ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อายมั้ยล่ะ เป็นผู้นำทำเสียเอง! พระเอกดัง "ป้อง ณวัฒน์" ซัด “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน”สยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล คนรณรงค์แทบตาย แต่รัฐบาลไม่สนใจ #ฉลองไม่ฉลาม
โลกโซเชียลฯ ลุกฮือเข้ามาให้กำลังใจและสนับสนุนพร้อมกับแห่ติดแฮชแท็ก #ฉลองไม่ฉลาม หลัง "ป้อง" ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ พระเอกชื่อดัง โพสต์ภาพและข้อความลงไอจี จวกรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่จัดเมนู "ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน" เสิร์ฟในวงดินเนอร์ สานสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล
ฉลองยังต้องมีฉลามกันอีกหรือ ?
"ป้อง" นอกจากเป็นนักแสดงยังอยู่ในฐานะทูตองค์กรไวลด์เอด โครงการปกป้องประชากรฉลามโลกที่กำลังถูกคุกคามจากการค้า และการบริโภคเมนูฉลาม ระบุว่า คนรณรงค์ ก็รณรงค์กันไป รัฐบาลก็ไม่สนใจ จะปาร์ตี้สยบรอยร้าวหรืออะไรก็ทำไปครับ... แต่ฉลามไม่ได้รู้เรื่องด้วย หยุดทำร้ายฉลาม ทำลายระบบนิเวศในท้องทะเล ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อยครับ...
เห็นข่าวงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่ 1 ในเมนูอาหารค่ำ คือ "ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน" ถือเป็นเสียงสะท้อนที่ดีว่า ความพยายามในการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการเลิกบริโภคหูฉลาม อาจยังไปไม่ถึงบรรดาผู้นำในรัฐบาล ท่านจึงกลายเป็นผู้บริโภคเสียเอง...
เมื่อปี 2012 หรือ 7 ปีก่อน รัฐบาลจีนประกาศแบนการเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปกป้องสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขณะที่ล่าสุดเมื่อกลางปีนี้ ประเทศแคนาดา เป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ G20 ที่ผ่านกฎหมายจำกัดการค้าหูฉลาม ด้วยการแบนการส่งออกและนำเข้าหูฉลามในประเทศ สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปกป้องประชากรฉลามโลกที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤต ที่ถูกคุกคามจากการค้า ความต้องการบริโภคหูฉลาม และการทำประมงเกินขนาด
ทุกปี "ฉลาม 73 ล้านตัว" ถูกนำไปทำเป็นซุปหูฉลามในงานรื่นเริงต่างๆ เพียงเพราะค่านิยมที่ว่า ซุปหูฉลาม คือ อาหารราคาแพงที่แสดงถึงฐานะทางสังคมของเจ้าภาพได้ ทั้งๆ ที่ ซุปหูฉลามแต่ละถ้วยได้มาจากการฆ่าสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และใน 15 ปีที่ผ่านมา ประชากรปลาฉลามบางสายพันธุ์ ลดลงมากราว 90-98%
ฉลามมีบทบาทสำคัญในท้องทะเลที่ไม่เหมือนปลาอื่น เป็นผู้รักษาความสมดุลของมหาสมุทรที่เป็นบ้านของสัตว์ทะเลเหมือนเสือในป่า หากไม่มีฉลามระบบนิเวศทางทะเลอาจถูกทำลาย การบริโภคหูฉลามและเมนูจากฉลามอื่นๆ จึงไม่ใช่การบริโภคที่ยั่งยืน
วิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถช่วยฉลาม คือการ " #ฉลองไม่ฉลาม" ... ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลร่วมกันสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกป้องฉลามด้วยการเลิกเสิร์ฟ เลิกทานหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐในอนาคต เพราะหยุดกินหูฉลาม เท่ากับหยุดฆ่า ร่วม #ฉลองไม่ฉลาม กันเถอะนะครับ"
มีคนเข้ามาแสดงความเห็นในโพสต์ของพระเอกดังจำนวนมาก โดยเห็นด้วยที่จะ #ฉลองไม่ฉลาม
นี่ต้องโทษทีมนายกฯ ทีมจัดงานของ3ป. หรือจะเป็นฝ่ายลุงๆ เรียกร้องเอง หรือปกติจะรับประทานเมนูนี้จนชิน ก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่เอาเป็นว่า ไม่ตระหนักรู้ ไม่ละเอียด ขาดความรอบคอบ...
