“ปิยบุตร” ร่ายยาวทั้งคลิปและข้อความเรื่อง Lawfare หรือ “นิติสงคราม” สุดท้าย ก็เพื่อที่จะพุ่งเป้าโจมตี การใช้ “ศาล” เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ในทางสงครามหรือเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง.. อย่างที่ “ส้มหวาน” กำลังโดน?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(26 ธ.ค.62) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความ หัวข้อ “ชวนทุกท่านมาทำความเข้าใจกับ Lawfare หรือ “นิติสงคราม” กันอีกครั้ง”
โดยระบุว่า “Lawfare คือ คำที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ โดยล้อเลียนไปกันคำว่า Warfare หรือแปลว่า การสงคราม โดยเปลี่ยน War เป็น Law จึงเป็น "Lawfare" อาจแปลได้ว่า "นิติสงคราม" หรือ "สงครามทางกฎหมาย"
เริ่มต้นมาเป็นคำในแง่บวก เพราะหมายถึงการลดใช้อาวุธในการห้ำหั่นกัน แต่หันมาใช้กฎหมายและความยุติธรรมในการจัดการแทน แต่อย่างไรก็ตาม คำนี้มีความหมายในแง่ลบมากขึ้น เมื่อมีการใช้กฎหมาย ใช้ศาล เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ในทางสงครามหรือเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง
Lawfare ทำงานโดยกลไลหลัก 2 กลไก
1. Judicilization of Politics กระบวนการทำให้ประเด็นทางการเมืองกลายไปเป็นคดีและอยู่ในมือศาล
2. Mediatization of Judicial Political Case การนำประเด็นทางการเมืองจากมือศาลไปไว้ในมือสื่อ แม้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่สื่อนำมารายงานไปเรื่อยๆ จนทำให้คนเชื่อว่า มีความผิดจริง จนทำให้คนไม่ได้สนใจรายละเอียดข้อกฎหมายที่เป็นเรื่องซับซ้อน และข้อเท็จจริงของเรื่องอีกต่อไป
นิติสงครามเกิดขึ้นในหลายประเทศในโลก นิติสงครามไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางการเมือง ไม่ได้ส่งเสริมประชาธิปไตย แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูทางการเมืองโดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ และไม่ต้องชนะการเลือกตั้ง
รับชมการบรรยายเต็มๆ ได้ที่นี่(ใต้ข้อความมีคลิปบรรยายในรายละเอียด) https://youtu.be/P1YVp9a6iac
#อนาคตใหม่ #StopLawfare”
ความจริง ถ้าเป็นแค่การให้ความรู้ทางกฎหมาย ก็คงไม่มีอะไรเป็นประเด็นมากนัก กลับจะเป็นความรู้ที่น่าสนใจเสียด้วยซ้ำ
แต่พอนายปิยบุตร โพสต์ข้อความและบรรยายอย่างละเอียด ท่ามกลางศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีคำวินิจฉัยคดีที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่และพรรคอนาคตใหม่ ทำผิด และมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “ยุบพรรค” 2 คดีอยู่ในเวลานี้ จึงน่าวิเคราะห์ว่า มีนัยสำคัญที่จะชี้ถึงเรื่องนี้ด้วย
ยิ่งกว่านั้น เฟซบุ๊ก พรรคอนาคตใหม่ - Future Forward Party ยังโพสต์หัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีอิลลูมินาติยุบพรรคอนาคตใหม่ 21 มกราคม 2563”
เนื้อหาระบุว่า “วันนี้(26 ธ.ค.62)เอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องกรณีณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นแล้วว่า ในคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวน จึงนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอังคาร 21 มกราคม 2563 เวลา 11.30 น. เป็นต้นไป ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ)
.
สุดท้าย เราอยากฝากให้สังคมได้ระลึกไว้เสมอว่า กระบวนการ Lawfare หรือ “นิติสงคราม” นั้น ไม่เคยเป็นผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย ดังที่จะเห็นการใช้กระบวนการเช่นนี้มาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งลดลง ซ้ำยังทำให้ความแตกแยกร้าวลึกลงไปอีก
#อนาคตใหม่ #ศาลรัฐธรรมนูญ #อิลลูมินาติ #Lawfare #นิติสงคราม
อีกคดี คือ กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย วานนี้ (25ธ.ค.62) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
กรณีพรรคอนาคใหม่ ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืน มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อกกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ได้กระทำการอันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่
โดยแจ้งให้กกต.ทราบและส่งสำเนาคำร้องให้กับพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง
เรื่องนี้หลักฐานชัดเจน เพราะนายธนาธร ยอมรับเอง ขณะไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ว่าให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงินจำนวนดังกล่าว และในรายการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นายธนาธร ยังระบุเงินให้กู้แก่พรรคอนาคตใหม่เอาไว้ด้วย
นอกจากนี้ ในประเด็นข้อถกเถียงเรื่อง "เงินกู้ไม่ใช่เงินบริจาค" นั้น ก่อนหน้านี้(13 ธ.ค.62) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้โพสต์เอาไว้อย่างน่าคิดวิเคราะห์ หัวข้อ “#ปิยบุตรจบกฎหมายมหาชนจริงหรือ?”
เนื้อหาระบุว่า “แม้ว่าบทบัญญัติและบทลงโทษของกฎหมายในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน แต่หลักการสำคัญต่างๆย่อมเป็นไปในทิศทางที่เป็นสากล เพราะทุกประเทศในโลก ก็ต่างมีความพยายามที่จะสร้างความโปร่งใสในระบบการเลือกตั้งของตัวเองทั้งสิ้น
จากการที่นายปิยบุตรได้แถลงสวนมติยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ของกรรมการการเลือกตั้งด้วยการอ้างว่า "เงินกู้ไม่ใช่เงินบริจาค" นั้น เป็นสิ่งที่นายปิยบุตรพยามบิดเบือนข้อกฎหมายหรือไม่?
และเป็นที่มาของข้อสงสัยว่า นายปิยบุตรจบกฎหมายมหาชนจริงหรือ? เพราะทำไมหลักการพื้นๆแค่นี้นายปิยบุตรยังไม่เข้าใจ? ที่นายปิยบุตรชอบอ้างว่า ตัวอ่านหนังสือมา 2,500 เล่ม อีกทั้งอวยนายธนาธรว่าอ่านมาแล้ว 2,000 เล่ม พวกคุณอ่านหนังสืออะไรกันหรือครับ?
.
กฎหมายเลือกตั้งสหรัฐภายใต้ The Federal Election Commission (FEC) หรือ คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐบาลกลาง ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "เงินกู้ส่วนบุคคล" จัดเป็น “เงินบริจาค”
และกฎหมายเลือกตั้งสหรัฐก็ยังได้กำหนดเพดานของเงินบริจาคส่วนบุคคลให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน $35,500 ต่อปีหรือ ราว 1.07 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งนับว่าน้อยกว่าประเทศไทยเกือบ 10 เท่าตัว เพราะประเทศไทยตั้งไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อปี
.
ดังนั้นเมื่ออ้างอิงตามหลักการนี้แล้ว...นายธนาธรบริจาคเงิน 191.2 ล้านบาท ทะลุเพดานของกฎหมายไทย 19.1 เท่า และทะลุเพดานของกฎหมายสหรัฐ 179 เท่า
และเมื่อกลับมาพิจารณาตามกฎหมายไทยแล้ว ย่อมขัดต่อหลักการของกฎหมายตามมาตรา 66 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองอย่างชัดเจน ไม่ได้ต่างจากหลักการตามกฎหมายสหรัฐ เพราะจำนวนเงิน 191.2 ล้านบาทเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อันอยู่ในข่ายบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้
แบบนี้ก็ย่อมมีมูลตามมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองอย่างชัดเจนว่าการได้มาซึ่งเงินดังกล่าวอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วนำไปสู่มาตรา 92(3) เพื่อพิจารณายุบพรรค
เรื่องแบบนี้น่าจะถูกนำไปประโคมข่าวในระดับโลกบ้างนะครับ แล้วมาดูกันว่า...ชาวโลกจะยอมรับได้หรือไม่? หรือ ชาวสหรัฐจะมองประเด็นนี้อย่างไรบ้าง? ทำไมนายธนาธรไม่ประกาศเรื่องแบบนี้ในรายการที่ตนเองแอบอ้างมาเกือบจะ 5 เดือนแล้วว่าตนได้รับการสัมภาษณ์โดยสำนักข่าว NBC และจะได้ออกอวกาศภายในหลังอย่างแน่นอน?
