“นักการเมืองกับหูฉลามเป็นของคู่กัน” เปิดใจนักรณรงค์ฉลาม พร้อมขอความร่วมมือรัฐบาลสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกป้องฉลาม ด้าน ป้อง-ณวัฒน์ ตอบกลับ รัฐไร้จิตสำนึก ขณะที่ชาวโซเชียลจำนวนไม่น้อยแสดงความไม่เห็นด้วยกับข่าวนี้ จนเกิด #ฉลองไม่ฉลาม
ฉลองยังต้องมีฉลามกันอีกหรือ?
“นักการเมืองกับหูฉลามเป็นของคู่กัน สมัยก่อนกินแล้วดูหรู แต่ยุคนี้มันคนละเรื่อง ยิ่งกินคุณก็ยิ่งโดนด่า จะไปหาเรื่องให้ตัวเองโดนว่าทำไม เป็นผู้นำสังคมก็พยายามพาสังคมไปในทางที่ถูกที่ควร เพราะหลายประเทศในโลกเขาก็เลิกกินแล้ว”
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นดรามา เมื่อ “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน” เป็นหนึ่งในเมนูที่ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะวีไอพี ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมรับประทานด้วย
สำหรับงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล นำโดย นายกรัฐมนตรี ที่มีการเชิญบรรดาคณะรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 18 พรรค ร่วมกินเลี้ยงสังสรรค์เพื่อพูดคุยกันเพื่อหารือถึงปัญหาต่างๆ และเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ ที่จัดขึ้นภายในสโมสรราชพฤกษ์
แต่หลังจากจบงานก็เกิดเป็นประเด็นดรามาตามมา เมื่อพบว่าเมนูอาหารภายในงานจัดเลี้ยง มีเมนู “ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน” ซึ่งฉลามถือเป็นสัตว์อนุรักษ์ที่ระดับโลกให้ความสนใจรณรงค์เพื่อยุติการบริโภค
“ผมไม่ต้องมานั่งเถียงว่ากินหูฉลามดีหรือไม่ดี ทุกคนก็รู้ ทั้งโลกเขาก็รู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็สามารถเห็นตรงกันได้ ถ้าเกิดจุดมุ่งหมายเราคือเพื่อประเทศไทย เพื่อทะเลไทย และเพื่อโลก
พอเกิดกรณีนี้ขึ้นทุกคนก็จะหันมาสนใจฉลามกันอีกครั้ง ครั้งนี้เราก็อยากให้ทุกคนตระหนักว่าโลกเรายุคนี้มันไม่เหมือนโลกยุคก่อน ยุคนี้โซเชียลมีเดียมันแรง คนก็หันมาสนใจธรรมชาติเยอะแยะมากมายกว่าในอดีต เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ก็กลายเป็นประเด็นอ่อนไหว
[ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์]
ใครจะทำอะไรเกี่ยวกับการฉลองปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงอะไรก็ตาม ก็พยายามหลีกเลี่ยงหูฉลามซะ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องกินโต๊ะจีน แล้วก็ต้องมีหูฉลามเสิร์ห คือมันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด 20 กว่าปี ผมไม่ได้ว่าเฉพาะฝ่ายรัฐบาลนะครับ ผมพูดถึงนักการเมืองทั้งหมด ฝ่ายค้าน อบต. อบจ.ท้องถิ่น ทุกหน่วยงาน เพราะว่าถ้าเกิดอาสามาทำงานด้านการเมือง เป็นตัวแทนประชาชนก็คงจะต้องเข้าใจว่าคนไทยตอนนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมชาติ
อย่างที่มัลดีฟส์ เขาห้ามแตะฉลามเด็ดขาด รัฐนิวยอร์กก็ห้ามขายหูฉลาม ในอเมริกาหลายรัฐก็ห้ามขายหูฉลามแล้วเหมือนกัน มันไม่ใช่เทรนด์ที่นัก NGO คิดกันเอง มันเป็นเรื่องของโลก ซึ่งทุกคนในโลกก็ทราบกันดี
ตอนนี้สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนคือคนรุ่นเก่า ฝากคนรุ่นใหม่ไปเปลี่ยนคนรุ่นเก่า ขอร้องเด็กรุ่นใหม่อย่างน้องๆ หลานๆ ช่วยบอกคนปู่คุณย่า คุณตาคุณยายที่ยังมีความเชื่อเดิมๆ อย่าเลิกกินคนเดียว บอกญาติพี่น้องด้วย แล้วก็ฝากถึงผู้มีอำนาจช่วยผลักดันด้วย”
ล่าสุด ชาวโซเชียลออกมาเรียกร้องช่วยกันติด #ฉลามไม่ฉลอง ในทวิตเตอร์ เพื่อสะท้อนให้รัฐบาลและคนที่นิยมกินหูฉลามตระหนักถึงความสำคัญของฉลาม และยังพร้อมกันรณรงค์ผ่าน #ฉลามไม่ฉลอง ให้คนไทยเลิกกินเมนูจากปลาฉลามอีกด้วย
“ไร้สำนึก ไม่ไหวก็ลาออกทั้งคณะ”
“เอาอะไรคิด ไร้สำนึกสุดๆ เค้ารณรงค์กันแทบตาย ดูทำกัน ไม่ไหวก็ลาออกทั้งคณะไปเลย มีเรื่องมีราวให้ชาวบ้านปวดหัว ตลกขบขัน ปลง ทุกวัน”
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นนักแสดงหนุ่มอย่าง ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวข้องกับทางการเมือง แต่ล่าสุดก็ได้ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “pongnawat” หลังมีข่าวว่า “ซุปหูฉลามหม้อดิน” เป็นหนึ่งในเมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะวีไอพีในงานเลี้ยงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมรับประทานด้วย