ครั้นจะบอกว่า ไม่รู้คงไม่ได้ การรณรงค์ "กินหูฉลาม=ฆ่าฉลาม" เรื่องนี้ทั่วโลกทำต่อเนื่องกันมานานเป็นแคมเปญระดับโลกที่คนเขาตื่นรู้กันแล้ว
มิหนำซ้ำ "ลุงตู่" เองก็เคยพูดช่วยรณรงค์เรื่องนี้มาเอง เรื่องนี้ทำเอา "องครักษ์พิทักษ์ลุง" ไปไม่เป็นเหมือนกัน ได้แต่โพสต์โต้กระแสโซเชียลฯ ในทำนองประชดประชันว่า "กลุ้ม" ... "นายกฯ กินหูฉลามก็ผิด" คนรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม มาจับผิดกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ทำไม...
แทนที่จะขอให้ " 3ป." ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อย คิดหาหนทางกลับสวยๆ เช่น คราวหน้าจะไม่มีอีกแล้วเมนูนี้ หรือ ออกมาขอโทษประชาชนบ้าง ดันจะพาลุงๆ ดำดิ่งให้คนเขาด่าได้อีก ว่า "ไร้สำนึกสิ้นดี"...
ไม่รู้ป่านนี้เรื่องจะถึงหู "พี่น้อง3 ป." หรือยัง...เรื่องแบบนี้ อย่าทำเป็นเล่นไป ประเมินความรู้สึกหัวจิตหัวใจประชาชนต่ำไป
คิดว่าทุกเรื่อง รัฐบาลมี 3ป.แล้วลำพอง "ฮึกเหิม" ว่าจะไม่เป็นไร ... ระวังไว้ "ซุปหูฉลาม" ที่คล่องคอ ทำให้ต่างหัวเราะร่า จะพากันน้ำตาริน ... แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน !
**ฟังความจากใจของ "งูเห่า" ที่ร่วมแสดงตนให้องค์ประชุมครบ สภาฯไม่ล่มรอบ 3 และ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวนมติพรรค ในการตั้ง กมธ.เช็กบิล ม.44 ของคสช.
เป็นที่รับรู้รับทราบกันไปแล้วว่า การประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 4ธ.ค.ที่ผ่านมา สภาฯไม่ล่ม เพราะมี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านที่มาร่วมแสดงตนในช่วงนับองค์ประชุม 10 คน ทั้งที่มติจากวิปฝ่ายค้านให้ "วอล์กเอาต์" ด้วยไม่ยอมรับให้มีการ "นับคะแนนใหม่" ในญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาการใช้มาตรา 44 ที่ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตไปก่อนหน้านั้น
10 ส.ส.ฝ่ายค้านดังกล่าวจึงถูกตีตราว่าเป็น "งูเห่า" แถมยังถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่าได้ไป "รับแจกกล้วย" จากฝ่ายรัฐบาลมาหรือไม่ ...ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย 3 คน คือ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส. อุดรธานี , น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม., พรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา จาก จ.จันทบุรี , พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือ"พรรคลุงมิ่ง" 4 คนได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ซึ่งทั้ง 4 คนเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และจากพรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี...
แน่นอนว่า ส.ส.เหล่านี้ อาจถูกพรรคสอบสวน หรือมีมาตรการลงโทษตามมาในฐานะที่ฝืนมติวิปฝ่ายค้าน ... แต่ลองมาฟังเหตุผลดูว่า ทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น
"ขจิตร ชัยนิคม" ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย บอกว่าไม่ได้ตั้งใจเป็นงูเห่า และไม่เคยปันใจให้ฝ่ายรัฐบาลเลย แถมยังไม่พอใจเสียด้วยซ้ำที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะ "เปิดซักฟอก" รัฐบาลในเดือนธ.ค.นี้ แต่สุดท้ายก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด... แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหลังจากลงชื่อว่ามาประชุมสภาฯแล้ว ก็รับบัตรประจำตัวแล้วเอาไปเสียบคาช่องแสดงตนไว้ โดยที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้ตลอด... จากนั้นก็ออกไปประชุม กมธ.งบประมาณปี 63 เนื่องจากเป็นประธาน อนุกมธ.พิจารณางบฯ กระทรวงศึกษาธิการ ... เมื่อประธานในที่ประชุมให้แสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ตัวเขาก็ยังอยู่ในห้องประชุมกมธ.พิจารณางบประมาณ ไม่ได้กลับมาเข้าห้องประชุมสภาฯ เลย... เป็นเพราะบัตรประจำตัวที่เสียบคาช่องแสดงตนอยู่แท้ๆ เลยทำให้ต้องถูกตราหน้าว่าเป็น "งูเห่า" ... "ขจิตร" ทิ้งท้ายว่า...ปัญหาแค่นี้ ผมไม่วอรี่
