ข่าวปนคน คนปนข่าว
**วัยรุ่นเซ็ง!! ธนาธร นัดชุมนุม วัน เวลา เดียวกับการจัดคอนเสิร์ต "น้ำดำ" ที่สยามสแควร์ จนผู้จัดต้องยกเลิกกะทันหัน คนที่ไม่รู้เมื่อไปถึง ต้องผิดหวัง แถมยังถูกเหมารวมเป็น "ม็อบสกายวอล์ก"อีก ... เซ็งเป็ด!!
หลังกกต.มีมติ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณี "กู้เงิน" 191ล้านบาท จากหัวหน้าพรรค "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก็ถึงกับร้อนรน เรียกระดม "แฟลชม็อบ" ให้ไปชุมนุมกันที่ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ในวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในภาพรวมที่ปรากฏออกมานั้นมีมวลชนเป็นจำนวนมากอยู่ในบริเวณที่นัดชุมนุม
แต่ถ้า"โฟกัส"ลงไปก็จะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิมที่เห็นกันในการชุมนุมทางการเมืองบ่อยๆ ไม่ใช่นิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ที่เป็นเป้าหมายตามที่พรรคอนาคตใหม่ได้ป่าวประกาศ
ภาพของผู้ที่มาร่วมชุมนุม ตามที่มีการเผยแพร่ออกไป จึงอาจจะมาจากเจตนาการสร้าง "ภาพลวง" จากพรรคอนาคตใหม่ อย่างเป็นระบบ... เพราะมีบทเรียนมาแล้วจากครั้งก่อนหน้านี้ ที่ "ธนาธร" นัดพบ "ติ่งพ่อฟ้า" ที่ เจเจมอล สวนจตุจักร ปรากฏว่า "โหรงเหรง"
ครั้งนี้เลยนัดพบกันที่ "สกายวอล์ก" แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างห้างสรรพสินค้า และสถานีรถไฟฟ้าโดยเลือกเวลา 17.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งถ้าประเมินแล้ว ณ จุดนี้ ภายในเวลา 5 -10 นาที ก็มีผู้คนสัญจรไปมานับพันคน ยิ่งมีการยืนกีดขวางเส้นทาง กระจายไปตามจุดต่างๆ ก็จะทำให้การสัญจรชะงักงัน บางคนก็หยุดยืนดู ภาพจึงออกมาในทางสื่อว่า มีคนจำนวนมากไปร่วมชุมนุม ...อีกทั้งการนัดชุมนุม ไม่ได้มีสัญลักษณ์ สีเสื้อ ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นจึงถูกเหมารวมว่าเป็นผู้มาร่วมชุมนุมตามที่ "ธนาธร" ได้เรียกระดม
และอีกประการ ที่ถือว่าเป็นเจตนาก็คือ วัน เวลา ที่ "ธนาธร" นัดชุมนุมนั้น ตรงกับกำหนดการจัดคอนเสิร์ต ที่บริษัท "เครื่องดื่มน้ำดำ" เป็นเจ้าภาพ ที่สยามสแควร์ มีเวที 3 เวที ศิลปิน 50 วง จะมาแสดง...แต่เมื่อ "ธนาธร" มานัดชุมนุมในวันเดียวกัน ทางผู้จัดคอนเสิร์ต เกรงว่าจะมีปัญหาแทรกซ้อน จึงสั่งงดการแสดงคอนเสิร์ตกะทันหัน โดยแจ้งก่อนถึงวันที่กำหนดไว้ เพียง 1 วัน ...บรรดาวัยรุ่น แฟนคลับของศิลปินต่างๆ ที่ตั้งตารอ และไม่รู้ว่าทางผู้จัดสั่งยกเลิกแล้ว ก็ยังคงเดินทางมาที่บริเวณสยามสแควร์กันเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงต่างก็ผิดหวัง...วัยรุ่นเซ็งไปตามๆ กัน
ขณะที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ต่างฮึกเหิมกับจำนวนคนที่มาร่วมอยู่ในบริเวณนั้น "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค ถึงกับโพสต์รูปในทวิตเตอร์ พร้อมข้อความติดแฮชแท็ก ในวันรุ่งขึ้นว่า... "เมื่อวานนี้ #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน #เห็นหัวประชาชนบ้าง" ส่วน"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ประชาชนที่มากันในครั้งนี้ ไม่ใช่มาเพื่อปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่เขามาเพราะไม่อาจทนกับความอยุติธรรม และ การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงต้องการมาแสดงออกว่า พวกเขาจะไม่ทนอีกแล้ว...และการชุมนุมครั้งนี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้ผิดกฎหมาย เพราะเป็นสิทธิ ที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช. ร่างขึ้นมาเอง และการชุมนุมครั้งนี้ ก็ไม่ได้ "ลงถนน" แต่อยู่บน"สกายวอล์ก"