“คนรณรงค์ ก็รณรงค์กันไป รัฐบาลก็ไม่สนใจ จะปาร์ตี้สยบรอยร้าวหรืออะไรก็ทำไปครับ แต่ฉลามไม่ได้รู้เรื่องด้วย หยุดทำร้ายฉลาม ทำลายระบบนิเวศในท้องทะเล ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อยครับ
เห็นข่าวงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่ 1 ในเมนูอาหารค่ำคือ ซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดิน ถือเป็นเสียงสะท้อนที่ดีว่าความพยายามในการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการเลิกบริโภคหูฉลาม อาจยังไปไม่ถึงบรรดาผู้นำในรัฐบาล ท่านจึงกลายเป็นผู้บริโภคเสียเอง”
ขณะเดียวกัน จอห์น เบเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์ องค์กรไวล์ดเอด ซึ่งเน้นทำการรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภค และความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า ก็ออกมาตอบคำถามกับทีมข่าวในฐานะนักรณรงค์ ช่วยสะท้อนถึงจิตสำนึกของรัฐบาลไทย พร้อมออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของฉลามมากยิ่งขึ้น
“จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า คนจำนวนไม่น้อยแสดงความไม่เห็นด้วยกับข่าวนี้ รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงหลายคน สะท้อนว่าสังคมมีความตระหนักถึงความสำคัญของการเลิกทานหูฉลามมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน การรณรงค์ยังจำเป็นที่จะต้องทำต่อไป เพราะผลสำรวจขององค์กรไวล์ดเอด ปี 2560 พบว่า คนไทยในเขตเมืองมากกว่า 60% ต้องการทานหูฉลามในอนาคต โดยเฉพาะในงานรื่นเริงต่างๆ
การเสิร์ฟหูฉลาม เป็นตัวอย่างของการสนับสนุนการบริโภคเมนูจากสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและอยู่ในสถานภาพที่กำลังโดนคุกคาม เป็นการบริโภคที่ไม่ยั่งยืน และไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่ฉลามทั่วโลกกำลังเผชิญกับการลดลงของประชากร โดย 1 ในภัยคุกคามหลักเกิดจากการบริโภค
การเสิร์ฟเมนูหูฉลามในงานเลี้ยง ยังคงสะท้อนค่านิยมที่ว่า ซุปหูฉลาม คือ อาหารราคาแพงที่แสดงถึงฐานะทางสังคมของเจ้าภาพ ทั้งๆ ที่หูฉลามแต่ละถ้วย ได้มาจากการฆ่าสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และใน 15 ปีที่ผ่านมาประชากรปลาฉลามบางสายพันธุ์ลดลงมากราว 90-98% เราไม่สามารถระบุชนิดของฉลามจากผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายแล้วได้ ต้องใช้การตรวจดีเอ็นเอเท่านั้นเพื่อระบุสายพันธุ์ ดังนั้น ผู้บริโภคจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ซุปหูฉลามในถ้วยที่กินอยู่นั้นมาจากฉลามพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือไม่”
ไม่เพียงเท่านี้ นักรณรงค์ท่านนี้ยังเน้นย้ำถึงหัวใจหลักในการอนุรักษ์ฉลาม พร้อมแนะใหัภาครัฐเป็นเสียงช่วยกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญ
“หัวใจหลักของการรณรงค์ก็คือ อยากให้เห็นว่า ฉลามทำหน้าที่ในทะเลไม่เหมือนปลาอื่น เป็นผู้รักษาความสมดุลของมหาสมุทร ควบคุมประชากรและพฤติกรรมสัตว์ทะเล ควบคุมโรคระบาด เปรียบเหมือนเสือในป่า และทุกคนสามารถปกป้องฉลามและระบบนิเวศในทะเลด้วยวิธีง่ายๆ ก็คือ การเลิกเสิร์ฟ เลิกทานเมนูฉลาม เพราะหยุดกินหูฉลาม เท่ากับหยุดฆ่า
ทิศทางของโลกในภาคส่วนต่างๆ เดินมาในแนวทางนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ที่ประกาศห้ามเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐมาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว รวมถึงภาคเอกชน เช่น สายการบินไทย และสายการบินทั่วโลกอีกอย่างน้อย 45 สายการบิน เครือโรงแรมชั้นนำก็มีแนวทางเดียวกันคือ เลิกขนส่ง เลิกเสิร์ฟเมนูหูฉลาม
เราขอความร่วมมือรัฐบาลไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของการใส่ใจปัญหาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกป้องฉลามด้วยการ “ฉลองไม่ฉลาม” เลิกเสิร์ฟ เลิกทานเมนูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐทุกรูปแบบในอนาคต ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณที่ดีทั้งต่อคนไทย และสร้างภาพลักษณ์แง่บวกในระดับนานาชาติ”
ขอบคุณภาพ : IG “Pong Nawat” และเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **