กรมควบคุมโรค เผยพบผู้ป่วยจากอู่ฮั่นอีก 1 ราย นับเป็นรายที่ 5 นำส่งห้องแยกโรคสถาบันบำราศฯ พร้อมสอบสวนโรค พร้อมเฝ้าระวังผู้โดยสารไฟลท์เดียวกัน หากมีอาการไข้ให้รีบแจ้ง หากเลย 14 วันไม่มีไข้ถือว่าปกติ ส่วนผู้ป่วยก่อนหน้านี้ให้กลับบ้านได้แล้ว 2 ราย อีกรายรอกลับบ้านวันที่ 9 ม.ค.หากไข้ลด หลังผลแล็บชัดเจนไม่ใช่ไวรัสอู่ฮั่น
ความคืบหน้าการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลังจากพบผู้ป่วยต้องสอบสวนโรค 4 ราย อยู่ที่ห้องแยกโรคสถาบันบำราศนราดูร 3 ราย และ รพ.เอกชน 1 ราย โดยในส่วนของ ด.ช.ชาวจีนอายุ 3 ขวบ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ออกมาทั้ง 2 ครั้งว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ H3N2 และอาการดีขึ้นจนสามารถให้กลับบ้านได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ส่วนรายอื่นยังรอผลการตรวจแล็บยืนยันอีกครั้งนั้น
วันนี้ (8 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า ในรายของ ด.ช.ชาวจีนชัดเจนแล้วว่ามาจากไข้หวัดใหญ่ อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ให้กลับบ้านไปแล้ว ส่วนรายที่สองนักศึกษาหญิงไทย ผลตรวจแล็บครั้งที่สองออกมาว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ จึงให้ผู้ป่วยกลับบ้านในช่วงสายของวันที่ 8 ม.ค. ดังนั้น ขณะนี้ผู้ป่วย 4 รายให้กลับบ้านได้แล้ว 2 รายเพราะชัดเจนว่าไม่ได้เป็นเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องกับการระบาดที่อู่ฮั่น ส่วนรายที่ 3 เป็นนักศึกษาหญิงไทยเช่นกัน ผลตรวจแล็บทั้ง 2 ครั้ง พบว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งได้ให้ยาปฏิชีวนะ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องรอให้สบายดีและไข้ลดลงก่อน คาดว่าภายในวันที่ 9 ม.ค.ก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนรายที่ 4 ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เอกชน ทางรพ.เอกชนได้รายงานมาว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอผลตรวจแล็บที่ครบถ้วนรอบด้านอีกครั้งหนึ่งก่อน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า มีสายการบินจากอู่ฮั่นที่บินตรงมาลงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศได้คัดกรองพบหญิงชาวจีนรายหนึ่งมีอาการไข้ ซึ่งเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จึงได้แยกออกมาเพื่อไม่หให้สัมผัสกับผู้อื่น และส่งมายังห้องแยกโรคที่สถาบันบำราศฯ เพื่อทำการรักษา สอบสวนโรค ซักถามประวัติหารายละเอียด และทยอยเก็บสิ่งส่งตรวจทางแล็บ ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนโรคอีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้ที่เดินทางมาไฟลท์เดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ด้านหน้า และด้านหลังของผู้ป่วยรายนี้ ก็จะมีการติดตามว่ามีอาการไข้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ผู้ที่นั่งใกล้ชิด แต่เรามีการให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสารทั้งหมดว่าหากมาอยู่ในประเทศไทยแล้วเกิดมีอาการไข้ให้รีบติดต่อเข้ามา ซึ่งในการเฝ้าระวังนั้นจะยึดตามระยะเวลาการฟักตัวของโรคนานที่สุด คือ 14 วัน หากภายใน 14 วันนี้ไม่มีไข้ ก็ถือว่าไม่มีการติดเชื้อใดๆ
เมื่อถามถึงการเฝ้าระวังทางฮ่องกงและสิงคโปร์หลังพบรายงานผู้ป่วยด้วยเช่นกัน นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในส่วนของสิงคโปร์นั้นมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 1 ราย ซึ่งทางสิงคโปร์ได้สอบสวนโรคแล้วพบว่า มาจากไวรัสตัวอื่น ไม่เกี่ยวกับที่จีน จึงไม่มีอะไรต้องกังวล ส่วนที่ฮ่องกงมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคหลายราย ซึ่งขณะนี้ทางฮ่องกงยังไม่ได้ประกาศผลการตรวจและสอบสวนโรคว่า เกี่ยวข้องกับการระบาดที่จีนหรือไม่ ซึ่งกรมฯ จะมีการติดต่อประสานงานข้อมูลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในช่วงภาวะอากาศเย็นของจีน ทุกประเทศก็มีการดำเนินการป้องกันเฝ้าระวังไว้ก่อน ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งจะดีที่สุดหากไม่พบลักษณะการระบาดของจีนในประเทศ