อากาศหนาวเย็นทั่วประเทศ อารมณ์คนไทยต้องใจเย็นตามไปด้วย แม้ในหัวอกจะรุ่มร้อนเพราะปัญหาสารพัดที่ยังมองไม่เห็นทางออก จะทำอย่างไรได้ ผู้กุมอำนาจรัฐยังจับกลุ่มร้องรำทำเพลงไม่รู้สึกเดือดร้อนกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยซบเซาตายซาก
เป็นยุคที่คนการเมืองอารมณ์ขันมองว่าเมืองไทย “เสียกรุง” ครั้งที่ 3 หลังจากที่ท่านผู้ทรงเกียรตินักแสดงระดับพระเอกในอดีตทำพลาดพลั้ง ถูกสั่งให้หยุดทำหน้าที่ แต่ “เสียกรุง” ครั้งนี้ฝ่ายค้านมองว่าไม่ใช่เรื่องต้องห่วงหาอาลัย มีแต่ปริ่มน้ำกว่าเดิม
ยังมีความพิสดารในวงการเมือง เช่นงูเห่าต้องกินกล้วย เพราะทนสภาพอดอยากปากแห้งไม่ได้ จะมีเสบียงตุนไว้ก่อนสัก 15-20 กิโล พร้อมรับวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ประเด็นอื่นๆ คนรักห่วงใยตัวเองพึงกระทำในยุคเงินทองหายาก
แต่ปากก็อ้างว่ารักชาติสุดใจขาดดิ้น ขอทำหน้าที่แบบยอมเหนื่อย จะไม่ปล่อยให้ประชาชนไร้ที่พึ่ง ทั้งๆ ที่ประชาชนไม่ต้องการอยู่ในสภาพเป็นหนี้บุญคุณของพวกนักเลือกตั้ง ก๊วนนักชุบมือเปิบจากการรัฐประหารแล้วรวยอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้
อากาศหนาวเย็นยังจะอยู่กับเมืองไทยอีกสักพัก ยังมีเวลาสำหรับเรื่องร้อนๆ!
ต้องอารมณ์เย็น สร้างอารมณ์ขัน แม้จะมีความรู้สึกปนสมเพชในชะตากรรมประเทศ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียนแล้ว ของเราน่าจะอยู่ในขั้นน่าห่วงมาก ทั้งอาชญากรรม ลักวิ่งชิงปล้น ฆ่าตัวตาย เพราะปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังไร้ทางออก
การเมืองแบบวงจรอุบาทว์ยังติดหล่มน้ำเน่าไร้มาตรฐานเหมือนเดิม ซ้ำร้ายสภาวะที่คนไร้ยางอายมีความกล้าใช้หลักศรีธนญชัยเอาสีข้างเข้าถูเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ทำให้รู้สึกว่าหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เคยมี ก็ไม่เหลือแล้ว
การเมืองนอกจากไม่พัฒนา ยังเน่าสนิท ผลประโยชน์ยังทำให้วงการอื่น โดยเฉพาะสื่อแปรเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะผลประโยชน์แท้ๆ ไม่เหลือคราบขนของหมาเฝ้าบ้านที่วิญญูชนคนดีไว้วางใจได้ว่าจะดูแลสอดส่องชี้ว่าอะไรดีหรือเลว
ดูก็แล้วกัน สื่อที่เคยมองว่านักการเมืองคนนั้น กลุ่มนี้เป็นสุดยอดยี้ เป็นขี้ข้ากังฉิน เป็นอภิมหาตัวโกงเขี้ยวลากดิน เกล็ดแตกลายงา เมื่อย้ายค่ายมาสังกัดคณะ 3 ลุงเท่านั้น กลายเป็นคนดูดีอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่พฤติกรรมไม่มีอะไรเปลี่ยน
ซ้ำร้ายนักเลือกตั้งกลุ่มเดิมยังคงไว้ซึ่งความน่ารังเกียจ กลิ่นคาวกังฉินยังคลุ้ง! เมื่อย้ายมาอยู่ฝ่ายลุงเป็นก๊วน พวกสื่อที่เคยด่าว่าพวกนี้ในยุคเหลี่ยมเป็นใหญ่กลับมองว่านี่คือบรรยากาศแห่งความปรองดอง ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องดีงามไปหมด
อะไรมันน่าจะทุเรศเวทนาในชะตากรรมบ้านเมือง หัวเราะกับตลกน้ำตาเป็นเลือดได้อย่างนี้ แต่ก็เป็นไปแล้วเพราะยามเศรษฐกิจเน่ามองไม่เห็นวันฟื้น ทุกคนต้องห่วงตัวเองก่อน ยิ่งไม่มีความรู้สึกต้องอายด้วยแล้ว ประเด็นอื่นๆ ถือเป็นเรื่องเล็ก
