่า ขาที่ 1 งานในสภาฯ ตนและส.ส.จะมุ่งมั่นทำงานอย่างสร้างสรรค์ ในการตรวจสอบรัฐบาล มุ่งมั่นทำให้นโยบายของพรรคเป็นจริงให้ได้ ในระยะกลางภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า จะรณรงค์ ร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอ ทั้งยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. 17 ฉบับ , คุ้มครองสิทธิแรงงาน , ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ และสุราก้าวหน้า
ส่วนขาอีกข้าง "ธนาธร" บอกว่า จะทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่องนอกสภาฯ จะไปพบประชาชนทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรับฟังปัญหา ความเดือดร้อน หากพอมีช่องทางก็จะเอาปัญหามาฝากส.ส. เพื่อผลักดันนำไปสู่การแก้ไขต่อไป และรณรงค์ให้เข้าใจถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า งานที่พรรคอนาคตใหม่บอกว่าจะทำต่อ (ไม่รอแล้วนะ) นั้น เป็นงานเพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้านจริงๆ หรือเป็นงานเพื่อเกมการเมืองกันแน่!!
** "เหลิม" ขึงขัง แช่งชักหักกระดูกคนปูดข่าว "ดีลลับ" พร้อมสาบาน ถ้าตัวเองไปเจรจาหาประโยชน์ก็ขอให้มีอันเป็นไป แต่หลายคนเห็นแล้วขำ เพราะนี่คือบทถนัดที่งัดมาใช้เป็นประจำ
หลังจาก"เหลิม บางบอน" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ได้รับไฟเขียวจากคนแดนไกล ให้นั่งเป็นประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย รับบทบาทเป็นกุนซือใหญ่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ทำเอาราศี บารมี ของ"เจ๊หน่อย" สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ดูหมองลงทันใด
"เหลิม" ออกมาโหมโรงถี่ยิบ ล็อกเป้า 5 รัฐมนตรี ที่จะถูกอภิปราย พร้อมแย้มไต๋ในประเด็นที่จะอภิปรายเสร็จสรรพ ... มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม... สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ...
ขณะที่ ส.ส.หลายคนในพรรคต่างข้องใจว่า ทำไมชื่อ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ใน "3ป." ถึงได้หลุดโผไปได้ เพราะเห็นว่าถ้าจะตีรัฐบาลต้องตี "พี่น้อง3ป." ถึงจะตรงเป้า จะมาเว้นวรรคไว้ได้ไง ... แต่ "เฉลิม" ก็ออกมาดักคอว่า ถ้าคิดจะอภิปรายเรื่อง "แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน" นั่นมันจบไปแล้ว ดีไม่ดีจะถูกฟ้องกลับเอาด้วย
จึงเป็นที่มาของข่าว "ดีลลับ" ว่ามีการนัดกินข้าว เจรจาเพื่อไม่ให้มีการอภิปรายรัฐมนตรีบางคน ซึ่งก็หมายถึง"บิ๊กป้อม" นั่นเอง !!
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวปล่อยออกมาอีกว่า "ระดับบิ๊ก" ในพรรคเพื่อไทย เจรจาของานในกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม มูลค่า 900 ล้านบาทมาทำ แลกกับการไม่ใส่ชื่อ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ในการอภิปรายครั้งนี้ ...ข่าวดีลลับจึงมีน้ำหนักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ต้องเข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยในยุคนี้ "แบ่งก๊ก แบ่งก๊วน" ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความเป็นเอกภาพ เมื่อจะเปิดศึกอภิปราย แต่ละกลุ่มต่างก็มี "เป้าหมาย" กันไปคนละทิศละทาง จึงยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ... ยิ่งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ยังวุ่นอยู่กับปัญหา "ยุบพรรค" จนไม่มีอารมณ์ร่วมในการอภิปรายครั้งนี้ กำหนดการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงถูกเลื่อน แล้วเลื่อนอีก...
ล่าสุด มีการประชุมร่วม 7 พรรคฝ่ายค้าน "เฉลิม" ออกมาตีสีหน้าขึงขังว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่มีซูเอี๋ย ไม่มีดีล มีแต่การเอาข้อเท็จจริงมาบอกประชาชน มาบอกสื่อมวลชนว่ารัฐบาลชุดนี้ว่าไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศชาติอีกไปแล้ว ...ส่วนเรื่อง "ดีลลับ" เฉลิม ก็เล่นบทถนัด ทั้งสาบาน ทั้งแช่งชักหักกระดูก คนที่ปล่อยข่าวขอให้พบกับความวิบัติ และถ้าตัวเขาไปแอบเจรจาหาประโยชน์ ก็ขอให้เกิดความวิบัติเช่นกัน...และยังย้ำว่า สำหรับตัวเขาแล้วเห็นว่ารัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย มี 5 คน เหมือนเดิม
ขณะที่ "สุทิน คลังแสง" ประธานวิปฝ่ายค้าน กลับออกมาแถลงว่า 29 ม.ค. ฝ่ายค้านจะไปยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อประธานสภาฯ ส่วนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย ณ วันนี้ เพิ่มจาก 5 คน เป็น 7 คนแล้ว มีการเสนอเพิ่มเข้ามา อาทิ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี..."อุตตม สาวนายน" รมว.คลัง..."สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.อุตสาหกรรม..."ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม และ"ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วน"แจ็กพอต" จะออกที่ใครบ้างขอให้ฟัง วันที่ 29 ม.ค.นี้
แต่จะว่าไปแล้ว ข่าว "ดีลลับ" ก็ทำเอาศึกซักฟอกครั้งนี้ดู "อ่อนยวบ" ลงทันที เพราะเห็นว่าฝ่ายค้านไม่ตั้งใจตี มีการซูเอี๋ย เป็นการอภิปราย เพื่อการต่อรองเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ... ยิ่งเมื่อพิจารณา "จำนวนมือ" ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ของฝ่ายรัฐบาลพ้นภาวะ "ปริ่มน้ำ" ไปมากแล้ว ดังนั้นการจะคว่ำรัฐบาลจากศึกครั้งนี้จึงแทบจะเรียกได้ว่า ริบหรี่ !!
---------
รูป -ศรีสุวรรณ จรรยา - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
– ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