"บิ๊กตู่" ห่วงความปลอดภัยประชาชน หลัง"ธนาธร"ปลุกม็อบ ชี้ไร้เหตุผลชุมนุม หาก"ธนาธร"ยอมรับกติกา มั่นใจว่าไม่ผิดให้ไปสู้ในชั้นศาลฯ "ปิยบุตร" ปลุกระดมต่อ ทวีตภาพแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็ก #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน "ช่อ" อ้างม็อบที่ออกมาเพราะทนความอยุติธรรมไม่ไหว ระบุแกนนำพรรคไปร่วมงาน "วิ่งไล่ลุง"แน่ ด้านอดีตเพื่อนธนาธร โพสต์เตือน จากขุนกลายเป็นเป็นหมาก นำม็อบลงถนนเข้าทาง "แม้ว" รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ "ซูเปอร์โพล"เผยประชาชนมอง "อนาคตใหม่" ถ้าถูกยุบพรรคก็ยังมีทางออก ที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรง ชี้ช่อง ส.ส.ควรย้ายซบฝั่งรัฐบาล
วานนี้ (15ธ.ค.) ที่บริเวณถนนสีลม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการชุมนุมแฟลชม็อบ นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เมื่อเย็นวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมโดยตลอดจากการรายงานของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และเป็นสิ่งที่ทางโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาย้ำแล้วว่า เรื่องของการให้ข้อมูลจะต้องเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การยั่วยุ เพราะตามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่กกต. มีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น เพราะเงินที่ให้กู้ ไม่ได้อยู่ในหมวดที่จะเป็นรายได้ของพรรคได้ คนที่เป็นผู้บริหารพรรคการเมือง จะต้องรู้เรื่องนี้ เมื่อมีข้อสรุปให้ส่งศาลรธน. พิจารณายุบพรรค ทางพรรคอนาคตใหม่ ก็ต้องไปชี้แจง สู้ด้วยหลักการบนชั้นศาล ซึ่งศาลฯ ก็ให้โอกาสในการส่งเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงได้อยู่แล้ว
ส่วนที่ทางตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งเอาผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะนั้น ตรงนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ในส่วนของนายกฯ ก็เป็นเรื่องของการได้รับรายงาน เรื่องสถานการณ์ความปลอดภัย ซึ่งไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง เสียหายอะไรของประชาชน ตามที่นายกฯ มีความเป็นห่วง เมื่อเชื่อว่าตัวเองใช้สิทธิ หน้าที่ ในการออกมาชุมนุม ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เว้นแต่ถ้าออกมาทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราต่างเห็นแล้วว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแต่ละครั้งปัจจัยก็ต่างกัน เราควรไปว่ากันในระบบ ในศาลฯ ส่วน ความไม่พอใจอะไรเกี่ยวกับรัฐบาล ก็ไปว่ากันในรัฐสภา ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว
การที่นายธนาธร และกลุ่มผู้ชุมนุม ประกาศรวมตัวกันอีก โดยการลงถนนในช่วงเดือนมกราคมนั้น ก็ต้องติดตามดูต่อไป อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ครบถ้วน เพราะเพียงแค่ฟังการรายงานของแต่ละฝ่ายนั้น ก็ไม่ตรงกันแล้ว และต้องนำมาพิจารณาวิเคราะห์ถึงเหตุผล ว่าจะลงมาร่วมชุมนมเหตุผลนั้นสมควรแล้วหรือยัง หากทุกอย่างเข้าสู่ระบบ ก็ไม่จำเป็นต้องมาชุมนุม ดังนั้นขอประชาชนฟังข้อมูลรอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจ
"ลุงตู่"ชวนลงถนนกินของอร่อยเยาวราช-สีลม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ เพจเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Peayut Chan-o-cha" ของนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ภาพกราฟิก “เดิน กิน ชิม เที่ยว”ในโครงการนำร่องถนนคนเดิน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว“เยาวราช สีลม ข้าวสาร”พร้อมข้อความ ว่า “ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนไปเที่ยว #ถนนคนเดิน ที่วันนี้จัดขึ้นที่ #ถนนสีลม #ถนนเยาวราช และพรุ่งนี้ที่ # ถนนข้าวสาร ไปเดินพักผ่อน ถ่ายรูป ฟังเพลง ชมการแสดง ชิมอาหารอร่อยๆ เติมพลังกันนะครับ”
