**หากบอกว่านี่คืออาการดิ้นรนครั้งสุดท้ายแบบถึงที่สุดก่อนที่จะถึงวันพิพากษาชี้ชะตากรรมของพวกเขา ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน บวกหรือลบ สำหรับ"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" กับพวกคือ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่อยู่ในเวลานี้ เนื่องจากคดีสำคัญที่มีผลกับอนาคตของพวกเขากำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ถูกร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ในวันที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 11.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ผู้ร้องคือ "ณฐพร โตประยูร" ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 และ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่
นั่นเป็นคดีแรก ยังมีอีกคดีที่ถือว่าต้องลุ้นกันหนักไม่แพ้กันว่าจะออกหัว หรือออกก้อย นั่นคือคดี"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไปแล้ว
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีหนังสือแจ้งมาให้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงภายใน 15 วัน แม้คดีหลังจะยังไม่กำหนดวันเวลาตัดสินคดี แต่ก็ถือว่าเดินหน้างวดเข้ามาแล้ว แม้ว่าไม่อยากคาดเดาล่วงหน้า เพราะเป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ว่าจะออกมาแบบไหน
**เพราะความจริงได้ปรากฏแน่ชัดแล้วว่า มีการให้กู้ และมีการกู้เงินกันจริง เนื่องจากมีการยอมรับกันทั้งสองฝ่าย รวมทั้งมีการปรากฏในเอกสารแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น หากพิจารณากันตามความเป็นจริงทั้งสองคดีดังกล่าวนี้ถือว่า“หนักหนาสาหัส”เอาการเลยทีเดียว เพราะหากจำกันได้ก่อนหน้านี้เพียงแค่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีการปล่อยกู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก็ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ประกาศชุมนุมในวันที่ 14 ธันวาคม หลังจากทราบข่าวว่าทาง กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลฯแล้ว
โดยการชุมนุมในวันดังกล่าวที่เรียกว่า “แฟลชม็อบ”นั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีเจตนาเพื่อกดดันศาลฯ โดยเขาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมไปถึงกล่าวหาโจมตีคณะกรรมการการเลือกตั้งในทำนองว่า รวบรัดไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่าวหาว่าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้ทราบ โดยชี้ให้เห็นจากกรณีข้อสรุปที่มีไม่กี่บรรทัดเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีการเดินสายโจมตีวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการรณรงค์ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แม้ว่าในเรื่องหลังจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีที่ถูกร้อง แต่ก็เป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวสร้างแรงกดดันเข้าทุกทิศทาง รวมไปถึงกิจกรรมการ“วิ่งไล่ลุง”ในเดือนมกราคมปีหน้า แม้ว่าพวกเขาจะยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเครือข่ายเดียวกัน
**เมื่อพิจารณาจากช่วงวัน เวลา กับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงในคดีเงินกู้ภายใน 15 วัน และคดีถูกร้องในกรณีล้มล้างการปกครอง จะตัดสินในวันที่ 21 มกราคมแล้ว ถือว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ใกล้เคียง และหวังผลทางการเมือง
ขณะเดียวกันล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พรรคอนาคตใหม่ ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า กระบวนการ “Lawfare”หรือ “นิติสงคราม” นั้น ไม่เคยเป็นผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะไม่เคยแก้ปัญหาใดๆได้เลย ดังที่จะเห็นการใช้กระบวนการเช่นนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งลดลง ซ้ำยังทำให้ความแตกแยกร้าวลึกลงไปอีก
แน่นอนว่า พวกเขากำลังบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องที่ถูกร้องดำเนินคดี และศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีการวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครอง รวมไปถึงคดีอื่น เช่น คดีการปล่อยกู้ให้กับพรรคล้วนเป็น “กระบวนการ”ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่งมานานหลายปีแล้ว และที่สำคัญก็คือพวกเขาต้องการให้สังคมได้จับตาในเรื่องนี้ ซึ่งความหมายอีกด้านหนึ่ง ก็เหมือนกับการปลุกเร้าให้เห็นว่ากำลังถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมนั่นเอง
**อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันแบบเกาะติดกันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ย่อมมองเห็นว่าทุกเรื่องล้วนมีต้นตอมาจากพวกเขาเอง เพียงแต่ว่าบางเรื่องอาจล้ำเส้น แต่เมื่อเข้าข่ายผิดกฎหมาย มันก็คงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเดินไปในแบบที่เห็น และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น มองในมุมหนึ่งมันก็คือลีลาอาการดิ้นรนก่อนถึงช่วงสำคัญนั่นแหละ !!
ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ถูกร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ในวันที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 11.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ผู้ร้องคือ "ณฐพร โตประยูร" ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 และ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่
นั่นเป็นคดีแรก ยังมีอีกคดีที่ถือว่าต้องลุ้นกันหนักไม่แพ้กันว่าจะออกหัว หรือออกก้อย นั่นคือคดี"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไปแล้ว
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีหนังสือแจ้งมาให้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงภายใน 15 วัน แม้คดีหลังจะยังไม่กำหนดวันเวลาตัดสินคดี แต่ก็ถือว่าเดินหน้างวดเข้ามาแล้ว แม้ว่าไม่อยากคาดเดาล่วงหน้า เพราะเป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ว่าจะออกมาแบบไหน
**เพราะความจริงได้ปรากฏแน่ชัดแล้วว่า มีการให้กู้ และมีการกู้เงินกันจริง เนื่องจากมีการยอมรับกันทั้งสองฝ่าย รวมทั้งมีการปรากฏในเอกสารแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น หากพิจารณากันตามความเป็นจริงทั้งสองคดีดังกล่าวนี้ถือว่า“หนักหนาสาหัส”เอาการเลยทีเดียว เพราะหากจำกันได้ก่อนหน้านี้เพียงแค่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีการปล่อยกู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก็ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ประกาศชุมนุมในวันที่ 14 ธันวาคม หลังจากทราบข่าวว่าทาง กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลฯแล้ว
โดยการชุมนุมในวันดังกล่าวที่เรียกว่า “แฟลชม็อบ”นั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีเจตนาเพื่อกดดันศาลฯ โดยเขาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมไปถึงกล่าวหาโจมตีคณะกรรมการการเลือกตั้งในทำนองว่า รวบรัดไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่าวหาว่าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้ทราบ โดยชี้ให้เห็นจากกรณีข้อสรุปที่มีไม่กี่บรรทัดเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีการเดินสายโจมตีวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการรณรงค์ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แม้ว่าในเรื่องหลังจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีที่ถูกร้อง แต่ก็เป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวสร้างแรงกดดันเข้าทุกทิศทาง รวมไปถึงกิจกรรมการ“วิ่งไล่ลุง”ในเดือนมกราคมปีหน้า แม้ว่าพวกเขาจะยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเครือข่ายเดียวกัน
**เมื่อพิจารณาจากช่วงวัน เวลา กับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงในคดีเงินกู้ภายใน 15 วัน และคดีถูกร้องในกรณีล้มล้างการปกครอง จะตัดสินในวันที่ 21 มกราคมแล้ว ถือว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ใกล้เคียง และหวังผลทางการเมือง
ขณะเดียวกันล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พรรคอนาคตใหม่ ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า กระบวนการ “Lawfare”หรือ “นิติสงคราม” นั้น ไม่เคยเป็นผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะไม่เคยแก้ปัญหาใดๆได้เลย ดังที่จะเห็นการใช้กระบวนการเช่นนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งลดลง ซ้ำยังทำให้ความแตกแยกร้าวลึกลงไปอีก
แน่นอนว่า พวกเขากำลังบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องที่ถูกร้องดำเนินคดี และศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีการวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครอง รวมไปถึงคดีอื่น เช่น คดีการปล่อยกู้ให้กับพรรคล้วนเป็น “กระบวนการ”ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่งมานานหลายปีแล้ว และที่สำคัญก็คือพวกเขาต้องการให้สังคมได้จับตาในเรื่องนี้ ซึ่งความหมายอีกด้านหนึ่ง ก็เหมือนกับการปลุกเร้าให้เห็นว่ากำลังถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมนั่นเอง
**อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันแบบเกาะติดกันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ย่อมมองเห็นว่าทุกเรื่องล้วนมีต้นตอมาจากพวกเขาเอง เพียงแต่ว่าบางเรื่องอาจล้ำเส้น แต่เมื่อเข้าข่ายผิดกฎหมาย มันก็คงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเดินไปในแบบที่เห็น และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น มองในมุมหนึ่งมันก็คือลีลาอาการดิ้นรนก่อนถึงช่วงสำคัญนั่นแหละ !!