"ช่อ" พรรณิการ์ ยังบอกว่าเดือนหน้า "ธนาธร"และแกนนำพรรคอนาคตใหม่จะลงถนนแน่ โดยจะไปร่วม "วิ่งไล่ลุง" ที่มีกำหนดการในวันที่ 12 ม.ค.63 ... ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการออกแคมเปญ วิ่ง ไล่ ลุง "ธนาธร" ยังออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่...ถึงวันนี้คงชัดเจนแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ขณะที่พลพรรคอนาคตใหม่กำลังคึกคักว่า "ม็อบจุดติด" แต่ "ตุ๊ดตู่" จตุพร หพรหมพันธุ์ ผู้คร่ำหวอดกับการนำม็อบ ก็ได้ออกมาเตือนว่า หากจะมีการชุมนุมครั้งต่อไป ต้องระวังมากกว่านี้ เพราะการจัดชุมนุมลักษณะนี้ โอกาสที่จะถูกแทรกแซงสูงมาก การสร้างสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นได้ง่าย... หากจะเลือกเดินทางนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตประชาชนที่มาร่วมชุมนุม
และยังมองว่าแม้จะมีการชุมนุม แต่อนาคตของธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ จะ "รอดยาก" เพราะมีอย่างน้อย 4 ดาบ ที่ต้องเจอ... ดาบแรก คือ เรื่องพ้นสมาชิกภาพส.ส. ซึ่งเจอไปแล้ว ดาบที่ 2 คือ เรื่องต่อเนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส. คือคุกอย่างต่ำ 1 ปี จากคดีอาญา ในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ที่ระวางโทษ 1 - 10 ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ก็ 20 ปี ดาบที่ 3 คือ เรื่องยุบพรรค กรณีเงินกู้ และ ดาบที่ 4 เรื่องพรรคถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครอง ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว ...เจอเข้าไป 4 ดาบซ้อนอย่างนี้ "จตุพรจึงเชื่อว่า...ไม่รอด !!
อีกคนที่เป็นห่วง"เสี่ยเอก" ธนาธร ก็คือ "ตั้ม" พิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ในฐานะ"เพื่อน" ที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับ"ธนาธร" สมัยอยู่ สนนท. บอกว่า การตัดสินใจลงถนนมาเป็นผู้นำม็อบครั้งนี้ เปรียบเสมือนการลดตัวจาก "ขุน มาเป็น เบี้ย"
"ผมคิดว่ายังไม่ง่าย นี่แค่จุดเริ่มต้น กระแสแรกมักมีความหวังเสมอ แต่อย่าลืมว่า ไม่มีรัฐบาลไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายเดียว ไปถามรุ่นพี่ๆ นปช. -พธม. -กปปส. ก็ได้ นี่ไม่กล้าคิดถึงขนาดม็อบชนม็อบ แล้วอะไรจะเกิด เพราะผมก็ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่มีอำนาจขนาดนั้น... ความชอบธรรม มีความจำเป็นมาก ตอนเลือกตั้ง และมีผลการเลือกตั้ง จนพวกคุณตั้งรัฐบาลลมหลังเลือกตั้ง ตอนนั้นพวกคุณได้รับความชอบธรรมอยู่ ใช่ไหม ?
... ผมวิเคราะห์ระยะยาว เกมนี้ เพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมาก ลงถนน ตนเองนั่งบนภู เก็บผลพลอยได้ เพราะทักษิณก็ได้รับบทเรียนมาแล้วเช่นกัน
สุดท้าย "เอก" จะเป็น "ผู้ชนะในความพ่ายแพ้"....
… นี่ยังเพิ่งเป็นเพียง "ปฐมบท" แห่งการลงถนนของ "ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่"เท่านั้น ทางข้างหน้า จะไปได้อีกยาวไกลแค่ไหน ต้องติดตาม!!
