ผู้จัดการรายวัน360- สภาฯป่วน ฝ่ายค้านโหวตชนะญัตติ ตั้งกมธ.ศึกษา ม.44 ผล 236-231 รัฐบาลเดินเกมขอนับใหม่ เจอประท้วงวุ่น "ชวน" สั่งพักประชุม "ปิยบุตร" กระตุกสำนึกผู้แทนฯ ลงมติปักหมุดหมายสะสางผลพวงรัฐประหาร แสดงออกถึงการจัดการความเชื่อ อวัฒนธรรม ชี้คนพ้นผิดลอยนวล ทำประเทศตกในวงจรอุบาทว์ ก่อนเปิดประชุมอีกครั้ง เจอฝ่ายค้านทยอยวอร์คเอ้าท์ จนสภาล่ม องค์ประชุมเหลือแค่ 92 เสียง
เมื่อเวลา 16.55 น. วานนี้ (27พ.ย.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวสรุปญัตติว่า การตั้งกมธ.วิสามัญ ชุดนี้ เพื่อการศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช. หากเห็นว่าจำเป็นต้องศึกษาคำสั่งชุดอื่นๆ ตนก็ไม่ขัดข้อง เราไม่มีอำนาจสั่งการรัฐบาล หรือดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะกบฏ แค่ศึกษา และทำรายงานเสนอสภาฯ เพื่อผลักดันหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการเท่านั้น หลายคนบอกไม่จำเป็นต้องตั้งกมธ.วิสามัญ เพราะมี กมธ.สามัญ เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว คือ กมธ.กฎหมาย และสิทธิมนุษยชน ที่มีตนเองเป็นประธาน แต่มี กมธ.เพียง15 คน และมีไม่ครบทุกพรรค หากตั้งกมธ.วิสามัญ จะเปิดโอกาสให้ทุกพรรคเข้ามาร่วมด้วยอย่างน้อย 37 คน โดยจะเชิญคนนอกที่มีความรู้ร่วมด้วย
นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเข้าใจดีว่า คำสั่งคสช. หลายเรื่องมีเนื้อหาดี และจำเป็นเร่งด่วนในเวลานั้น หลายเรื่องออกไปแล้วมีบุคคลที่สุจริตได้รับประโยชน์ ระบบราชการตามปกติที่ดำเนินการตามคำสั่งคสช. ดังนั้นอันไหนดี ก็ให้ใช้ต่อ แต่ควรจะมีการศึกษาเพื่อแยกแยะออกมาว่า ฉบับไหนดี ก็เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ. ไม่ใช่ปล่อยให้มีคำสั่งรัฐประหาร ซ่อนอยู่ในระบบกฎหมาย หรือถ้ามีคำสั่งไหนที่มีศักดิ์เป็นลำดับรอง ก็เปลี่ยนให้เป็นระเบียบ หรือ กฎกระทรวง แต่ในส่วนที่มีเนื้อหาละเมิดสิทธิ์อย่างร้ายแรง ที่ยังไม่มีการยกเลิก ก็ยกเลิกเสีย ฉบับไหนเลิกไปแล้ว แต่ผลร้ายยังดำรงอยู่ มีผู้ได้รับความเสียหายก็ควรจะหามาตรการต่างๆ เยียวด้วย หากกมธ.ชุดนี้เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ สามารถรับฟังความเห็นจากแวดวงกว้าง เพื่อเป็นข้อเสนอผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ที่มีการอภิปรายว่า ประกาศคสช. ยกเลิกไปแล้วหลายฉบับ หลงเหลือเพียงนิดเดียว ตนยอมรับว่าจริง แต่ที่ยกเลิกไปแล้ว ก็ยังไม่ยกเลิกโดยปริยาย ยังมีแง่ปมกฎหมายอยู่ 11 ฉบับ ยกเลิกไปโดยไม่มีเงื่อนไขใด แต่ผลร้ายเกิดขึ้นไปแล้ว เช่น คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ คำสั่งต่ออายุองค์กรอิสระ ปลดองค์กรอิสระ คำสั่งละเมิดเสรีภาพสื่อมวลชน คำสั่งหลายเรื่อง ยังมีบุคคลหลายคนถูกดำเนินคดีอยู่ ทั้งประชาชนและส.ส.ในสภานี้ ที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกหลายคน และอีกหลายฉบับที่ยกเลิกไปแล้วจะมีเงื่อนไขอยู่
"หากให้เหตุผลที่ว่า คสช.หายตัวไปแล้ว ประกาศหลายฉบับสิ้นสุดไปแล้ว ไม่เพียงพอเพราะยังมีผลพวงอย่างต่อเนื่อง การตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดจะช่วยแสดงออกให้เห็นถึงการจัดการกับความคิดความเชื่ออวัฒนธรรม การพ้นผิดลอยนวล วิธีคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ให้มันจบไป อย่าไปรื้อฟื้น หรือเพื่อเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วให้เลิกแล้วต่อกัน แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องกระทำความผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ หรือรัฐธรรมนูญก็ตาม ต่อไปนี้ คนที่ตั้งใจกระทำความผิดใช้อำนาจรัฐประหาร ก่อรัฐประหารอีก