"จารึก ศรีอ่อน" ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ เป็นอีกคนที่ไม่ได้วอล์กเอาต์ ไปตามมติฝ่ายค้าน บอกว่า ที่ทำแบบนี้ เพราะอยากให้สภาฯ เดินหน้าไปได้ ก็วอล์กเอาต์มาแล้วถึง 2 ครั้ง จะให้วอล์กเอาต์กันอีกกี่ที ... 5 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีสภาฯ เราไม่มีผู้เเทน เราก็เรียกร้องกัน แต่พอมีสภาฯ แล้วก็มาวอล์กเอาต์ ผมว่ามันไม่ใช่ ทำแบบนี้ ประชาชนก็เลยเบื่อการเมือง จึงตัดสินใจอยู่ร่วมในองค์ประชุม... ยืนยันไม่ได้รับแจกกล้วยจากฝ่ายรัฐบาล
"ผมยืนขึ้นมาด้วยความมั่นใจเลยว่า ผมจะอยู่ และงดออกเสียง ไม่อยากให้ประชาชนที่เขาเลือกเราเข้ามาเห็นว่านักการเมืองเอาแต่ทะเลาะกัน ไม่ทำเพื่อผลประโชน์ของประชาชน จะเอาแต่ชนะคะคานกัน ผมไม่ชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องแก้ไขกันในสภาฯ"
ส่วนที่ถูกคนมองว่าเป็นงูเห่า..."จารึก" บอกว่า...ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร ... ส่วนเรื่องมติพรรคนั้น ...ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ทำกิจกรรมกับพรรค แค่ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ก็พอใจแล้ว !!
ขณะที่ "พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา" ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ก็บอกเช่นกันว่า ต้องการให้สภาฯเดินหน้าไปได้จึงอยู่แสดงตนตอนที่นับองค์ประชุม
"ผมไม่เห็นด้วยกับการวอล์กเอาต์ การจะแพ้หรือชนะ ก็ต้องยอมรับกันตามกระบวนการของสภาฯ การทำงานในสภาฯ ก็ต้องยึดหลักของสภาฯ ให้ทุกอย่างจบที่สภาฯ... เมื่อสภาฯเดินหน้าไปได้ ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ เพื่อที่ทุกฝ่ายจะเอาเวลาไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในเรื่องอื่นๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก"
แม้ว่าส.ส.จันทบุรี ทั้งสองคนจะแสดงตนช่วยให้สภาฯไม่ล่ม แต่เมื่อถึงเวลาโหวต ตั้งกมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44 ทั้งคู่ งดออกเสียง !!
คราวนี้มาฟังเหตุผลของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตสวน มติพรรค เพื่อให้ตั้ง "กมธ.เช็กบิล ม.44" ซึ่งก่อนหน้านั้น มี ทั้งหมด 6 เสียง แต่การโหวตครั้งนี้ มี 4 เสียงที่ยัง "โหวตสวน" คือ เทพไท เสนพงศ์ , สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, อันวาร์ สาและ , นายพนิต วิกิตเศรษฐ์
"เทพไท เสนพงศ์" ยกอุดมการณ์พรรคนำหน้ามาก่อนเลยว่า ... 73 ปีที่มีให้ไว้กับประชาชน อุดมการณ์ของพรรค สำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นสมาชิกพรรค ผมได้ลงมติเห็นด้วยกับญัตติการตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบของ ม.44 ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1. เป็นญัตติของพรรคได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคและมีอดีต รมต. 7 คน ลงชื่อเป็นเจ้าของญัตติ 2. ได้อภิปรายสนับสนุนญัตตินี้ในสภาฯ อย่างชัดเจน 3. เป็นญัตติที่ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคที่ประกาศมา 73 ปีแล้ว ผมขอยืนยันในจุดยืนเดิม 1 ใน 5 เสียง ที่โหวตหนุนให้ตั้งกมธ. คือเสียงของผมเองครับ...
ส่วน "พนิต วิกิตเศรษฐ์" บอกว่า แม้ประกาศ และคำสั่งคสช.หลายฉบับจะออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนบางประการ แต่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้น ไม่มีส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน ไปทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่า กฎหมายเหล่านั้น จะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไรบ้าง... ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เปลี่ยนแปลงไป ก็สมควรจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ...การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง หรือเหตุผลอื่น แต่เป็นการยืนยันว่า กฎหมายที่มีผลกระทบต่อประชาชน ต้องได้รับการตรวจสอบ อย่างรอบคอบโดยส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง ... นี่เป็นอุดมการณ์การทางเมืองของผม !!
แม้การ "โหวตสวน" ของ 4 ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะไม่มีผลทำให้ตั้ง กมธ.มาเช็กบิลคสช.ได้ แต่การฝืนมติพรรค คงต้องเป็นการบ้านของผู้บริหารพรรค ที่ต้องมีเรื่องให้พูดคุยกันแน่ .