ทั้งนี้ เวลา 18.00 น.(15 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปเปิด โครงการนำร่องถนนคนเดิน ในพื้นที่ กทม. ที่บริเวณถนนสีลม และถนนเยาวราช โดยนายกฯ จะกล่าวเปิดงานโครงการนำร่องถนนคนเดิน ที่ถนนสีลม และเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน จากนั้นเวลา 19.30 น. นายกฯ และคณะ จะเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม ไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวัดมังกร ณ บริเวณจัดงานโครงการนำร่องถนนคนเดิน ถนนเยาวราช เยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน และเวลา 20.30 น. นายกฯเสร็จภารกิจ เดินทางกลับ
"ปิยบุตร"โพสต์ปลุกระดมต่อ
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ทวีตภาพการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ พร้อมข้อความ และติดแฮชแท็ก ผ่านทวิตเตอร์ ว่า "เมื่อวานนี้ #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน #เห็นหัวประชาชนบ้าง"
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การชุมนุมเมื่อ14 ธ.ค. ประชาชนไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวาย คนที่ออกมาชุมนุมล้วนทำกิจกรรมอย่างเป็นระเบียบ ก่อนแยกย้ายกันกลับโดยสงบ โดยไม่สร้างความเดือดร้อน ขณะที่จำนวนคนที่ออกมานั้น มากกว่าที่เราคิดไว้และการชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช. ร่างขึ้นมา
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ประชาชนที่ออกมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่เขามาเพราะไม่อาจทนกับความไม่ยุติธรรม และการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการแสดงออกคือ จะไม่ทนอีกแล้ว
ส่วนที่นายธนาธร บอกว่าเดือนหน้าเจอกัน หมายถึง ไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง ใช่หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายธนาธร ได้ประกาศไปแล้วว่า จะไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง เช่นเดียวกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ แต่ในส่วนของกิจกรรมของพรรคต่อไปนั้น ขอให้รอดูแล้วกัน
เตือน"ธนาธร"เป็นหมากให้"ทักษิณ"
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ อดีตเพื่อนของนายธนาธร ที่เคยทำกิจกรรมด้วยกัน สมัยอยู่ สนนท. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการเคลื่อนไหวของนายธนาธร ครั้งนี้ว่า
จากขุนจะเป็นหมาก... การชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่จากการเสียประโยชน์ส่วนตน หลายคนที่มา บอกว่าไม่ชอบธนาธร แต่ก็ไม่ชอบลุงตู่มากกว่า จึงออกมาร่วมเป็นตัวจุดกระแสการเคลื่อนไหว
"แต่ผมคิดว่ายังไม่ง่าย นี่แค่จุดเริ่มต้น กระแสแรกมักมีความหวังเสมอ แต่อย่าลืมไม่มีรัฐบาลไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายเดียว ไปถามรุ่นพี่ๆ นปช. -พธม. -กปปส. ก็ได้ นี่ไม่กล้าคิดถึงขนาดม็อบชนม็อบ แล้วอะไรจะเกิด เพราะผมก็ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่มีอำนาจขนาดนั้น
ความชอบธรรม มีความจำเป็นมาก ตอนเลือกตั้งและมีผลการเลือกตั้ง จนพวกคุณตั้งรัฐบาลลมหลังเลือกตั้ง ตอนนั้นพวกคุณได้รับความชอบธรรมอยู่ใช่ไหม ?
ผมวิเคราะห์ระยะยาว เกมนี้ เพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมากลงถนน ตนนั่งบนภู เก็บผลพลอยได้ เพราะทักษิณก็ได้รับบทเรียนมาแล้วเช่นกัน
สุดท้าย "เอก" จะเป็น "ผู้ชนะในความพ่ายแพ้"
"ธนาธร" คุณกำลังเดินตามเกมเขาแล้วล่ะ เกมของเพื่อน (พรรคร่วม) และเกมของฝั่งตรงข้าม "จากขุน กลายเป็นหมาก"
"จตุพร"เตือนจัดม็อบโอกาสถูกแทรกแซงสูง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.) กล่าวภึงกรณี กกต. ส่งศาลรธน. วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่านายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ รอดยาก นายธนาธร มีอย่างน้อย 4 ดาบ ที่ต้องเจอ ดาบแรก คือ เรื่องพ้นสมาชิกภาพ ซึ่งเจอไปแล้ว ดาบที่2 คือ เรื่องต่อเนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส.คือคุกอย่างต่ำ 1 ปี จากคดีอาญา ในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ที่ระวางโทษ 1 - 10 ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ก็ 20 ปี ดาบที่ 3 คือ เรื่องยุบพรรค กรณีเงินกู้ และดาบที่ 4 เรื่องพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครอง ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่จากมติ 5 ต่อ 4 รับเรื่องนี้เข้าวินิจฉัยในศาลรธน. ก็ทำให้คิดได้ไม่ยากว่า ผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าไม่รอด
ส่วนกรณีการจัดแฟลชม็อบนั้น อยากแนะ นายธนาธร ว่า การจัดชุมนุมครั้งต่อไป ต้องระวังมากกว่านี้ ด้วยการจัดชุมนุมเช่นนี้ โอกาสที่จะถูกแทรกแซง สร้างสถานการณ์เป็นไปได้ง่าย หากจะเลือกเดินทางนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี หากยังคงจัดชุมนุมแบบนี้ เกรงว่าจะสุ่มเสี่ยง
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการแก้ไขรธน. ว่า ไม่มีทางสำเร็จ แค่ตั้งกมธ.ศึกษาฯ ก็อธิบายได้แล้วว่า ผู้มีอำนาจไม่ต้องการแก้ และก็จะไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ว. อย่างไรก็ตาม คิดว่ารัฐบาลนี้อย่างไรเสีย ก็อยู่ไม่ถึงกลางปีหน้าแน่ อยู่ที่ว่าเลือกทางเดินใดใน 3 ทาง ได้แก่ ยุบสภา ยึดอำนาจ และโยกอำนาจ ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยเรื่องแก้รธน.ไม่ได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ก็ยังมีปัจจัยเรื่องความขัดแย้งกันภายในรัฐบาลเอง ที่จะนำพารัฐบาลเสื่อมอำนาจ และอยู่ไม่ได้ในที่สุด
โพลแนะส.ส.ย้ายซบรัฐบาลถ้ายุบ อนค.
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่องทางรอดพรรคอนาคตใหม่กับเสียงประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการผ่าน"เสียงประชาชนในโลกโซเชียลฯ" ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 2,737 ตัวอย่าง และ“เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม”จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11–14ธ.ค.ที่ผ่านมา มีบทสรุปดังนี้
ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรทำอย่างไร เพื่อความอยู่รอดของตนเองและช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย พบว่า เกินครึ่งหรือ ร้อยละ 51.5 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่ ร้อยละ 34.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และ ร้อยละ 14.2 ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจ
ที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 82.5 ระบุ ความขัดแย้งทางการเมืองมีผลทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีกมาก ถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 17.5 ระบุ น้อยถึงไม่มีผลเลย
เมื่อถามความคิดเห็นว่า มีคนอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยนอกเหนือไปจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พบว่า เกินครึ่งหรือ ร้อยละ 53.3 ระบุ ไม่มี ในขณะที่ร้อยละ 10.0 ระบุว่า มี ได้แก่ ธนาธร ร้อยละ 4.5 , ปิยบุตร ร้อยละ 1.6
นายนพดล กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ น่าจะมีทางออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ไม่ยากนัก ถ้าไม่เกิดความรุนแรงบานปลาย คือ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ประชาชนส่วนใหญ่ ก็มีทางออกให้พรรคอนาคตใหม่ด้วยความสงบเรียบร้อย โดยไม่มีการเสนอทางออกใดด้วยวิถีแห่งความรุนแรง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความกลัวและความกังวลของประชาชน ที่จะเกิดเหตุวุ่นวายซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้แย่ลงไปอีกมากกว่า
ซัดธนาธรปลุกม็อบแก้ปัญหาตัวเอง
วานนี้ (15ธ.ค.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขณะนี้รัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายเร่งด่วน โดยขอความร่วมมือส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรคเดินลงถนน ลงในชุมชน ถามปัญหาประชาชน และรวมเป็นนโยบาย เพื่อหาทางออกให้ประชาชน แต่ก็ยังมีนักการเมืองบางคน บางพรรค กำลังเอาปัญหาของตนเองไปเป็นปัญหาของประชาชน และใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของตนเอง อย่างกรณีพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดชุมนุมแสดงพลังที่สกายวอล์ก เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
"ตอนนี้ประชาชนต้องการให้แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลักจริงๆ นักการเมือง และพรรคการเมืองที่ดี ควรมุ่งแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน และส่วนรวมก่อน ควรร่วมเดินหน้าพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่ระดมมวลชน มาแก้ไขปัญหาของพรรคการเมืองของตนเอง ที่พลาดพลั้งเอง ผิดกฎหมายเอง หรือจงใจที่จะเลี่ยงบาลีในกฎหมาย เมื่อถูกจับได้ ก็กล่าวโทษคนอื่น และยกพวกมาข่มขู่ องค์กรอิสระคล้ายแก๊งอันธพาลเช่นนี้" น.ส.ทิพานัน กล่าว
นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ว่า "ผมคิดว่าคุณธนาธรก็รู้ว่าเศรษฐกิจโลก อาจแย่ลงอย่างหนักในช่วงต้นปีหน้า แต่ทำไมยังชวนม็อบลงถนน ซ้ำเติมประเทศชาติอย่างนี้ ถ้ารักประชาชนจริง ทำไมไม่รอให้พ้นช่วงวิกฤตไปก่อน แล้วจึงค่อยเคลื่อนไหว ฟังเสียงสังคมบ้างหรือเปล่า ว่าเขากังวลกันแค่ไหน
เวลานี้เราหวังพึ่งการท่องเที่ยว หวังการลงทุนจากต่างประเทศ หากบ้านเมืองวุ่นวายแบบนี้ใครจะมา และคุณจะรับผิดชอบสิ่งที่สูญเสียไปยังไง คุณคงภูมิใจที่มีคนสนับสนุนคุณมากมาย แต่ผมอยากให้คุณเสียใจ ที่คุณกำลังจะทำให้คนมากมาย ไม่มีกินเช่นกัน #รักประชาชนจริงหรือเปล่า
ม็อบลวงตา เพื่อลวงคน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์ภาพ พร้อมข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ " แฟลชม็อบ หรือแฟลตม็อบ หรือเฟซบุ๊กม็อบ หรือโฟโต้ม็อบ 555" มีเนื้อหา ดังนี้
โปรดใช้วิจารณญาณดูว่า แตกต่างกับการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ความเชื่อ เหลือง แดง นปช. พันธมิตร เสื้อหลากสี กปปส. หรือสู้เพื่อช่วยเหลือ กลบเกลื่อนความผิดพลาดทางกฎหมาย ที่ตนเองและพวกพ้องก่อ กร่าง และทำพลาดเผลอเรอกันเองครับ
#“ม็อบลวงตา เพื่อลวงคน”
ที่สกายวอล์ก เป็นการชุมนุมที่เป็นการพยายามสร้างภาพลวง ให้กับสังคม นั่นคือผู้จัดการชุมนุมไม่กล้าประกาศนัดให้ผู้มาร่วมชุมนุมแสดงสัญลักษณ์การมีส่วนร่วม เช่น เสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ หรือสีใดสีหนึ่ง เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้จัดการชุมนุมในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นเซียนในการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสาร แต่เลี่ยงที่จะใช้ นั่นคงเพราะรู้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมจะน้อย เนื่องจากสิ่งที่เป็นแรงจูงใจเพื่อให้เข้าร่วมนั้นไม่มีค่าพอ
เพราะต้องการเอาภาพลวงจำนวนคนที่สัญจรไปมาบนสกายวอล์ก เป็นแบ็กกราวด์ เพื่อให้ภาพที่ถูกถ่ายทอดออกไปผ่านสื่อต่างๆ ดูเหมือนว่าเขาสามารถรวบรวมผู้เข้าร่วมชุมนุมได้เป็นจำนวนมาก แต่แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นครึ่งต่อครึ่ง
จุดสัญจรดังกล่าว มีคนผ่านเป็นพันๆ คน ทุกห้านาที ยิ่งถ้ามีการยืนกีดขวาง กระจายไปตามจุดต่างๆ ย่อมทำให้คนที่สัญจรไปมาในตอนนั้น ต้องชะลอตัว หรือหยุดดู ตามธรรมชาติของคนที่อยากรู้อยากเห็น ประกอบกับเวลานัดหมายคือ ช่วงพีค ของย่านนั้น ทำให้ภาพที่ออกมานั้น ดูเหมือนมีคนเป็นพันเข้าร่วม ซึ่งถือว่าเป็นภาพลวง ที่ผู้จัดการชุมนุมต้องการให้ถูกสื่อออกไปให้สังคมเข้าใจผิดว่า มีคนมาร่วมเยอะ แต่แท้จริงแล้วหากมีการให้แสดงสัญลักษณ์ร่วมกัน ภาพที่แท้จริงจะปรากฏว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม เหลืออยู่เพียงเท่าไหร่
ทั้งนี้ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง หรือความเสียหายระดับประเทศ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคล และการบริหารจัดการที่ผู้จัดการชุมนุมเป็นผู้ก่อขึ้นเองทั้งสิ้น แต่พยายามผลักดันให้ประชาชนต้องมามีส่วนรับผิดชอบร่วมกับเขานั่นเอง
สรุปคือ ประชาชนเขาไม่ได้โง่จนแยกไม่ออกว่า สิ่งที่เรียกร้องอยู่นี้มันคือ เรื่องความผิดส่วนตัว ที่ไม่ได้ส่งผลอันใดกับชีวิตเขา หรือปัญหาระดับประเทศ ที่หากไม่ออกมาร่วมแก้ไข ประเทศจะเกิดความเสียหายที่ส่งผลต่อชีวิตเขา
ขณะที่บางคนบอกว่า ม็อปธนาธร แค่สร้างสัญลักษณ์ แต่ตอนเย็นที่มีแต่วัยรุ่นเต็มสยามสแควร์ เพราะสยาม และ coke จัดคอนเสิร์ต 3 เวที ศิลปิน 50 วง คนเพียบ วัยรุ่นทั้งนั้น วัยรุ่นใช้รถไฟฟ้า เลยต้องเดินผ่าน skywalk