ก็ย่ามใจเพราะทราบว่าทำไปก็ไม่มีผลร้าย สามารถนิรโทษตัวเอง สามารถเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ไม่ต้องรับผิด ไม่ต้องรับโทษ เพราะวิธีลอยนวลคนผิด ทำให้ประเทศไทยถึงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ วงเวียนรัฐประหาร ซ้ำซาก หลายประเทศที่เคยผ่านรัฐประหารบ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันไม่มีเลย และนายทหารกลับเข้ากรมกอง ทำหน้าที่ทหารอย่างมืออาชีพ เช่น ตุรกี เกาหลีใต้ อาร์เจนตินา เพราะเขาไม่ยอมให้มีวัฒนธรรมแบบลอยนวลผลเกิดขึ้น"
นายปิยบุตร กล่าวว่า การลงมติเรื่องนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญยิ่งของสภาฯ คือ มีการยึดอำนาจมา 5 ปี ไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีผู้แทนประชาชน คสช.ใช้อำนาจเด็ดขาด ดำเนินการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ กระทบประชาชนหลายเรื่อง แต่วันนี้มีการเลือกตั้งแล้ว กำลังทยอยกลับเข้าสู่ระบบปกติ แม้จะมีรัฐบาลที่ดูเหมือนจะสืบอำนาจก็ตาม แต่สภาฯนี้ถือเป็นชุดแรกหลังจากมีรัฐประหาร เหมือนได้รับมอบหมายจากประชาชน จึงไม่เหตุผลใดที่สภาฯ จะปฏิเสธไม่ใช้อำนาจแทนราษฎร เพื่อเริ่มต้นดำเนินการจัดการมรดกบาปของ คสช. หากสภาฯนี้นิ่งเฉย ปล่อยผ่านไปถามตรงๆว่า เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เมื่อไปพบปะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้อำนาจของ คสช. จะเอาหน้าไปพบประชาชนที่เป็นฐานคะแนน หรือส่องกระจกมองตนเองที่เดือดร้อนจากการใช้อำนาจของรัฐประหาร พอมีอำนาจกับสยบยอมไม่กล้าทำอะไร แม้แต่ลงมติตั้ง กมธ.แค่ศึกษาเท่านั้น
"สภาฯเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญอย่างยิ่ง เรามีอาชีพนักการเมืองได้ รับเงินเดือนหลักแสนได้ ก็เพราะประชาชนเลือกมา จึงมีภาระกิจสำคัญเอาความต้องการของประชาชน มาแปลงให้เกิดผลในสภา การลงมติครั้งนี้ จึงเป็นบทบาทสำคัญของจุดที่ว่า พวกเราคือผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ผู้อยู่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคณะรัฐประหาร ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย และรัฐสภาไทย ที่จะบันทึกว่า ในช่วงที่อำนาจกลับมาเป็นของประชาชน เลือกผู้แทนเข้ามาแล้ว สมาชิกจะลงมติให้ศึกษาการทบทวนการใช้อำนาจของคสช. หรือจะยอมอำนาจเผด็จการ ที่วันข้างหน้าจะมีรัฐประหารอีก หากลูกหลานมาเปิดอ่านบันทึกการประชุม ก็จะเห็นว่าคนไหนลงมติสนับสนุน คนไหนคัดค้าน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซีกรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหรือไม่ใช่มติวิป แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร จึงขอให้ทุกคนที่มาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจแทนราษฎรเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆของคสช." นายปิยบุตรกล่าว ย้ำ
หลังจากเจ้าของญัตติอภิปรายครบแล้ว นายชวน ได้ขอมติ ปรากฏว่ามีสมาชิกลงมติด้วยคะแนน 236-231 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี ทำให้ฝ่ายค้านส่งเสียงเฮลั่นห้องประชุมด้วยความดีใจ ที่มติในที่ประชุมให้ตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ แต่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เสนอให้นับคะแนนใหม่ เพราะเกิดความสับสน คะแนนแพ้ชนะกันเฉียดฉิว ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่งเสียงโห่ แต่นายชวน ระบุว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 85 ในกรณีมีคะแนนแพ้ชนะกันไม่เกิน 25 เสียง แต่การลงคะแนนใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อทีละคน พร้อมขอคำยืนยันจากฝ่ายรัฐบาล