**"ศักดิ์สยาม" เร่งปิดดีล ข้อพิพาททางด่วน โค้งสุดท้ายของปีนี้ เตรียมชงครม.เคาะ **
กรณี"ข้อพิพาททางด่วน" ที่ยืดเยื้อมานานกำลังจะมีข้อยุติ จากที่ "ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ" ปลัดกระทรวงคมนาคม ส่งสัญญาณมาว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL)อยู่ระหว่างสรุปตัวเลขข้อพิพาท
ว่ากันว่า ตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 58,873 ล้านบาท โดยตัดส่วนที่เป็น Double Deckโครงการทางด่วน 2 ชั้น จากด่านประชาชื่น-อโศก ระยะทาง 17 กม. ที่รัฐบาลชุดก่อนเคยประเมินอยากให้สร้างไว้ที่ วงเงิน 32,000 ล้านบาท ออกไปก่อน ซึ่งได้มอบหมายฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปจัดเตรียมข้อมูล เพื่อชี้แจงแหล่งที่มาของวงเงินข้อพิพาททั้งหมดในที่ประชุมวันที่ 17 ธันวามคมนี้
ทั้งนี้ เพื่อให้ทันเวลากับสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ที่จะสิ้นสุดในเดือน กุมภาพันธุ์ 2563 นี้ด้วย ...จากนั้นก็จะรายงานให้"ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับทราบ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
ฟังว่า "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีคมนาคม ที่ตอนนี้ "ท็อปฟอร์ม" เข้าโค้งสุดท้ายของปี เร่งปิดดีลหลายเรื่อง
กระทรวงคมนาคมยุคนี้ ถูกตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องมีนโยบายที่คำนึงถึงการให้บริการประชาชนเป็นสำคัญ ให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ โดยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน ลดภาระงบประมาณให้รัฐบาล โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ
นั่นหมายความว่า ทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ !!
รมว.ศักดิ์สยาม บอกว่า“ทุกมาตรการที่ออกมานั้น ต้องให้ประชาชนทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง การลดราคา ลดค่าโดยสาร ห้ามมีผลกระทบสัญญาสัมปทานกับเอกชน และที่สำคัญ ต้องไม่เป็นภาระงบประมาณ"
ก่อนนี้ก็ปูพรมจัดหนัก ไหนจะมาตรการการขนส่ง-คมนาคม ดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ไหนจะสะสางเมกะโปรเจกต์ที่คั่งค้าง ... เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งผลักดันโครงการใหญ่แก้รถติดฝั่งตะวันตก-ใต้ ลดค่าผ่านทางด่วน ลดค่าโดยสาร MRT ซึ่งเป็นมาตรการช่วยลดค่าครองชีพคนกรุงไป ได้เสียงตอบรับดีในโลกโซเชียลฯ ถึงความกล้าที่ไม่ค่อยได้เห็นจากนักการเมืองทั่วไป
สไตล์การทำงานแบบนี้ ไม่ต้องเงื้อง่ามาก บอกจะลดราคา ก็ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์เป็นเรื่องที่ประชาชนใครๆ ก็ต้องการ
วกกลับมา ข้อพิพาททางด่วน งานนี้ "รมว.ศักดิ์สยาม" กำชับให้ตรวจสอบให้รอบคอบ ตัวเลข การคิดวิเคราะห์เป็นอย่างไร เงื่อนไขในข้อสัญญาที่จะเจรจากับเอกชนเป็นอย่างไร
ต้องบอกว่า ข้อพิพาททางด่วนนี้อยู่ในความสนใจของหลายฝ่ายที่จับจ้องมอง ที่ผ่านมาถูกมองว่ายืดเยื้อจนมองไม่เห็นความชัดเจนว่า รัฐจะเอายังไง แต่ตอนนี้หากเคลียร์เรื่องตัวเลข เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงที่มาด้วย และทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และรัฐไม่เสียเปรียบ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีความรอบคอบ อธิบายที่มาที่ไปได้
สรุปว่า เรื่องคดีข้อพิพาททั้งหมด จะได้ข้อยุตินำเข้า ครม.ภายในสิ้นธ.ค.นี้แน่ ส่วน Double Deck เอาหรือไม่เอา ค่อยไปว่ากันใหม่.