วานนี้ (15ธ.ค.) ที่บริเวณถนนสีลม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการชุมนุมแฟลชม็อบ นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เมื่อเย็นวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมโดยตลอดจากการรายงานของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และเป็นสิ่งที่ทางโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาย้ำแล้วว่า เรื่องของการให้ข้อมูลจะต้องเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การยั่วยุ เพราะตามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่กกต. มีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น เพราะเงินที่ให้กู้ ไม่ได้อยู่ในหมวดที่จะเป็นรายได้ของพรรคได้ คนที่เป็นผู้บริหารพรรคการเมือง จะต้องรู้เรื่องนี้ เมื่อมีข้อสรุปให้ส่งศาลรธน. พิจารณายุบพรรค ทางพรรคอนาคตใหม่ ก็ต้องไปชี้แจง สู้ด้วยหลักการบนชั้นศาล ซึ่งศาลฯ ก็ให้โอกาสในการส่งเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงได้อยู่แล้ว
ส่วนที่ทางตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งเอาผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะนั้น ตรงนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ในส่วนของนายกฯ ก็เป็นเรื่องของการได้รับรายงาน เรื่องสถานการณ์ความปลอดภัย ซึ่งไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง เสียหายอะไรของประชาชน ตามที่นายกฯ มีความเป็นห่วง เมื่อเชื่อว่าตัวเองใช้สิทธิ หน้าที่ ในการออกมาชุมนุม ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เว้นแต่ถ้าออกมาทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราต่างเห็นแล้วว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแต่ละครั้งปัจจัยก็ต่างกัน เราควรไปว่ากันในระบบ ในศาลฯ ส่วน ความไม่พอใจอะไรเกี่ยวกับรัฐบาล ก็ไปว่ากันในรัฐสภา ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว
การที่นายธนาธร และกลุ่มผู้ชุมนุม ประกาศรวมตัวกันอีก โดยการลงถนนในช่วงเดือนมกราคมนั้น ก็ต้องติดตามดูต่อไป อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ครบถ้วน เพราะเพียงแค่ฟังการรายงานของแต่ละฝ่ายนั้น ก็ไม่ตรงกันแล้ว และต้องนำมาพิจารณาวิเคราะห์ถึงเหตุผล ว่าจะลงมาร่วมชุมนมเหตุผลนั้นสมควรแล้วหรือยัง หากทุกอย่างเข้าสู่ระบบ ก็ไม่จำเป็นต้องมาชุมนุม ดังนั้นขอประชาชนฟังข้อมูลรอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจ
"ลุงตู่"ชวนลงถนนกินของอร่อยเยาวราช-สีลม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ เพจเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Peayut Chan-o-cha" ของนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ภาพกราฟิก “เดิน กิน ชิม เที่ยว”ในโครงการนำร่องถนนคนเดิน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว“เยาวราช สีลม ข้าวสาร”พร้อมข้อความ ว่า “ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนไปเที่ยว #ถนนคนเดิน ที่วันนี้จัดขึ้นที่ #ถนนสีลม #ถนนเยาวราช และพรุ่งนี้ที่ # ถนนข้าวสาร ไปเดินพักผ่อน ถ่ายรูป ฟังเพลง ชมการแสดง ชิมอาหารอร่อยๆ เติมพลังกันนะครับ”
ทั้งนี้ เวลา 18.00 น.(15 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปเปิด โครงการนำร่องถนนคนเดิน ในพื้นที่ กทม. ที่บริเวณถนนสีลม และถนนเยาวราช โดยนายกฯ จะกล่าวเปิดงานโครงการนำร่องถนนคนเดิน ที่ถนนสีลม และเยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน จากนั้นเวลา 19.30 น. นายกฯ และคณะ จะเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม ไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวัดมังกร ณ บริเวณจัดงานโครงการนำร่องถนนคนเดิน ถนนเยาวราช เยี่ยมชมกิจกรรมภายในงาน และเวลา 20.30 น. นายกฯเสร็จภารกิจ เดินทางกลับ
"ปิยบุตร"โพสต์ปลุกระดมต่อ
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ทวีตภาพการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ พร้อมข้อความ และติดแฮชแท็ก ผ่านทวิตเตอร์ ว่า "เมื่อวานนี้ #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน #เห็นหัวประชาชนบ้าง"
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การชุมนุมเมื่อ14 ธ.ค. ประชาชนไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวาย คนที่ออกมาชุมนุมล้วนทำกิจกรรมอย่างเป็นระเบียบ ก่อนแยกย้ายกันกลับโดยสงบ โดยไม่สร้างความเดือดร้อน ขณะที่จำนวนคนที่ออกมานั้น มากกว่าที่เราคิดไว้และการชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช. ร่างขึ้นมา