จะให้ลงคะแนนใหม่ ใช่ไหม ซึ่งส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ยกมือรับรอง แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม พากันประท้วงวุ่นวาย โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า หากให้นับคะแนนใหม่เช่นนี้ ก็ต้องนับใหม่ทุกครั้งที่มีการขอ ขณะที่นายปิยบุตร กล่าวว่า ขอให้ประธานวิปรัฐบาล ใจเย็นๆ หวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจว่า แพ้ ก็คือแพ้ อย่าให้มีปัญหากับสภาฯแห่งนี้ มิเช่นนั้น สภาฯจะทำงานต่อไม่ได้
แต่นายชวน ยังยืนยันว่า เป็นสิทธิของสมาชิก ที่ขอให้นับคะแนนใหม่ ตนไม่มีทางหลีกเลี่ยง ถ้าไม่ให้นับใหม่ ตนก็ทำผิดข้อบังคับการประชุม ในฐานะประธานฯไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะต้องวางตัวเป็นกลาง จากนั้นขอให้ตั้งคณะกรรมการนับคะแนนจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมส่งตัวแทนเป็นคณะกรรมการนับคะแนน และยังคงรุมประท้วง ต่อเนื่อง บางคนตะโกนเสียงดังต่อว่าด้วยความไม่พอใจ จนนายชวน ต้องขอให้รักษามารยาทด้วย สภาฯไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน ในที่สุด นายสมพงษ์ อมรวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เสนอให้พักการประชุม 5 นาที เพราะขณะนี้ กำลังมีปัญหากันนิดหน่อย ซึ่งนายชวน ก็อนุญาตให้พักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที
เมื่อเวลา 18.53 น. เปิดประชุมสภาสภาผู้แทนราษฏรอีกครั้ง นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ย้ำว่าไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น อาจทำให้สมาชิกบางคนไม่เข้าใจ แต่ขอบคุณที่ส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ก็พยายามพูดคุยข้างนอกหาข้อยุติว่าจะจบด้วยวิธีไหน โดยฝ่ายรัฐบาลพยายามจะให้มีการนับคะแนนใหม่ ขณะที่ฝ่ายค้ายยืนยันไม่เห็นด้วย จึงได้ทยอยเดินออกจากห้องประชุม ก่อนจะมีการเสนอให้นับองค์ประชุม ปรากฎมีสมาชิกทั้งสิ้นเพียง 92 เสียง นายชวนจึงสั่งปิดการประชุมเวลา 19.17 น.
เมื่อเวลา 16.55 น. วานนี้ (27พ.ย.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวสรุปญัตติว่า การตั้งกมธ.วิสามัญ ชุดนี้ เพื่อการศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช. หากเห็นว่าจำเป็นต้องศึกษาคำสั่งชุดอื่นๆ ตนก็ไม่ขัดข้อง เราไม่มีอำนาจสั่งการรัฐบาล หรือดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะกบฏ แค่ศึกษา และทำรายงานเสนอสภาฯ เพื่อผลักดันหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการเท่านั้น หลายคนบอกไม่จำเป็นต้องตั้งกมธ.วิสามัญ เพราะมี กมธ.สามัญ เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว คือ กมธ.กฎหมาย และสิทธิมนุษยชน ที่มีตนเองเป็นประธาน แต่มี กมธ.เพียง15 คน และมีไม่ครบทุกพรรค หากตั้งกมธ.วิสามัญ จะเปิดโอกาสให้ทุกพรรคเข้ามาร่วมด้วยอย่างน้อย 37 คน โดยจะเชิญคนนอกที่มีความรู้ร่วมด้วย
นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเข้าใจดีว่า คำสั่งคสช. หลายเรื่องมีเนื้อหาดี และจำเป็นเร่งด่วนในเวลานั้น หลายเรื่องออกไปแล้วมีบุคคลที่สุจริตได้รับประโยชน์ ระบบราชการตามปกติที่ดำเนินการตามคำสั่งคสช. ดังนั้นอันไหนดี ก็ให้ใช้ต่อ แต่ควรจะมีการศึกษาเพื่อแยกแยะออกมาว่า ฉบับไหนดี ก็เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ. ไม่ใช่ปล่อยให้มีคำสั่งรัฐประหาร ซ่อนอยู่ในระบบกฎหมาย หรือถ้ามีคำสั่งไหนที่มีศักดิ์เป็นลำดับรอง ก็เปลี่ยนให้เป็นระเบียบ หรือ กฎกระทรวง แต่ในส่วนที่มีเนื้อหาละเมิดสิทธิ์อย่างร้ายแรง ที่ยังไม่มีการยกเลิก ก็ยกเลิกเสีย ฉบับไหนเลิกไปแล้ว แต่ผลร้ายยังดำรงอยู่ มีผู้ได้รับความเสียหายก็ควรจะหามาตรการต่างๆ เยียวด้วย หากกมธ.