เมื่อความอยู่รอดปากท้องของตัวเองสำคัญกว่าทุกอย่าง พวกสื่อรับใช้เอาใจผู้มีอำนาจ รับงานกำจัดคราบสกปรกบนท็อปบูต ไม่เคยมีอุดมการณ์อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ถือสุภาษิตวิปริต “เกิดมาถ้าไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินลงโทษ”
นั่งเปิบซุปหูฉลามด้วยเงินโกง ยังดูเท่กว่ากินน้ำพริกคลุกอุดมการณ์ คุณธรรม ว่างั้นเถอะ! ดังนั้น ถ้าไม่สร้างอารมณ์รื่นเริง มัวแต่กลัดกลุ้มกับเรื่องเน่าๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า โรคจิต ทนไม่ได้จุดเตาถ่านในรถยนต์ปิดกระจกลาโลกหนีทุกข์
เราต้องมองว่าสภาวะไร้มาตรฐาน หรือ 2 มาตรฐาน มือถือสาก ปากถือศีล ปากว่าตาขยิบ พูดอย่างทำอย่าง เป็นความโดดเด่นของคนไร้ยางอาย เรามีองค์กรมีคนตรวจสอบปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบมากมาย แทบเดินชนกันตาย
แต่การทุจริต ประพฤติมิชอบยุคนี้ ที่มีผู้นำห้าวเป้งยังเฟื่องฟูเหมือนเดิม เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนที่มีหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง มัวแต่นั่งรอว่าจะมีใครเอากล้วยมาแจกบรรเทาความหิวโหยหรือไม่ และมีแต่กรณีลูบหน้าปะจมูก
เรามีกฎหมายเยอะ ยังไม่เคยมีกฎหมายปราบปรามความหน้าด้าน ดังนั้นในกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐทุกระดับ จะมีทั้งคนดีบ้าง แต่ไม่ค่อยมีใครเห็น คนหน้าด้านกับมีบทบาทโดดเด่น เพราะยิ่งหน้าด้านได้เก่งฉกาจได้ใจนายเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น
เราเห็นกรณีความหน้าด้าน ไร้มาตรฐานชัดในเรื่องการบุกรุกป่า ผู้เกี่ยวข้องต่างเล่นบทตามหน้าที่ แต่เมื่อมีคนหน้าด้านเล่นบทดรามาจนบทแตกแล้วแตกอีก คนหน้าบางต้องยอมรับว่า “ในโลกนี้เราสามารถเอาชนะใครก็ได้ ยกเว้นคนหน้าด้าน”
ที่น่าสมเพชยิ่งกว่าก็คือ คนทำสื่อบางพวกทำตัวเป็นองครักษ์คนหน้าด้าน!
อากาศหนาวเย็นอย่างนี้ คนหน้าด้านไม่จำเป็นต้องฉาบทาด้วยครีมกันหน้าแห้ง ผิวหน้าทนทุกสภาวะดินฟ้าอากาศอยู่แล้ว ไม่แน่จริงไม่อยู่ได้ยาวนานอย่างนี้ แถมยังประกาศอย่างไร้ยางอายอีกว่าจะขออยู่ทำงานต่อเพื่อพี่น้องประชาชน
เรื่องขนเงินไปฝากซุกไว้ต่างประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์มากเท่าไหร่ ไม่ยอมบอก!
ไม่กี่วันก่อนชาวบ้านได้เห็นจำอวดการเมือง 2-3 ตัวออกมาบอกให้รู้ว่าจะขอเปลี่ยนบทเล่น จากฝ่ายค้านอิสระมาเป็นพวกผู้มีอำนาจ “เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้” ชาวบ้านได้ฟังแล้วซึ้ง อยากตะโกนถามใส่หน้าว่า “ได้ค่าขนย้ายเท่าไหร่”
และวันก่อนอีกนั่นแหละ มีเสียงขู่คำรามจากคนที่ดูเหมือนจะใกล้สิ้นท่าจนตรอก เพราะไร้ความรู้ความสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “ถ้าผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้” ได้ฟังอย่างนี้ ถ้าไม่อยากมีอารมณ์ร่วมฮาดังๆ แล้ว จะให้ทำอย่างไร
อยากรู้จังว่ามอนเตเนโกรขายหนังสือเดินทางชุดแรกหมดหรือยัง ใครซื้อบ้าง!