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ประชาชนที่ออกมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่เขามาเพราะไม่อาจทนกับความไม่ยุติธรรม และการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการแสดงออกคือ จะไม่ทนอีกแล้ว
ส่วนที่นายธนาธร บอกว่าเดือนหน้าเจอกัน หมายถึง ไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง ใช่หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายธนาธร ได้ประกาศไปแล้วว่า จะไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง เช่นเดียวกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ แต่ในส่วนของกิจกรรมของพรรคต่อไปนั้น ขอให้รอดูแล้วกัน
เตือน"ธนาธร"เป็นหมากให้"ทักษิณ"
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ อดีตเพื่อนของนายธนาธร ที่เคยทำกิจกรรมด้วยกัน สมัยอยู่ สนนท. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการเคลื่อนไหวของนายธนาธร ครั้งนี้ว่า
จากขุนจะเป็นหมาก... การชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่จากการเสียประโยชน์ส่วนตน หลายคนที่มา บอกว่าไม่ชอบธนาธร แต่ก็ไม่ชอบลุงตู่มากกว่า จึงออกมาร่วมเป็นตัวจุดกระแสการเคลื่อนไหว
"แต่ผมคิดว่ายังไม่ง่าย นี่แค่จุดเริ่มต้น กระแสแรกมักมีความหวังเสมอ แต่อย่าลืมไม่มีรัฐบาลไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายเดียว ไปถามรุ่นพี่ๆ นปช. -พธม. -กปปส. ก็ได้ นี่ไม่กล้าคิดถึงขนาดม็อบชนม็อบ แล้วอะไรจะเกิด เพราะผมก็ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่มีอำนาจขนาดนั้น
ความชอบธรรม มีความจำเป็นมาก ตอนเลือกตั้งและมีผลการเลือกตั้ง จนพวกคุณตั้งรัฐบาลลมหลังเลือกตั้ง ตอนนั้นพวกคุณได้รับความชอบธรรมอยู่ใช่ไหม ?
ผมวิเคราะห์ระยะยาว เกมนี้ เพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเคี่ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมากลงถนน ตนนั่งบนภู เก็บผลพลอยได้ เพราะทักษิณก็ได้รับบทเรียนมาแล้วเช่นกัน
สุดท้าย "เอก" จะเป็น "ผู้ชนะในความพ่ายแพ้"
"ธนาธร" คุณกำลังเดินตามเกมเขาแล้วล่ะ เกมของเพื่อน (พรรคร่วม) และเกมของฝั่งตรงข้าม "จากขุน กลายเป็นหมาก"
"จตุพร"เตือนจัดม็อบโอกาสถูกแทรกแซงสูง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.) กล่าวภึงกรณี กกต. ส่งศาลรธน. วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่านายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ รอดยาก นายธนาธร มีอย่างน้อย 4 ดาบ ที่ต้องเจอ ดาบแรก คือ เรื่องพ้นสมาชิกภาพ ซึ่งเจอไปแล้ว ดาบที่2 คือ เรื่องต่อเนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส.คือคุกอย่างต่ำ 1 ปี จากคดีอาญา ในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ที่ระวางโทษ 1 - 10 ปี ตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่ก็ 20 ปี ดาบที่ 3 คือ เรื่องยุบพรรค กรณีเงินกู้ และดาบที่ 4 เรื่องพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครอง ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่จากมติ 5 ต่อ 4 รับเรื่องนี้เข้าวินิจฉัยในศาลรธน. ก็ทำให้คิดได้ไม่ยากว่า ผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าไม่รอด
ส่วนกรณีการจัดแฟลชม็อบนั้น อยากแนะ นายธนาธร ว่า การจัดชุมนุมครั้งต่อไป ต้องระวังมากกว่านี้ ด้วยการจัดชุมนุมเช่นนี้ โอกาสที่จะถูกแทรกแซง สร้างสถานการณ์เป็นไปได้ง่าย หากจะเลือกเดินทางนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี หากยังคงจัดชุมนุมแบบนี้ เกรงว่าจะสุ่มเสี่ยง
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการแก้ไขรธน. ว่า ไม่มีทางสำเร็จ แค่ตั้งกมธ.ศึกษาฯ ก็อธิบายได้แล้วว่า ผู้มีอำนาจไม่ต้องการแก้ และก็จะไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ว. อย่างไรก็ตาม คิดว่ารัฐบาลนี้อย่างไรเสีย ก็อยู่ไม่ถึงกลางปีหน้าแน่ อยู่ที่ว่าเลือกทางเดินใดใน 3 ทาง ได้แก่ ยุบสภา ยึดอำนาจ และโยกอำนาจ ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยเรื่องแก้รธน.ไม่ได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ก็ยังมีปัจจัยเรื่องความขัดแย้งกันภายในรัฐบาลเอง ที่จะนำพารัฐบาลเสื่อมอำนาจ และอยู่ไม่ได้ในที่สุด
โพลแนะส.ส.ย้ายซบรัฐบาลถ้ายุบ อนค.