-----------
รูป –ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ- จตุพร พรหมพันธุ์- พิชิต ไชยมงคล
- ศักดิ์สยาม ชิดชอบ - ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ
**วัยรุ่นเซ็ง!! ธนาธร นัดชุมนุม วัน เวลา เดียวกับการจัดคอนเสิร์ต "น้ำดำ" ที่สยามสแควร์ จนผู้จัดต้องยกเลิกกะทันหัน คนที่ไม่รู้เมื่อไปถึง ต้องผิดหวัง แถมยังถูกเหมารวมเป็น "ม็อบสกายวอล์ก"อีก ... เซ็งเป็ด!!
หลังกกต.มีมติ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณี "กู้เงิน" 191ล้านบาท จากหัวหน้าพรรค "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก็ถึงกับร้อนรน เรียกระดม "แฟลชม็อบ" ให้ไปชุมนุมกันที่ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ในวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในภาพรวมที่ปรากฏออกมานั้นมีมวลชนเป็นจำนวนมากอยู่ในบริเวณที่นัดชุมนุม
แต่ถ้า"โฟกัส"ลงไปก็จะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิมที่เห็นกันในการชุมนุมทางการเมืองบ่อยๆ ไม่ใช่นิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ที่เป็นเป้าหมายตามที่พรรคอนาคตใหม่ได้ป่าวประกาศ
ภาพของผู้ที่มาร่วมชุมนุม ตามที่มีการเผยแพร่ออกไป จึงอาจจะมาจากเจตนาการสร้าง "ภาพลวง" จากพรรคอนาคตใหม่ อย่างเป็นระบบ... เพราะมีบทเรียนมาแล้วจากครั้งก่อนหน้านี้ ที่ "ธนาธร" นัดพบ "ติ่งพ่อฟ้า" ที่ เจเจมอล สวนจตุจักร ปรากฏว่า "โหรงเหรง"
ครั้งนี้เลยนัดพบกันที่ "สกายวอล์ก" แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างห้างสรรพสินค้า และสถานีรถไฟฟ้าโดยเลือกเวลา 17.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งถ้าประเมินแล้ว ณ จุดนี้ ภายในเวลา 5 -10 นาที ก็มีผู้คนสัญจรไปมานับพันคน ยิ่งมีการยืนกีดขวางเส้นทาง กระจายไปตามจุดต่างๆ ก็จะทำให้การสัญจรชะงักงัน บางคนก็หยุดยืนดู ภาพจึงออกมาในทางสื่อว่า มีคนจำนวนมากไปร่วมชุมนุม ...อีกทั้งการนัดชุมนุม ไม่ได้มีสัญลักษณ์ สีเสื้อ ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นจึงถูกเหมารวมว่าเป็นผู้มาร่วมชุมนุมตามที่ "ธนาธร" ได้เรียกระดม
และอีกประการ ที่ถือว่าเป็นเจตนาก็คือ วัน เวลา ที่ "ธนาธร" นัดชุมนุมนั้น ตรงกับกำหนดการจัดคอนเสิร์ต ที่บริษัท "เครื่องดื่มน้ำดำ" เป็นเจ้าภาพ ที่สยามสแควร์ มีเวที 3 เวที ศิลปิน 50 วง จะมาแสดง...แต่เมื่อ "ธนาธร" มานัดชุมนุมในวันเดียวกัน ทางผู้จัดคอนเสิร์ต เกรงว่าจะมีปัญหาแทรกซ้อน จึงสั่งงดการแสดงคอนเสิร์ตกะทันหัน โดยแจ้งก่อนถึงวันที่กำหนดไว้ เพียง 1 วัน ...บรรดาวัยรุ่น แฟนคลับของศิลปินต่างๆ ที่ตั้งตารอ และไม่รู้ว่าทางผู้จัดสั่งยกเลิกแล้ว ก็ยังคงเดินทางมาที่บริเวณสยามสแควร์กันเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงต่างก็ผิดหวัง...วัยรุ่นเซ็งไปตามๆ กัน
ขณะที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ต่างฮึกเหิมกับจำนวนคนที่มาร่วมอยู่ในบริเวณนั้น "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค ถึงกับโพสต์รูปในทวิตเตอร์ พร้อมข้อความติดแฮชแท็ก ในวันรุ่งขึ้นว่า... "เมื่อวานนี้ #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน #เห็นหัวประชาชนบ้าง" ส่วน"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ประชาชนที่มากันในครั้งนี้ ไม่ใช่มาเพื่อปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่เขามาเพราะไม่อาจทนกับความอยุติธรรม และ การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงต้องการมาแสดงออกว่า พวกเขาจะไม่ทนอีกแล้ว...และการชุมนุมครั้งนี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้ผิดกฎหมาย เพราะเป็นสิทธิ ที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช. ร่างขึ้นมาเอง และการชุมนุมครั้งนี้ ก็ไม่ได้ "ลงถนน" แต่อยู่บน"สกายวอล์ก"
"ช่อ" พรรณิการ์ ยังบอกว่าเดือนหน้า "ธนาธร"และแกนนำพรรคอนาคตใหม่จะลงถนนแน่ โดยจะไปร่วม "วิ่งไล่ลุง" ที่มีกำหนดการในวันที่ 12 ม.ค.63 ... ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการออกแคมเปญ วิ่ง ไล่ ลุง "ธนาธร" ยังออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่...ถึงวันนี้คงชัดเจนแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ขณะที่พลพรรคอนาคตใหม่กำลังคึกคักว่า "ม็อบจุดติด" แต่ "ตุ๊ดตู่" จตุพร หพรหมพันธุ์ ผู้คร่ำหวอดกับการนำม็อบ ก็ได้ออกมาเตือนว่า หากจะมีการชุมนุมครั้งต่อไป ต้องระวังมากกว่านี้ เพราะการจัดชุมนุมลักษณะนี้ โอกาสที่จะถูกแทรกแซงสูงมาก การสร้างสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นได้ง่าย... หากจะเลือกเดินทางนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตประชาชนที่มาร่วมชุมนุม
และยังมองว่าแม้จะมีการชุมนุม แต่อนาคตของธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ จะ "รอดยาก" เพราะมีอย่างน้อย 4 ดาบ ที่ต้องเจอ... ดาบแรก คือ เรื่องพ้นสมาชิกภาพส.ส. ซึ่งเจอไปแล้ว ดาบที่ 2 คือ เรื่องต่อเนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส. คือคุกอย่างต่ำ 1 ปี จากคดีอาญา ในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ที่ระวางโทษ 1 - 10 ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ก็ 20 ปี ดาบที่ 3 คือ เรื่องยุบพรรค กรณีเงินกู้ และ ดาบที่ 4 เรื่องพรรคถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครอง ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว ...เจอเข้าไป 4 ดาบซ้อนอย่างนี้ "จตุพรจึงเชื่อว่า...ไม่รอด !!
อีกคนที่เป็นห่วง"เสี่ยเอก" ธนาธร ก็คือ "ตั้ม" พิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ในฐานะ"เพื่อน" ที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับ"ธนาธร" สมัยอยู่ สนนท. บอกว่า การตัดสินใจลงถนนมาเป็นผู้นำม็อบครั้งนี้ เปรียบเสมือนการลดตัวจาก "ขุน มาเป็น เบี้ย"
"ผมคิดว่ายังไม่ง่าย นี่แค่จุดเริ่มต้น กระแสแรกมักมีความหวังเสมอ แต่อย่าลืมว่า ไม่มีรัฐบาลไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายเดียว ไปถามรุ่นพี่ๆ นปช. -พธม. -กปปส. ก็ได้ นี่ไม่กล้าคิดถึงขนาดม็อบชนม็อบ แล้วอะไรจะเกิด เพราะผมก็ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่มีอำนาจขนาดนั้น... ความชอบธรรม มีความจำเป็นมาก ตอนเลือกตั้ง และมีผลการเลือกตั้ง จนพวกคุณตั้งรัฐบาลลมหลังเลือกตั้ง ตอนนั้นพวกคุณได้รับความชอบธรรมอยู่ ใช่ไหม ?
... ผมวิเคราะห์ระยะยาว เกมนี้ เพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมาก ลงถนน ตนเองนั่งบนภู เก็บผลพลอยได้ เพราะทักษิณก็ได้รับบทเรียนมาแล้วเช่นกัน
สุดท้าย "เอก" จะเป็น "ผู้ชนะในความพ่ายแพ้"....
… นี่ยังเพิ่งเป็นเพียง "ปฐมบท" แห่งการลงถนนของ "ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่"เท่านั้น ทางข้างหน้า จะไปได้อีกยาวไกลแค่ไหน ต้องติดตาม!!