ขออภัยครับ...ผมพูดผิด...ต้องเป็น "ออกอากาศ" ไม่ใช่ "ออกอวกาศ"
ขอปิดท้ายด้วยความตลก...
นายธนาธรเองก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าการปล่อยเงินให้พรรคกู้เงินนั้นไม่ผิด เพราะถ้าพิจารณาว่าเงินกู้เป็นรายได้จะผิดหลักบัญชีทั้งหมด
แต่นายธนาธรลืมไปรึเปล่าครับว่า นี่มันไม่ใช่หลักการบัญชี แต่มันคือกฎหมายเลือกตั้งของประเทศไทย ที่มีแต่พรรคอนาคตใหม่ละเมิดกฎหมายอยู่แค่พรรคเดียว แถมตอนเขาเปิดโอกาสให้ยื่นเอกสารหรือชี้แจงตามระบบก็ไม่ทำให้เรียบร้อย
ผมขอเรียกร้องให้ทั้งนายปิยบุตรและธนาธร เลิกประดิษฐ์นามธรรมหรือวาทกรรมในโลกเสมือนจริงด้วยเจตนาแอบแฝงที่อาจต้องการบิดเบือนให้ร้ายผู้อื่นที่ขัดต่อผลประโยชน์ของพวกคุณ รวมทั้งปลุกระดมผู้ที่รู้ไม่เท่าทันเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้แล้ว
การเมืองใหม่ที่แท้จริง คือ สิ่งที่ผมทำอยู่ คือ การเคารพต่อกฎหมาย และหลักการสากล ภายใต้กรอบของความเป็นจริงและหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจนเชื่อถือได้ครับ ไม่ใช่การกล่าวอ้างลอยๆ แถ บิดเบือน ให้ร้ายผู้อื่นทั้งแบบบนดินและใต้ดิน หรือพยามปลุกระดมมวลชนหวังใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
นักการเมืองดีรับใช้ประชาชน
แต่นักการเมืองชั่วหลอกใช้หัวราษฎร
อยากเป็นอะไรก็เลือกเอาเองเถอะครับ?
แค่หลักการง่ายๆแค่นี้พวกคุณยังไม่รู้
ผมขอให้คุณทั้งคู่ลองพิจารณาตัวเองแล้วออกจากการเมืองไทย เดินเข้าห้าง แล้วมองหาของเล่นที่ชอบน่าจะเหมาะสมกว่า
เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของเล่นของใคร
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ”
คงจะเห็นแล้วว่า โพสต์ของนายปิยบุตร เหมือนจะบอกเป็นนัยว่า กำลังมีผู้ใช้ทั้งสื่อและศาลเป็นเครื่องมือทางการเมือง(ทำลายพรรคอนาคตใหม่)เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ในทางสงครามหรือเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองใช่หรือไม่?
ทั้งที่เรื่องที่เข้าไปอยู่ในมือศาล เกิดจากการกระทำของตัวเองอย่างชัดเจน ไม่มีใครไปจับมือพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ทำ และที่สื่อนำเสนอข่าว ก็มีหลากหลายความคิดเห็น ให้ประชาชนได้คิดวิเคราะห์เองได้ หรืออยากให้ประชาชนเชื่อพรรคอนาคตใหม่ฝ่ายเดียว ไม่ยอมรับความเห็นแย้งหรือความเห็นต่างเลยหรือ นักประชาธิปไตยใหญ่!!!
นี่คือ สิ่งที่ย้อนแย้งอย่างมาก ของนายปิยบุตร เหมือนดิ้นเอาตัวรอด โดยไม่สนใจผลเสียที่จะตามมา ของระบบ “นิติธรรม” เพราะสร้างวาทกรรม “นิติสงคราม” ทำลายไปแล้ว