ชุดนี้เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ สามารถรับฟังความเห็นจากแวดวงกว้าง เพื่อเป็นข้อเสนอผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ที่มีการอภิปรายว่า ประกาศคสช. ยกเลิกไปแล้วหลายฉบับ หลงเหลือเพียงนิดเดียว ตนยอมรับว่าจริง แต่ที่ยกเลิกไปแล้ว ก็ยังไม่ยกเลิกโดยปริยาย ยังมีแง่ปมกฎหมายอยู่ 11 ฉบับ ยกเลิกไปโดยไม่มีเงื่อนไขใด แต่ผลร้ายเกิดขึ้นไปแล้ว เช่น คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ คำสั่งต่ออายุองค์กรอิสระ ปลดองค์กรอิสระ คำสั่งละเมิดเสรีภาพสื่อมวลชน คำสั่งหลายเรื่อง ยังมีบุคคลหลายคนถูกดำเนินคดีอยู่ ทั้งประชาชนและส.ส.ในสภานี้ ที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกหลายคน และอีกหลายฉบับที่ยกเลิกไปแล้วจะมีเงื่อนไขอยู่
"หากให้เหตุผลที่ว่า คสช.หายตัวไปแล้ว ประกาศหลายฉบับสิ้นสุดไปแล้ว ไม่เพียงพอเพราะยังมีผลพวงอย่างต่อเนื่อง การตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดจะช่วยแสดงออกให้เห็นถึงการจัดการกับความคิดความเชื่ออวัฒนธรรม การพ้นผิดลอยนวล วิธีคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ให้มันจบไป อย่าไปรื้อฟื้น หรือเพื่อเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วให้เลิกแล้วต่อกัน แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องกระทำความผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ หรือรัฐธรรมนูญก็ตาม ต่อไปนี้ คนที่ตั้งใจกระทำความผิดใช้อำนาจรัฐประหาร ก่อรัฐประหารอีก ก็ย่ามใจเพราะทราบว่าทำไปก็ไม่มีผลร้าย สามารถนิรโทษตัวเอง สามารถเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ไม่ต้องรับผิด ไม่ต้องรับโทษ เพราะวิธีลอยนวลคนผิด ทำให้ประเทศไทยถึงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ วงเวียนรัฐประหาร ซ้ำซาก หลายประเทศที่เคยผ่านรัฐประหารบ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันไม่มีเลย และนายทหารกลับเข้ากรมกอง ทำหน้าที่ทหารอย่างมืออาชีพ เช่น ตุรกี เกาหลีใต้ อาร์เจนตินา เพราะเขาไม่ยอมให้มีวัฒนธรรมแบบลอยนวลผลเกิดขึ้น"
นายปิยบุตร กล่าวว่า การลงมติเรื่องนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญยิ่งของสภาฯ คือ มีการยึดอำนาจมา 5 ปี ไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีผู้แทนประชาชน คสช.ใช้อำนาจเด็ดขาด ดำเนินการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ กระทบประชาชนหลายเรื่อง แต่วันนี้มีการเลือกตั้งแล้ว กำลังทยอยกลับเข้าสู่ระบบปกติ แม้จะมีรัฐบาลที่ดูเหมือนจะสืบอำนาจก็ตาม แต่สภาฯนี้ถือเป็นชุดแรกหลังจากมีรัฐประหาร เหมือนได้รับมอบหมายจากประชาชน จึงไม่เหตุผลใดที่สภาฯ จะปฏิเสธไม่ใช้อำนาจแทนราษฎร เพื่อเริ่มต้นดำเนินการจัดการมรดกบาปของ คสช. หากสภาฯนี้นิ่งเฉย ปล่อยผ่านไปถามตรงๆว่า เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เมื่อไปพบปะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้อำนาจของ คสช. จะเอาหน้าไปพบประชาชนที่เป็นฐานคะแนน หรือส่องกระจกมองตนเองที่เดือดร้อนจากการใช้อำนาจของรัฐประหาร พอมีอำนาจกับสยบยอมไม่กล้าทำอะไร แม้แต่ลงมติตั้ง กมธ.แค่ศึกษาเท่านั้น
"สภาฯเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญอย่างยิ่ง เรามีอาชีพนักการเมืองได้ รับเงินเดือนหลักแสนได้ ก็เพราะประชาชนเลือกมา จึงมีภาระกิจสำคัญเอาความต้องการของประชาชน มาแปลงให้เกิดผลในสภา การลงมติครั้งนี้ จึงเป็นบทบาทสำคัญของจุดที่ว่า พวกเราคือผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ผู้อยู่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคณะรัฐประหาร ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย และรัฐสภาไทย ที่จะบันทึกว่า ในช่วงที่อำนาจกลับมาเป็นของประชาชน เลือกผู้แทนเข้ามาแล้ว สมาชิกจะลงมติให้ศึกษาการทบทวนการใช้อำนาจของคสช. หรือจะยอมอำนาจเผด็จการ ที่วันข้างหน้าจะมีรัฐประหารอีก หากลูกหลานมาเปิดอ่านบันทึกการประชุม ก็จะเห็นว่าคนไหนลงมติสนับสนุน คนไหนคัดค้าน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซีกรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหรือไม่ใช่มติวิป แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร จึงขอให้ทุกคนที่มาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจแทนราษฎรเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆของคสช." นายปิยบุตรกล่าว ย้ำ
หลังจากเจ้าของญัตติอภิปรายครบแล้ว นายชวน ได้ขอมติ ปรากฏว่ามีสมาชิกลงมติด้วยคะแนน 236-231 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี ทำให้ฝ่ายค้านส่งเสียงเฮลั่นห้องประชุมด้วยความดีใจ ที่มติในที่ประชุมให้ตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ แต่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เสนอให้นับคะแนนใหม่ เพราะเกิดความสับสน คะแนนแพ้ชนะกันเฉียดฉิว ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่งเสียงโห่ แต่นายชวน ระบุว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 85 ในกรณีมีคะแนนแพ้ชนะกันไม่เกิน 25 เสียง แต่การลงคะแนนใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อทีละคน พร้อมขอคำยืนยันจากฝ่ายรัฐบาล จะให้ลงคะแนนใหม่ ใช่ไหม ซึ่งส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ยกมือรับรอง แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม พากันประท้วงวุ่นวาย โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า หากให้นับคะแนนใหม่เช่นนี้ ก็ต้องนับใหม่ทุกครั้งที่มีการขอ ขณะที่นายปิยบุตร กล่าวว่า ขอให้ประธานวิปรัฐบาล ใจเย็นๆ หวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจว่า แพ้ ก็คือแพ้ อย่าให้มีปัญหากับสภาฯแห่งนี้ มิเช่นนั้น สภาฯจะทำงานต่อไม่ได้
แต่นายชวน ยังยืนยันว่า เป็นสิทธิของสมาชิก ที่ขอให้นับคะแนนใหม่ ตนไม่มีทางหลีกเลี่ยง ถ้าไม่ให้นับใหม่ ตนก็ทำผิดข้อบังคับการประชุม ในฐานะประธานฯไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะต้องวางตัวเป็นกลาง จากนั้นขอให้ตั้งคณะกรรมการนับคะแนนจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมส่งตัวแทนเป็นคณะกรรมการนับคะแนน และยังคงรุมประท้วง ต่อเนื่อง บางคนตะโกนเสียงดังต่อว่าด้วยความไม่พอใจ จนนายชวน ต้องขอให้รักษามารยาทด้วย สภาฯไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน ในที่สุด นายสมพงษ์ อมรวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เสนอให้พักการประชุม 5 นาที เพราะขณะนี้ กำลังมีปัญหากันนิดหน่อย ซึ่งนายชวน ก็อนุญาตให้พักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที
เมื่อเวลา 18.53 น. เปิดประชุมสภาสภาผู้แทนราษฏรอีกครั้ง นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ย้ำว่าไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น อาจทำให้สมาชิกบางคนไม่เข้าใจ แต่ขอบคุณที่ส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ก็พยายามพูดคุยข้างนอกหาข้อยุติว่าจะจบด้วยวิธีไหน โดยฝ่ายรัฐบาลพยายามจะให้มีการนับคะแนนใหม่ ขณะที่ฝ่ายค้ายยืนยันไม่เห็นด้วย จึงได้ทยอยเดินออกจากห้องประชุม ก่อนจะมีการเสนอให้นับองค์ประชุม ปรากฎมีสมาชิกทั้งสิ้นเพียง 92 เสียง นายชวนจึงสั่งปิดการประชุมเวลา 19.17 น.