“กรมควบคุมโรค” เผยพบผู้ป่วยต้องสอบสวน “โรคอู่ฮั่น” แล้ว 7 ราย กลับบ้านแล้ว 3 รายที่ไม่เป็น “ไวรัสอู่ฮั่น” ที่เหลือรอผลแล็บ ยันระบบคัดกรองเอาอยู่ ด้าน WHO แถลงสาเหตุโรคระบาดปริศนาที่จีน อาจเกิดจาก “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” ที่แตกต่างจากไวรัสโรค “SARS-MERS”
วานนี้ (9 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการไข้และระบบทางเดินหายใจที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสปริศนาว่า ขณะนี้ระบบคัดกรองสามารถตรวจพบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค คือ มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ และมาจากเมืองที่มีการระบาด รวมทั้งหมด 7 ราย โดยรายที่ 1-3 ซึ่งเป็น ด.ช.ชาวจีน และนักศึกษาหญิงไทย 2 ราย ได้หายดี และผลแล็บยืนยันว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสที่อู่ฮั่น ก็ให้กลับบ้านแล้วทั้งหมด ส่วนรายที่ 4 ใน รพ.เอกชนอาการดีขึ้นเช่นกัน สำหรับรายที่ 5 หญิงชาวจีนอายุ 61 ปี ผลแล็บบางส่วนออกมาแล้วว่าเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็รอผลแล็บทั้งหมดอีกครั้ง เพราะการส่งตรวจได้ส่งมากกว่า 2 ห้องปฏิบัติการขึ้นไป และอยู่ระหว่างการให้การดูแลรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรโดยการให้ยาปฏิชีวนะ ส่วนรายที่ 6 และ 7 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ 1 ราย และดอนเมือง 1 ราย จึงรับมาดูแลรักษาที่สถาบันบำราศฯ เช่นกัน พร้อมส่งสิ่งตรวจทางห้องแล็บ สำหรับผู้ที่เดินทางมาด้วยกัน โดยเฉพาะที่นั่งติดกันด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง จะมีการขอเบอร์โทรศัพท์และสถานที่พำนักไว้ และให้คำแนะนำการสังเกตอาการและวิธีปฏิบัติตน โดยเฉพาะหากมีไข้ให้รีบติดต่อเข้ามา
เมื่อถามว่า สถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) ได้รายงานโดยอ้างอิงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ก่อโรค คือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จริงๆ เรามีการคาดการณ์อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นโคโรนาไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสกลุ่มนี้ถือเป็นตระกูลใหญ่และมีสายพันธุ์ย่อยอีกมาก ซึ่งเมื่อจีนตรวจพบว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ของกลุ่มไวรัสตระกูลโคโรนา ก็จะมีวิธีในการตั้งชื่อเรียกไวรัสนี้ เช่น ตามชื่อคนที่ตรวจพบ ตามลักษณะรายละเอียดย่อยของเชื้อ ตามปีที่ตรวจพบ หรือเมืองที่ตรวจพบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอทางการจีนประกาศอย่างเป็นทางการ และแบ่งปันวิธีตรวจกับตัวอย่างเชื้อที่เอาไว้ใช้เปรียบเทียบให้แก่ประเทศต่างๆ
เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวอย่างและวิธีการตรวจเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หากมีผู้ป่วยจากอู่ฮั่นและตรวจพบว่าไม่ตรงกับเชื้อตัวอย่างที่ไทยเคยมี ถือว่าเข้าข่ายป่วยด้วยเชื้อจากอู่ฮั่นหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จะเหมารวมเช่นนั้นไม่ได้ เพราะแม้จะตรวจว่าลักษณะของเชื้อไม่ตรงกับเชื้อตัวอย่างที่เรามี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเชื้อที่มาจากจีนหรือตัวเดียวกับที่จีน สิ่งสำคัญคือต้องให้การดูแลรักษา ไม่ให้มีอาการรุนแรง และหากมีอาการรุนแรงก็ต้องหาสาเหตุให้ได้ และพยายามหาวิธีตรวจเชื้อดังกล่าวให้ได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากเราได้รับการแบ่งปันวิธีการตรวจและตัวอย่างเชื้อจากจีน ระบบก็จะเปลี่ยน โดยมุ่งตรวจตัวไวรัสนี้แต่ก็ยังไม่ทิ้งวิธีการตรวจเทียบกับเชื้อไวรัสอื่นแล้วตัดทิ้งเหมือนกัน
ส่วนมาตรการยกระดับระบบคัดกรอง หากเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า มาตรการขณะนี้เราทำมากเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ซึ่งระบบที่เราวางไว้ ยินยันว่า แม้จะเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ก็สามารถคัดกรองผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคได้ แต่ต้องอยู่ในพื้นฐานที่ทุกคนมีส่วนร่วมด้วย คือ หากพบคนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาดแล้วมีไข้ อาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เพิกเฉย ต้องรายงานและส่งตัว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรงและการแพร่ระบาด
"ยืนยันว่า เวลานี้ยังไม่มีผู้ป่วยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสดังกล่าวในประเทศไทย แต่เนื่องจากยังไม่มีการห้ามการเดินทาง และมีการเข้าออกประเทศไทยอยู่ตลอด ก็มีโอกาสที่จะมีผู้ป่วยเดินทางเข้ามาได้ แต่ไม่อยากให้ตระหนก เพราะเรามีระบบคัดกรองผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค ขอให้วางใจ แต่ประชาชนต้องมีความตระหนักด้วย หากมาจากพื้นที่เสี่ยง มีไข้ และอาการโรคทางเดินหายใจ ต้องรีบแจ้งเพื่อเข้าระบบ " นพ.สุวรรณชัย กล่าว
ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าการแพร่ระบาดของโรคปอดบวมซึ่งพบผู้ป่วยแล้วกว่า 50 รายที่เมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของจีน อาจจะเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากไวรัสโรค SARS และ MERS ที่เคยระบาดทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูงตรงกับ สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ที่รายงาน ผลเบื้องต้นจากห้องปฏิบัติการที่ตรวจโดยทีมผู้เชี่ยวชาญทีมหนึ่งว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดคราวนี้
วานนี้ (9 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการไข้และระบบทางเดินหายใจที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสปริศนาว่า ขณะนี้ระบบคัดกรองสามารถตรวจพบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค คือ มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ และมาจากเมืองที่มีการระบาด รวมทั้งหมด 7 ราย โดยรายที่ 1-3 ซึ่งเป็น ด.ช.ชาวจีน และนักศึกษาหญิงไทย 2 ราย ได้หายดี และผลแล็บยืนยันว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสที่อู่ฮั่น ก็ให้กลับบ้านแล้วทั้งหมด ส่วนรายที่ 4 ใน รพ.เอกชนอาการดีขึ้นเช่นกัน สำหรับรายที่ 5 หญิงชาวจีนอายุ 61 ปี ผลแล็บบางส่วนออกมาแล้วว่าเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็รอผลแล็บทั้งหมดอีกครั้ง เพราะการส่งตรวจได้ส่งมากกว่า 2 ห้องปฏิบัติการขึ้นไป และอยู่ระหว่างการให้การดูแลรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรโดยการให้ยาปฏิชีวนะ ส่วนรายที่ 6 และ 7 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ 1 ราย และดอนเมือง 1 ราย จึงรับมาดูแลรักษาที่สถาบันบำราศฯ เช่นกัน พร้อมส่งสิ่งตรวจทางห้องแล็บ สำหรับผู้ที่เดินทางมาด้วยกัน โดยเฉพาะที่นั่งติดกันด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง จะมีการขอเบอร์โทรศัพท์และสถานที่พำนักไว้ และให้คำแนะนำการสังเกตอาการและวิธีปฏิบัติตน โดยเฉพาะหากมีไข้ให้รีบติดต่อเข้ามา
เมื่อถามว่า สถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) ได้รายงานโดยอ้างอิงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ก่อโรค คือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จริงๆ เรามีการคาดการณ์อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นโคโรนาไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสกลุ่มนี้ถือเป็นตระกูลใหญ่และมีสายพันธุ์ย่อยอีกมาก ซึ่งเมื่อจีนตรวจพบว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ของกลุ่มไวรัสตระกูลโคโรนา ก็จะมีวิธีในการตั้งชื่อเรียกไวรัสนี้ เช่น ตามชื่อคนที่ตรวจพบ ตามลักษณะรายละเอียดย่อยของเชื้อ ตามปีที่ตรวจพบ หรือเมืองที่ตรวจพบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอทางการจีนประกาศอย่างเป็นทางการ และแบ่งปันวิธีตรวจกับตัวอย่างเชื้อที่เอาไว้ใช้เปรียบเทียบให้แก่ประเทศต่างๆ
เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวอย่างและวิธีการตรวจเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หากมีผู้ป่วยจากอู่ฮั่นและตรวจพบว่าไม่ตรงกับเชื้อตัวอย่างที่ไทยเคยมี ถือว่าเข้าข่ายป่วยด้วยเชื้อจากอู่ฮั่นหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จะเหมารวมเช่นนั้นไม่ได้ เพราะแม้จะตรวจว่าลักษณะของเชื้อไม่ตรงกับเชื้อตัวอย่างที่เรามี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเชื้อที่มาจากจีนหรือตัวเดียวกับที่จีน สิ่งสำคัญคือต้องให้การดูแลรักษา ไม่ให้มีอาการรุนแรง และหากมีอาการรุนแรงก็ต้องหาสาเหตุให้ได้ และพยายามหาวิธีตรวจเชื้อดังกล่าวให้ได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากเราได้รับการแบ่งปันวิธีการตรวจและตัวอย่างเชื้อจากจีน ระบบก็จะเปลี่ยน โดยมุ่งตรวจตัวไวรัสนี้แต่ก็ยังไม่ทิ้งวิธีการตรวจเทียบกับเชื้อไวรัสอื่นแล้วตัดทิ้งเหมือนกัน
ส่วนมาตรการยกระดับระบบคัดกรอง หากเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า มาตรการขณะนี้เราทำมากเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ซึ่งระบบที่เราวางไว้ ยินยันว่า แม้จะเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ก็สามารถคัดกรองผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคได้ แต่ต้องอยู่ในพื้นฐานที่ทุกคนมีส่วนร่วมด้วย คือ หากพบคนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาดแล้วมีไข้ อาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เพิกเฉย ต้องรายงานและส่งตัว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรงและการแพร่ระบาด
"ยืนยันว่า เวลานี้ยังไม่มีผู้ป่วยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสดังกล่าวในประเทศไทย แต่เนื่องจากยังไม่มีการห้ามการเดินทาง และมีการเข้าออกประเทศไทยอยู่ตลอด ก็มีโอกาสที่จะมีผู้ป่วยเดินทางเข้ามาได้ แต่ไม่อยากให้ตระหนก เพราะเรามีระบบคัดกรองผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค ขอให้วางใจ แต่ประชาชนต้องมีความตระหนักด้วย หากมาจากพื้นที่เสี่ยง มีไข้ และอาการโรคทางเดินหายใจ ต้องรีบแจ้งเพื่อเข้าระบบ " นพ.สุวรรณชัย กล่าว
ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าการแพร่ระบาดของโรคปอดบวมซึ่งพบผู้ป่วยแล้วกว่า 50 รายที่เมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของจีน อาจจะเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากไวรัสโรค SARS และ MERS ที่เคยระบาดทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูงตรงกับ สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ที่รายงาน ผลเบื้องต้นจากห้องปฏิบัติการที่ตรวจโดยทีมผู้เชี่ยวชาญทีมหนึ่งว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดคราวนี้