xs
xsm
sm
md
lg

2563 วัดดวงประยุทธ์-ธนาธร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ถ้าจะถามว่า การเมืองข้างหน้าในปี 2563 จะเป็นอย่างไร คำตอบที่พอจะตอบได้คือ ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา สถานการณ์หลังการเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น คือ รัฐบาลจะยังถูลู่ถูกังต่อไปแบบเรือปริ่มน้ำ ฝ่ายค้านที่เป็นศัตรูคนสำคัญยังคงเป็นอนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แม้จะเป็นพรรคอันดับ 3 ที่มีคะแนนน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านอันดับ 1 ก็ตาม

เพราะตอนนี้มวลชนฝั่งตรงข้ามรัฐบาลนั้นเชื่อว่า ธนาธรและอนาคตใหม่ เป็นของจริงมากกว่าพรรคเพื่อไทยที่สู้ไปหมอบไป และดูท่าทีทักษิณจะยอมจำนนไปแล้วด้วยเงื่อนไขพิเศษ

การพลาดท่าแพ้ในนิด้าโพลนั้น เหมือนกับการแพ้คาบ้านในนัดเหย้า เพราะก่อนหน้านี้นิด้าโพลสำรวจกี่ครั้ง ผลลัพธ์ก็เทไปฝั่งรัฐบาลหมดจนกระทั่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นโพลเชียร์รัฐบาล ดังนั้นมันจึงสะท้อนผลที่น่าเชื่อถือมาก

นิด้าโพลถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 31.42 ระบุว่าเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมืองมีความคิดที่พัฒนาประเทศและเศรษฐกิจได้ดี และชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่เป็นการส่วนตัว อันดับ 2 ร้อยละ 23.74 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะบริหารงานดีอยู่แล้วเป็นคนตรงไปตรงมาบ้านเมืองสงบไม่วุ่นวาย

เรียกได้ว่า แพ้กันขาดชนิดไม่ต้องถ่ายรูป แถมยังสำทับด้วยกรุงเทพโพลล์ พบว่า นักการเมืองแห่งปีที่ชื่นชอบมากที่สุด 5 อันดับแรกคือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 32.02 ตามด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 29.23 นายชวน หลีกภัย ร้อยละ 13.54 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 6.15 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 5.0

แสดงว่าถึงตอนนี้ธนาธรมาแรงมาก กระทั่งเรียกว่าสมรภูมิไหนพล.อ.ประยุทธ์ก็แพ้ราบคาบ ทั้งที่มีความได้เปรียบที่ถืออำนาจรัฐอยู่ในมือ ในขณะที่ธนาธรนั้นยังมีเพียงการสร้างวาทกรรมและเสนอแนวคิดไม่ได้ลงมือสร้างผลงานอะไร

ในการลองเชิงระดมมวลชนมาชุมนุมที่สกายวอล์คนั้น ต้องยอมรับนะครับว่า สามารถจุดติดและสร้างคลื่นกระทบการเมืองได้ในระดับหนึ่ง ผมคิดว่า คนที่มานั้นมีทั้งชอบและไม่ชอบธนาธร เลือกและไม่ได้เลือกอนาคตใหม่ แต่ไม่พอใจการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ การเล่นพรรคเล่นพวก และท่าทีที่เกรี้ยวกราดเหมือนทวงบุญคุณประชาชนตลอดเวลา

ถ้าย้อนไปความผิดพลาดสำคัญที่ทำให้ธนาธรและอนาคตใหม่สามารถฉกฉวยสถานการณ์และขี่กระแสมาได้ก็เพราะเหตุจากการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ส้มหล่นได้คะแนนมาแบบเหนือความคาดหมาย เพราะเขตที่ไทยรักษาชาติลงสมัครนั้นไม่มีเพื่อไทยมาแบ่งปันคะแนนเลย

เมื่อบวกกับกระแสในคนรุ่นใหม่แล้ว ต้องยอมรับว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นคนที่ได้รับอานิสงส์จากระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากที่สุด ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะออกทุกสำนักก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า การนับคะแนนแบบนี้จะทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนมาก แม้ตอนนั้นยังมองไม่ออกเลยว่า ฐานเสียงของอนาคตใหม่อยู่ในพื้นที่ไหน แต่พูดว่ากระจายตัวอยู่ทั่วประเทศหน้าคอมพิวเตอร์และโซเชียลมีเดียนั่นเอง

และการที่สมรภูมิโซเชียลมีเดียถูกแนวร่วมและมวลชนของธนาธรยึดหัวหาดเอาไว้ ทำให้สนามข้อมูลข่าวสารที่ใหญ่ที่สุดถูกยึดกุมโดยฝั่งธนาธรไปหมด

เมื่อธนาธรกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในกรณีของการถือครองหุ้นสื่อ แม้ว่าโดยข้อเท็จจริง ธนาธรถูกร้องเป็นคนแรก และกระบวนการทางกฎหมายต้องเดินไปก่อนใคร และเชื่อว่า กรณีนี้น่าจะเป็นการผิดพลาดหลงลืมของธนาธรเองด้วยซ้ำ แต่เมื่อศาลชี้ว่า ธนาธรมีความผิด ก็ปล่อยให้กระแสสังคมนำพาไปว่า ธนาธรถูกกลั่นแกล้ง การปฏิบัติต่อธนาธรต่างกับผู้ถือหุ้นสื่อคนอื่นที่มีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล

โดยไม่มีใครอธิบายให้เห็นข้อแตกต่างระหว่างการถือครองหุ้นสื่อจริงๆ กับการจดทะเบียนทำสื่อไว้ในบริคณห์สนธิ ปล่อยให้สถานการณ์พัดพาไปเป็นประโยชน์และสร้างความน่าเชื่อว่า กรณีของธนาธรนั้นมีความไม่ยุติธรรมอยู่จริง ทั้งที่ศาลตัดสินไปตามข้อเท็จจริง และธนาธรไม่สามารถชี้แจงอะไรในชั้นศาลได้เลยนอกจากไม่รู้ไม่ทราบและจำไม่ได้

รวมถึงกรณีเงินกู้ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเอาไว้ และจะตัดสินในช่วงเดือนนี้นั้น โดยข้อกฎหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่สามารถกู้เงินได้ เพียงแต่เอาตัวบทและหลักกฎหมายมหาชนมาอธิบายก็เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เพราะความเชี่ยวชาญที่เหนือกว่าของสมรภูมิข่าวสารแบบใหม่ ทำให้กระแสชักนำไปว่า การกู้เงินไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ทั้งๆ ที่ถ้าจะอธิบายดีๆ หลักสำคัญคือ กฎหมายควบคุมที่มาของเงินการใช้จ่ายต้องมีที่มาชัดเจน มีการกำจัดวงเงินซึ่งถึงจะทำได้ก็ต้องผิดอยู่แล้วเพราะเกินวงเงิน แต่กลับไม่มีใครมาอธิบายเพื่อตอบโต้ข่าวสารในโซเชียลมีเดียได้หนักแน่นเลย

ประจวบกับพฤติกรรมของคนฝั่งรัฐบาลเองที่สร้างภาพลบ และเมื่อกระทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายแล้วกลับได้รับการปฏิบัติอีกมาตรฐานหนึ่งล่าช้าอืดอาดโยกโย้ต่างกับที่ฝ่ายตรงข้ามถูกเล่นงาน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่มันจะสะท้อนความไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยึดมั่น

ดังนั้นผลโพลที่ออกมาชนิดที่ว่า ธนาธรมีชัยเหนือพล.อ.ประยุทธ์ทุกสมรภูมินั้น ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แปลก ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนสะท้อนออกมาจากความฟอนเฟอะภายในของรัฐบาลเอง แม้จะยึดกุมอำนาจรัฐและอยู่ภายใต้กระดองเหล็กของทหารก็ตาม

และเชื่อว่าด้วยเงื่อนไขที่สุกงอม ตั้งแต่ความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้งที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ฝ่ายถืออำนาจรัฐที่เป็นฝ่ายปฏิบัติและมีโอกาสจะผิดพลาดจนเปิดบาดแผลของตัวเองให้เขาขย้ำมากกว่าจนตกเป็นรองคลื่นกระแสที่ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ปลุกขึ้น แถมวันนี้ต่างกับยุคที่ออกมาขับไล่ทักษิณ เพราะวันนั้นสื่อส่วนใหญ่ยังไม่ยืนข้างทักษิณแบบนี้ แต่วันนี้มีสื่อจำนวนไม่น้อยที่ยืนข้างธนาธร โดยเฉพาะสื่อใหม่ที่กุมพื้นที่โซเชียลมีเดีย

เพียงแต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นก็คือ เมื่อขิงก็ราข่าก็แรง ฝ่ายหนึ่งกุมอำนาจรัฐ ฝ่ายหนึ่งกุมกระแสคลื่นมวลชนและสงครามข่าวสาร สถานการณ์ที่กำลังปลุกปั่นกันอย่างสุดขั้วทั้งสองข้าง ฝ่ายหนึ่งต้องการระบอบเสรีนิยมสุดขั้ว และฝ่ายหนึ่งต้องการระบอบอำนาจนิยมสุดขั้วจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นไหม

แม้ถึงวันนี้มีท่าทีผ่อนปรนลงจากฝั่งรัฐบาลในการตั้งกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงลงได้ แต่เชื่อหรือว่า จะมีใครยอมเสียประโยชน์จากการแก้รัฐธรรมนูญ ถึงวันนั้นฝ่ายถืออำนาจรัฐอาจจะหลงคิดว่าตัวเองยังเหนือกว่าทั้งมวลชนและแรงหนุนจากกองทัพ และไม่มีผลลัพธ์ที่ตอบสนองฝ่ายตรงข้ามจากการแก้รัฐธรรมนูญเลย

เมื่อเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ความรุนแรงและวิกฤตของสังคมไทย อาจจะกลับมาอีกครั้งจากปะทะกันของคนสองวัยประยุทธ์และธนาธรว่าใครจะอยู่ใครจะไป

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan
กำลังโหลดความคิดเห็น