รายงานสุดสัปดาห์
หัวข่าววันก่อน"ประยุทธ์" มอบดาบ "รมต.สำนักฯ" นั่งหัวโต๊ะอ.ก.พ.ฟันวินัยขรก.กระทรวง/หน่วยงาน ที่พรรคฯ กำกับดูแลเกิดจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 382/2562 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
มีใจความว่า
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 165/2562 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 นั้นเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 11 (2) และมาตรา 12 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 38 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 25340 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 และ มาตรา 90 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550
จึงแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง มอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้ยกเลิกความในข้อ 8 และข้อ 9 แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 165/2562 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“8. รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สั่งและปฏิบัติราชการ แทนนายกรัฐมนตรี ให้มีอำนาจปฏิบัติแทนนายกรัฐมนตรี ในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการ ในหน่วยงานที่สั่งและปฏิบัติราชการ"
"9. ให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สั่งและปฏิบัติ ราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนราชการใด เป็นประธาน อ.ก.พ. ทำหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงของส่วนราชการ นั้นด้วย ยกเว้น อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน” ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เดิม ความในข้อ 8 และ ข้อ 9 ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 165/2562 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ให้ไว้ว่า
8. รองนายกรัฐมนตรีที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้มีอำนาจปฏิบัติแทนนายกรัฐมนตรีในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการในหน่วยงานที่สั่งและปฏิบัติราชการ
9. ให้รองนายกรัฐมนตรี ที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนราชการใด เป็นประธาน อ.ก.พ. ทำหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงของส่วนราชการนั้นด้วย ยกเว้น อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรีให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน
คำสั่งฉบับนี้ นอกจากให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน อ.ก.พ.กระทรวง โดยตำแหน่งแล้ว การเพิ่มอำนาจหัวโต๊ะ "อ.ก.พ." ครั้งนี้ จึงเป็นการเติมให้กับ "นายเทวัญ ลิปตพัลลภ" จากพรรคชาติพัฒนา มีอำนาจปฏิบัติแทนนายกรัฐมนตรี ในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการ ในหน่วยงานที่สั่งและปฏิบัติราชการ และ เป็นประธานอ.ก.พ. ทำหน้าที่อ.ก.พ. กระทรวงของส่วนราชการ นั้นด้วย นั่นเอง
ตัดมาที่ “การบริหารส่วนท้องถิ่น”ปลายปีที่แล้วเช่นกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการกลางพนักงานองค์การส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 6 ฉบับเป็น ประกาศคณะกรรมการกลาง "พนักงานส่วนตำบล พนักงานเทศบาล และพนักงานข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด"
3 ฉบับแรก ว่าด้วย "มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562"
โดยที่เป็นการสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการกลาง ทั้ง 3 ส่วน เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558เพี่อให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกำหนดสถานโทษทางวินัยพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษา "องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด" ให้สอดคล้องกับ "โครงสร้างบัญชีเงินเดือนพนักงานครูและ บุคลากรทางการศึกษา" ทั้ง 3 การบริหารส่วนท้องถิ่น ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น '"แบบบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง”
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 (6) ประกอบมาตรา 26 วรรคเจ็ด แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และมติคณะกรรมการกลางฯ ในการประชุม ครั้งที่ 10/2562 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ" เรื่อง มาตรฐานทั่วไป เกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562”
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้ในข้อ 4 ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558
"ลดขั้นเงินเดือน หมายความว่า การลดขั้นเงินเดือนสำหรับพนักงานฯ และการลดเงินเดือน สำหรับพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ"
ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 วรรคสาม ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน
“การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพี่อให้เกิดความเสียหายอย่าง ร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง”
ข้อ 5 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้ เป็นข้อ 23/1 ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการตำเนิบการทางวินัย พ.ศ.2558
“ข้อ 23/1 พนักงานฯ ต้องไม่กระทำการอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ โดยกระทำการประการใดประการหนึ่งดังต่อไปนี้ ต่อข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่นด้วยกัน หรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการไม่ว่าจะเกิดขึ้นในหรือนอกสถานที่ราชการ โดยผู้ถูกกระทำมิได้ยินยอมต่อการกระทำนั้น หรือทำให้ ผู้ถูกกระทำเดือดร้อนรำคาญ
(1) กระทำการด้วยการสัมผัสทางกาย ที่มีลักษณะส่อไปในทางเพศ เช่น การจูบ การโอบกอด การจับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง เป็นต้น
(2) กระทำการด้วยวาจาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ร่างกาย พูดหยอกล้อ พูดหยาบคาย เป็นต้น
(3) กระทำการด้วยอากัปกิริยาที่ส่อไปในทางเพศ เซ่น การใช้สายตาลวนลาม การทำสัญญาณ หรือสัญลักษณ์ใด ๆ เป็นต้น
(4) การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ที่ส่อไปในทางเพศ เช่น แสดงรูปลามกอนาจาร ส่งจดหมาย ช้อความ หรือการสื่อสารรูปแบบอี่น เป็นต้น
(5) การแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ส่อไปในทางเพศ ซี่งผู้ถูกกระทำไม่พึงประสงค์หรือเดือดร้อนรำคาญ การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศตามวรรคหนึ่ง อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง”
ข้อ 6 ให้ยกเลิกความในข้อ 84 วรรคสี่ ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน
"นายกองค์การฯ มีอำนาจลงโทษตัดเงินเดือน และลดขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล ตามวรรคหนึ่งได้ ดังนี้
(1) ตัดเงินเดือน ได้ครั้งหนึ่งในอัตราร้อยละ 2 หรือร้อยละ 4 ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับในวันที่ มีคำสั่งลงโทษเป็นเวลาหนึ่งเดือน สองเดือน หรือสามเดือน
(2) ลดขั้นเงินเดือนครั้งหนึ่งไม่เกินหนึ่งขั้น หรือลดเงินเดือนได้ครั้งหนึ่งในอัตราร้อยละ 2 หรือ ร้อยละ 4 ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับในวันที่มีคำสั่งลงโทษ แล้วแต่กรณี"
ข้อ 7 ให้นำความในข้อ 89 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการ ทางวินัย พ.ศ. 2558 เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งมาใช้บังคับในการนี้ด้วย
อีก 3 ฉบับ เป็นประกาศคณะกรรมการกลางอปท. เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562
โดยที่เป็นการสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ พ.ศ. 2558
ให้สอดคล้องกับมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับ วินัยและการรักษาวินัย และการตำเนนการทางวินัย พ.ศ.2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 17 (7) ประกอบ มาตรา 26 วรรคเจ็ด แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และ มติคณะกรรมการกลางพนักงานฯ ในการประชุม ครั้งที่ 10/2562 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า "ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ" เรื่อง มาตรฐานทั่วไป เกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562”
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพนธ์ 2563 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้ ในข้อ 4 ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานฯ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ พ.ศ. 2558
“ลดขั้นเงินเดือน หมายความว่า การลดขั้นเงินเดือนสำหรับพนักงานฯ และการลดเงินเดือน สำหรับพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้ง 3 อปท.หลังปีใหม่ อปท. กว่า 7 พันแห่งทั่วประเทศ ต้องเร่งจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของพนักงานส่วนท้องถิ่น เสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธาน ก.กลางระดับจังหวัด ลงนามในเดือน มกราคม เพื่อประกาศใช้จริง 3 กุมภาพันธ์ 2563 นั่นเอง.