**"ศักดิ์สยาม" เร่งปิดดีล ข้อพิพาททางด่วน โค้งสุดท้ายของปีนี้ เตรียมชงครม.เคาะ **
กรณี"ข้อพิพาททางด่วน" ที่ยืดเยื้อมานานกำลังจะมีข้อยุติ จากที่ "ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ" ปลัดกระทรวงคมนาคม ส่งสัญญาณมาว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL)อยู่ระหว่างสรุปตัวเลขข้อพิพาท
ว่ากันว่า ตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 58,873 ล้านบาท โดยตัดส่วนที่เป็น Double Deckโครงการทางด่วน 2 ชั้น จากด่านประชาชื่น-อโศก ระยะทาง 17 กม. ที่รัฐบาลชุดก่อนเคยประเมินอยากให้สร้างไว้ที่ วงเงิน 32,000 ล้านบาท ออกไปก่อน ซึ่งได้มอบหมายฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปจัดเตรียมข้อมูล เพื่อชี้แจงแหล่งที่มาของวงเงินข้อพิพาททั้งหมดในที่ประชุมวันที่ 17 ธันวามคมนี้
ทั้งนี้ เพื่อให้ทันเวลากับสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ที่จะสิ้นสุดในเดือน กุมภาพันธุ์ 2563 นี้ด้วย ...จากนั้นก็จะรายงานให้"ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับทราบ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
ฟังว่า "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีคมนาคม ที่ตอนนี้ "ท็อปฟอร์ม" เข้าโค้งสุดท้ายของปี เร่งปิดดีลหลายเรื่อง
กระทรวงคมนาคมยุคนี้ ถูกตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องมีนโยบายที่คำนึงถึงการให้บริการประชาชนเป็นสำคัญ ให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ โดยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน ลดภาระงบประมาณให้รัฐบาล โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ
นั่นหมายความว่า ทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ !!
รมว.ศักดิ์สยาม บอกว่า“ทุกมาตรการที่ออกมานั้น ต้องให้ประชาชนทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง การลดราคา ลดค่าโดยสาร ห้ามมีผลกระทบสัญญาสัมปทานกับเอกชน และที่สำคัญ ต้องไม่เป็นภาระงบประมาณ"
ก่อนนี้ก็ปูพรมจัดหนัก ไหนจะมาตรการการขนส่ง-คมนาคม ดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ไหนจะสะสางเมกะโปรเจกต์ที่คั่งค้าง ... เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งผลักดันโครงการใหญ่แก้รถติดฝั่งตะวันตก-ใต้ ลดค่าผ่านทางด่วน ลดค่าโดยสาร MRT ซึ่งเป็นมาตรการช่วยลดค่าครองชีพคนกรุงไป ได้เสียงตอบรับดีในโลกโซเชียลฯ ถึงความกล้าที่ไม่ค่อยได้เห็นจากนักการเมืองทั่วไป
สไตล์การทำงานแบบนี้ ไม่ต้องเงื้อง่ามาก บอกจะลดราคา ก็ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์เป็นเรื่องที่ประชาชนใครๆ ก็ต้องการ
วกกลับมา ข้อพิพาททางด่วน งานนี้ "รมว.ศักดิ์สยาม" กำชับให้ตรวจสอบให้รอบคอบ ตัวเลข การคิดวิเคราะห์เป็นอย่างไร เงื่อนไขในข้อสัญญาที่จะเจรจากับเอกชนเป็นอย่างไร
ต้องบอกว่า ข้อพิพาททางด่วนนี้อยู่ในความสนใจของหลายฝ่ายที่จับจ้องมอง ที่ผ่านมาถูกมองว่ายืดเยื้อจนมองไม่เห็นความชัดเจนว่า รัฐจะเอายังไง แต่ตอนนี้หากเคลียร์เรื่องตัวเลข เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงที่มาด้วย และทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และรัฐไม่เสียเปรียบ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีความรอบคอบ อธิบายที่มาที่ไปได้
สรุปว่า เรื่องคดีข้อพิพาททั้งหมด จะได้ข้อยุตินำเข้า ครม.ภายในสิ้นธ.ค.นี้แน่ ส่วน Double Deck เอาหรือไม่เอา ค่อยไปว่ากันใหม่.
-----------
รูป –ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ- จตุพร พรหมพันธุ์- พิชิต ไชยมงคล
- ศักดิ์สยาม ชิดชอบ - ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