การผุดดำแหวกว่ายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังประเทศละตินอเมริกา ของ “พญามังกรจีน” เที่ยวนี้...คงต้องยอมรับว่าต่างไปจากการเข้ามายุ่มย่ามในสวนหลังบ้านอเมริกาของ “สหภาพโซเวียต” ช่วงยุคสงครามเย็น แบบคนละเรื่อง-คนละม้วน คือมันไม่ได้มุ่งเข้ามาปะทะ หรือแสดงออกถึงความพยายามช่วงชิงอำนาจอิทธิพลกับอเมริกาโดยตรง แต่เป็นการ “เลื้อย” เข้ามาแบบเงียบๆ แบบลุ่มลึก ลึกซึ้ง และแนบเนียนเอามากๆ...
โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า...ไม่ว่าบรรดาประเทศในละตินอเมริกา จะมั่วไป-มั่วมากับการหันไปใช้ “แนวทาง” ชนิดไหนในการหาทางออก-ทางไป ให้กับประเทศตัวเอง เดี๋ยวเปลี่ยนไปเป็น “ซ้าย” เดี๋ยวกลายไปเป็น “ขวา” เปลี่ยนไปใช้แนวทางสังคมนิยม ทุนนิยม เสรีนิยมใหม่ ฯลฯ ในการบริหารจัดการประเทศตัวเองก็ตาม แต่โดยสภาพความเป็นจริงแล้ว...แต่ละประเทศยังตกอยู่ภายใต้ภาวะ “ด้อยพัฒนา” หรือ “กำลังพัฒนา” โดยเฉพาะในแง่ของโครงสร้างด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไปด้วยกันทั้งสิ้น 60 เปอร์เซ็นต์ของถนนหนทางในละตินอเมริกา ยังไม่ได้ลาดยาง หรือยังไม่ถูกปรับปรุงให้เอื้ออำนวยความสะดวกต่อการไปมาค้าขาย หรือการขนส่งไปด้วยกันทั้งนั้น 70 เปอร์เซ็นต์ของระบบท่อระบายน้ำในเมืองสำคัญต่างๆ ล้วนไม่ได้รับการดูแลให้หายสกปรก รกรุงรัง การตอบสนองความต้องการของผู้คนในด้านพลังงาน การแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า เป็นไปแบบติดๆ ขัดๆ เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวดับ แบบเดียวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบ้านเรา อะไรทำนองนั้น คือยังไม่มีเสถียรภาพ ความมั่นคง พอที่จะรองรับการยกระดับตัวเองให้ “โก อินเตอร์” หรือให้เป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนระดับข้ามชาติ ข้ามประเทศ หรือระหว่างประเทศได้มากมายสักเท่าไหร่นัก...
“พญามังกรจีน” เขาก็เลยจับเอาจุดๆ นี้นี่แหละ เป็นจุดเริ่มต้นในการลากเลื้อย เข้าไปในพื้นที่ต่างๆ ประเทศต่างๆ ในขณะที่คุณพ่ออเมริกายังคงใช้วิธีที่ตัวเองถนัด คือพร้อมไล่ทุบ ไล่บี้ประเทศใดๆ ก็ตาม ที่คิดดิ้นรนเป็นอิสระจากอำนาจอิทธิพลของอเมริกา แบบเดียวกับที่เคยใช้ได้ผลในช่วงยุค “สงครามเย็น” มาโดยตลอด การอนุมัติเงินลงทุน หรือการปล่อยกู้ให้กับโครงการลงทุนสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของธนาคารจีน อย่าง “China Development Bank” และ “Export-Import Bank of China” นับตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2000 ไปจนถึงปี ค.ศ. 2007 ให้กับประเทศต่างๆ ในละตินอเมริกา จึงปาเข้าไปถึง 141,000 ล้านดอลลาร์ ชนิดที่ไม่เพียงแต่ทำให้ถนนหนทาง ท่าเรือ สถานีรถไฟ ฯลฯ ของแต่ละประเทศในละตินอเมริกา กลายเป็นตัวรองรับอภิมหาโครงการ “Belt and Road” ของจีนไปเป็นแถบๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ “เครือข่ายการใช้พลังงาน” ในละตินอเมริกา กลายเป็นเครือข่ายที่สอดคล้องรองรับกับ “เทคโนโลยีพลังงาน” ชนิดใหม่ของจีน หรือรองรับกับระบบ “UHV” (Ultra-High-Voltage) เช่นเดียวกับการทำให้ “เครือข่ายระบบสื่อสารโทรคมนาคม” กลายเป็นสิ่งที่สอดคล้องรองรับกับ “ระบบ 5G” ของบริษัทโทรคมนาคมของจีน อย่าง “หัวเว่ย” และ “ZTE” ชนิดรั้งไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาคิดจะ “เตะตัดขา” หรือคิดหันไปไล่ทุบ ไล่บี้ แต่ละประเทศ ยังไงก็ตามที...
ด้วยการค่อยๆ เลื้อยเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขั้นพื้นฐาน หรือสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของบรรดาประเทศละตินอเมริกาแต่ละประเทศนั่นเอง ที่ทำให้บรรณาธิการอาวุโสแห่งนิตยสาร “National Interest Magazine” อย่าง “นายCarlos Roa” ถึงกับต้อง “ฟันธง” ไว้ในข้อเขียน บทความของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่า “The United State is Losing Latin America to China” หรืออเมริกาได้สูญเสียสวนหลังบ้านของตัวเอง ให้กับคุณพี่จีนไปเรียบร้อยแล้วนั่นแล เพราะแม้จะมีความพยายามฮึดสู้ พยายามช่วงชิงอำนาจและอิทธิพลของตัวเองกลับคืนมา แต่ด้วยเหตุเพราะทัศนะแบบโบร่ำโบราณ แบบไดโนเสาร์-เต่าล้านปี ที่ยังมองประเทศในละตินอเมริกาเป็นแค่ “สวนหลังบ้าน” ของตัวเอง ความพยายามช่วงชิงอำนาจ อิทธิพล อเมริกากลับคืนมา ในแต่ละประเทศละตินอเมริกา จึงเป็นไปในแบบไม่ต่างอะไรไปจาก “ยุคสงครามเย็น” เมื่อครั้งอดีตนั่นเอง...
เช่น การส่งพวก “ขวาจัด” หรือพวก “นีโอคอนเซอร์เวทีฟ” อย่าง “นายEliot Abrams” ที่เคยสร้างความอื้อฉาวในกรณี “อิหร่าน-คอนทรา” ยุคประธานาธิบดีเรแกน โน่นเลย เป็นตัวแทนของอเมริกาเข้าไปหาทางโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลาของประธานาธิบดี “นิโคลัส มาดูโร” อาศัยองค์กรทางการเมืองที่เป็นมือ เป็นตีน ของอเมริกามาโดยตลอด อย่างองค์กร “OAS” (Organization of America States) เป็นตัวจุดชนวนโค่นล้ม รัฐประหาร รัฐบาลโบลิเวียของประธานาธิบดี “อีโว โมราเลส” หรือแม้แต่การอาศัยอำนาจในการข่มขู่บังคับ กระทั่งรัฐบาลที่ยอมศิโรราบให้กับอเมริกา อย่างรัฐบาลฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา ฯลฯ ที่ไม่สามารถยับยั้งบรรดาพลเมืองในประเทศตัวเอง ซึ่งแห่หลบหนีเข้าเมืองมายังประเทศอเมริกา ด้วยประกาศจะตัดเงินช่วยเหลือ ไม่ก็กดดันด้วยการประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศ ที่ไปทำอะไรขัดอก ขัดใจ คุณพ่ออเมริกา หรือหันไปใช้ “อำนาจอย่างแข็ง” (Hard Power)เป็นเครื่องมือ ในขณะที่คุณพี่จีนกลับหันไปใช้ “อำนาจอย่างอ่อน” (Soft Power) ได้อย่างละมุนภัณฑ์เอามากๆ หรืออย่างที่ “นายCarlos Roa” ต้องสรุปเอาไว้ประมาณว่า... “ในละตินอเมริกาทุกวันนี้ อำนาจอย่างแข็งได้กลายเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างจำกัดยิ่งเข้าไปทุกที ขณะที่อำนาจอย่างอ่อน โดยทางเศรษฐกิจและการทูต กำลังกลายเป็นตัวขับเคลื่อนความเป็นไปในภูมิภาคนี้ยิ่งขึ้นทุกขณะ นี่คือสิ่งที่ประเทศอเมริกาต้องหันมาใคร่ครวญให้จงหนัก...”
แต่ก็นั่นแหละ...แม้การเลื้อยเข้ามาของจีนในภูมิภาคนี้ จะหนักไปทางอาศัย “อำนาจอย่างอ่อน” ล้วนๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มี “อำนาจอย่างแข็ง” เอาซะเลย เพราะผู้ที่ถือเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร โดยใกล้ชิดเอามากๆ กับจีน หรือเป็นพันธมิตรผู้พร้อมป่าวประกาศจะ “เปลี่ยนแปลงระบบโลก” ร่วมกับจีนให้จงได้ นั่นก็คือคุณน้ารัสเซียนั่นเอง ที่ได้เริ่มย้อนกลับ หวนกลับมาสู่ภูมิภาคละตินอเมริกา หลังจากที่หายไปประมาณ 2 ทศวรรษ หลังจากสงครามเย็นยุติเป็นต้นมา ก็คือผู้ที่พร้อมจะนำเอา “อำนาจอย่างแข็ง” มารองรับบรรดาประเทศต่างๆ ในละตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเวเนซุเอลา คิวบา นิการากัว ไม่ให้ต้องถูกไล่ทุบ ไล่บี้ โดยคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ...
การส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด “Tu-160” ของรัสเซีย ไปยังกรุงคาราคัส ประเทศเวเนซุเอลา ที่กำลังถูกขู่ว่าประธานาธิบดีอเมริกันอาจงัดเอา “แผนการทางทหาร” ที่วางเอาไว้บนโต๊ะมาใช้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ รวมทั้งการส่งที่ปรึกษาทางทหารเข้าไปฝึกอบรมเทคโนโลยีทางทหารให้กับกองทัพเวเนซุเอลา ไปจนถึงการ “ซ้อมรบร่วม” ในภูมิภาคดังกล่าว ขณะเรือรบรัสเซีย ได้เริ่มหวนกลับไปเยือนกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้นำทหารรัสเซีย “พลเอกVladimir Shamanov” ได้ประกาศที่จะเพิ่มบทบาททางทหารของรัสเซียในคิวบา หลังจากที่อเมริกาประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงจำกัดอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate Range Nuclear Forces-INF) กับรัสเซียไม่นาน ส่วนในนิการากัวนั้น โครงการร่วมมือส่งดาวเทียมเพื่อสันติระหว่างรัสเซียกับนิการากัว และการสร้างศูนย์ฝึกทหารในนิการากัว ก็เริ่มก่อรูปก่อร่างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012-2015 เป็นต้นมา...ฯลฯ ดังนั้นเมื่อรวมเอา “อำนาจอย่างอ่อน” ของจีน และ “อำนาจอย่างแข็ง” ของรัสเซียเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว สิ่งเหล่านี้...จะทำให้ “สวนหลังบ้าน” ของอเมริกา มีหน้าตาออกมาในรูปไหนในอนาคตข้างหน้า อันนี้...คงต้องไปลากต่อ ไปอัปเดตกันในวันขึ้นปีใหม่ก็แล้วกัน...