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่องทางรอดพรรคอนาคตใหม่กับเสียงประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการผ่าน"เสียงประชาชนในโลกโซเชียลฯ" ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 2,737 ตัวอย่าง และ“เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม”จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11–14ธ.ค.ที่ผ่านมา มีบทสรุปดังนี้
ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรทำอย่างไร เพื่อความอยู่รอดของตนเองและช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย พบว่า เกินครึ่งหรือ ร้อยละ 51.5 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่ ร้อยละ 34.3 ระบุควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และ ร้อยละ 14.2 ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจ
ที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 82.5 ระบุ ความขัดแย้งทางการเมืองมีผลทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีกมาก ถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 17.5 ระบุ น้อยถึงไม่มีผลเลย
เมื่อถามความคิดเห็นว่า มีคนอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยนอกเหนือไปจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พบว่า เกินครึ่งหรือ ร้อยละ 53.3 ระบุ ไม่มี ในขณะที่ร้อยละ 10.0 ระบุว่า มี ได้แก่ ธนาธร ร้อยละ 4.5 , ปิยบุตร ร้อยละ 1.6
นายนพดล กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ น่าจะมีทางออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ไม่ยากนัก ถ้าไม่เกิดความรุนแรงบานปลาย คือ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ประชาชนส่วนใหญ่ ก็มีทางออกให้พรรคอนาคตใหม่ด้วยความสงบเรียบร้อย โดยไม่มีการเสนอทางออกใดด้วยวิถีแห่งความรุนแรง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความกลัวและความกังวลของประชาชน ที่จะเกิดเหตุวุ่นวายซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้แย่ลงไปอีกมากกว่า
ซัดธนาธรปลุกม็อบแก้ปัญหาตัวเอง
วานนี้ (15ธ.ค.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขณะนี้รัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายเร่งด่วน โดยขอความร่วมมือส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรคเดินลงถนน ลงในชุมชน ถามปัญหาประชาชน และรวมเป็นนโยบาย เพื่อหาทางออกให้ประชาชน แต่ก็ยังมีนักการเมืองบางคน บางพรรค กำลังเอาปัญหาของตนเองไปเป็นปัญหาของประชาชน และใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของตนเอง อย่างกรณีพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดชุมนุมแสดงพลังที่สกายวอล์ก เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
"ตอนนี้ประชาชนต้องการให้แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลักจริงๆ นักการเมือง และพรรคการเมืองที่ดี ควรมุ่งแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน และส่วนรวมก่อน ควรร่วมเดินหน้าพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่ระดมมวลชน มาแก้ไขปัญหาของพรรคการเมืองของตนเอง ที่พลาดพลั้งเอง ผิดกฎหมายเอง หรือจงใจที่จะเลี่ยงบาลีในกฎหมาย เมื่อถูกจับได้ ก็กล่าวโทษคนอื่น และยกพวกมาข่มขู่ องค์กรอิสระคล้ายแก๊งอันธพาลเช่นนี้" น.ส.ทิพานัน กล่าว
นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ว่า "ผมคิดว่าคุณธนาธรก็รู้ว่าเศรษฐกิจโลก อาจแย่ลงอย่างหนักในช่วงต้นปีหน้า แต่ทำไมยังชวนม็อบลงถนน ซ้ำเติมประเทศชาติอย่างนี้ ถ้ารักประชาชนจริง ทำไมไม่รอให้พ้นช่วงวิกฤตไปก่อน แล้วจึงค่อยเคลื่อนไหว ฟังเสียงสังคมบ้างหรือเปล่า ว่าเขากังวลกันแค่ไหน
เวลานี้เราหวังพึ่งการท่องเที่ยว หวังการลงทุนจากต่างประเทศ หากบ้านเมืองวุ่นวายแบบนี้ใครจะมา และคุณจะรับผิดชอบสิ่งที่สูญเสียไปยังไง คุณคงภูมิใจที่มีคนสนับสนุนคุณมากมาย แต่ผมอยากให้คุณเสียใจ ที่คุณกำลังจะทำให้คนมากมาย ไม่มีกินเช่นกัน #รักประชาชนจริงหรือเปล่า
ม็อบลวงตา เพื่อลวงคน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์ภาพ พร้อมข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ " แฟลชม็อบ หรือแฟลตม็อบ หรือเฟซบุ๊กม็อบ หรือโฟโต้ม็อบ 555" มีเนื้อหา ดังนี้
โปรดใช้วิจารณญาณดูว่า แตกต่างกับการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ความเชื่อ เหลือง แดง นปช. พันธมิตร เสื้อหลากสี กปปส. หรือสู้เพื่อช่วยเหลือ กลบเกลื่อนความผิดพลาดทางกฎหมาย ที่ตนเองและพวกพ้องก่อ กร่าง และทำพลาดเผลอเรอกันเองครับ
#“ม็อบลวงตา เพื่อลวงคน”
ที่สกายวอล์ก เป็นการชุมนุมที่เป็นการพยายามสร้างภาพลวง ให้กับสังคม นั่นคือผู้จัดการชุมนุมไม่กล้าประกาศนัดให้ผู้มาร่วมชุมนุมแสดงสัญลักษณ์การมีส่วนร่วม เช่น เสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ หรือสีใดสีหนึ่ง เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้จัดการชุมนุมในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นเซียนในการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสาร แต่เลี่ยงที่จะใช้ นั่นคงเพราะรู้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมจะน้อย เนื่องจากสิ่งที่เป็นแรงจูงใจเพื่อให้เข้าร่วมนั้นไม่มีค่าพอ
เพราะต้องการเอาภาพลวงจำนวนคนที่สัญจรไปมาบนสกายวอล์ก เป็นแบ็กกราวด์ เพื่อให้ภาพที่ถูกถ่ายทอดออกไปผ่านสื่อต่างๆ ดูเหมือนว่าเขาสามารถรวบรวมผู้เข้าร่วมชุมนุมได้เป็นจำนวนมาก แต่แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นครึ่งต่อครึ่ง
จุดสัญจรดังกล่าว มีคนผ่านเป็นพันๆ คน ทุกห้านาที ยิ่งถ้ามีการยืนกีดขวาง กระจายไปตามจุดต่างๆ ย่อมทำให้คนที่สัญจรไปมาในตอนนั้น ต้องชะลอตัว หรือหยุดดู ตามธรรมชาติของคนที่อยากรู้อยากเห็น ประกอบกับเวลานัดหมายคือ ช่วงพีค ของย่านนั้น ทำให้ภาพที่ออกมานั้น ดูเหมือนมีคนเป็นพันเข้าร่วม ซึ่งถือว่าเป็นภาพลวง ที่ผู้จัดการชุมนุมต้องการให้ถูกสื่อออกไปให้สังคมเข้าใจผิดว่า มีคนมาร่วมเยอะ แต่แท้จริงแล้วหากมีการให้แสดงสัญลักษณ์ร่วมกัน ภาพที่แท้จริงจะปรากฏว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม เหลืออยู่เพียงเท่าไหร่
ทั้งนี้ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง หรือความเสียหายระดับประเทศ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคล และการบริหารจัดการที่ผู้จัดการชุมนุมเป็นผู้ก่อขึ้นเองทั้งสิ้น แต่พยายามผลักดันให้ประชาชนต้องมามีส่วนรับผิดชอบร่วมกับเขานั่นเอง
สรุปคือ ประชาชนเขาไม่ได้โง่จนแยกไม่ออกว่า สิ่งที่เรียกร้องอยู่นี้มันคือ เรื่องความผิดส่วนตัว ที่ไม่ได้ส่งผลอันใดกับชีวิตเขา หรือปัญหาระดับประเทศ ที่หากไม่ออกมาร่วมแก้ไข ประเทศจะเกิดความเสียหายที่ส่งผลต่อชีวิตเขา
ขณะที่บางคนบอกว่า ม็อปธนาธร แค่สร้างสัญลักษณ์ แต่ตอนเย็นที่มีแต่วัยรุ่นเต็มสยามสแควร์ เพราะสยาม และ coke จัดคอนเสิร์ต 3 เวที ศิลปิน 50 วง คนเพียบ วัยรุ่นทั้งนั้น วัยรุ่นใช้รถไฟฟ้า เลยต้องเดินผ่าน skywalk