ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "3 ป." หัวเราะร่า เฮฮาปาร์ตี้ ตกลงว่างานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์พรรคร่วม หรืองานเลี้ยงประกาศศักดา “3ป.”อีกครั้ง เดินเกมกระชับอำนาจยังปึ๊ก สะกดข่มพรรคร่วม โชว์รักกันดูดดื่มระหว่างพี่น้อง“มีวันนี้เพราะพี่ป้อม-ป๊อก”เสาหลักรัฐบาล ดูแล้วเพลียใจแทน 3 ลุง
ควันหลงงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่สโมสรราชพฤกษ์ คืนวันก่อน ภาพที่ออกมาคนอาจจะสับสนงวยงง กันบ้างละว่า ตกลงเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่ "กินแหนงแคลงใจ" กันหลายเรื่องในช่วงหลัง หรือเป็นงานรื่นเริงกันเองของ"3ป."..."พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ "พี่ป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ"น้องตู่" พล.อ.ประยุทธ์๋ จันทร์โอชา กันแน่
ว่ากันว่า อาหารโต๊ะกลมมื้อนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่ "3ป." กินข้าวร่วมกับนักการเมืองอย่างเปิดเผยพร้อมหน้า แม้ก่อนหน้านี้จะกินมาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ บ้านบิ๊กป้อม ในร.1 รอ. อยู่เนืองๆ แต่ก็เป็นแบบปกปิดเป็นความลับเสียมากกว่า
เมนูอาหารหลากหลาย มีรายงานว่า มีทั้ง กุ้งแม่น้ำ หูฉลามตุ๋นหม้อดิน ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ผัดผักปวยเล้ง ตามด้วย แป๊ะก๊วย บัวลอยน้ำขิง และ กาแฟ ท้ายที่สุดปิดงานเลี้ยงช่วงสามทุ่มเศษ ด้วยเสียงตะโกน“ไชโยๆๆ”...
หลังจบงานเลี้ยง "พี่น้อง3 ป." เดินลงมาพร้อม แกนนำรัฐบาล ทั้งหมดต่างหัวเราะเฮฮา ชื่นมื่น ไม่รู้ว่าอาจจะเพราะกินมากไป หรือ อาหารอร่อยออกฤทธิ์ "ลุงตู่" ดูจะออกอาการ "พูดเยอะ"แถมยัง "แอ็กชั่นเยอะ" มากกว่าปกติ...
"ลุงตู่" เริ่มด้วยการเฉลย เสียงไชโย 3 ครั้ง ไม่ใช่ไชโยในเรื่องอะไร เพียงแต่ได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งหมดจึง "ไชโยเพื่อประเทศไทย"
...คิดว่า จากพรุ่งนี้ไปทุกอย่างจะราบรื่น แต่เราไปบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น ทุกคนจึงต้องมองว่าประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้อย่างไร วันนี้ทุกคนจึงได้มาคุยกันนายกฯ
"บางครั้งผมอาจจะพูดและพบกับเขาน้อยไปหน่อย ทำให้ไม่รู้ว่าตัวตนนายกฯ เป็นอย่างไรวันนี้ทุกคนและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ก็ได้มีการพูดคุยกัน"
จากนั้น"ลุงตู่" ที่ดูปลื้มปริ่มกับบรรยากาศได้เชิญ "พี่ป้อม"และ"พี่ป๊อก" มายืนข้างๆ แล้วประกาศเสียงดัง...
"นี่คือ 3 ป. มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่มี 3 ป. เราจะทำอะไรได้ 2 คนนี้คือลูกพี่ฉัน สอนฉันให้เป็นคนดี สอนฉันให้ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง จะทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ถ้าไม่มีพี่ ทั้ง 2 คน พี่ป๊อก และพี่ป้อม ฉันก็มีวันนี้ไม่ได้... ทุกอย่างไม่มีเพื่อตัวฉัน แต่เพื่อประเทศไทย เข้าใจหรือยัง ทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็ก พรรคน้อย ทั้งหมดจะเดินหน้าเพื่อประเทศไทย..."
งานเลี้ยงเลิกราไป... แต่คำถามไม่เลิกรา แน่นอนว่า ก่อนจะนัดกินข้าวกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ มีความคาดหวังจากผู้ชมว่า ภาพที่จะออกสื่อไป จะเป็นบรรยากาศของพรรคร่วมต่างๆได้พูดคุย และปรับความเข้าใจกัน พูดง่ายๆ ตามสคริปต์ที่วางไว้ก็ต้องมีภาพการประสานเสียง “รัฐบาลเป็นหนึ่งเดียว”
แต่ความยินดีปรีดาควรจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆได้แสดงออกมา กลับเป็นความปีติของ "3 ลุง" ที่ได้เปิดเกมการเมือง โชว์พาว ตอกย้ำอำนาจที่กุมอยู่ในมือ ที่คล้ายยังอยู่ใน"ยุคคสช." บริหารประเทศ
ภาพมันแปลความหมายได้ว่า "นักการเมือง" เหมือน "ลูกไก่ในกำมือ 3 ป." ...ภาพมันสื่อออกมาแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่า ลุงๆ จะรู้สึกหรือไม่
คำถามคือ ลุงๆ จะมาโชว์พาว และประกาศความรักกันฉันพี่น้องอะไรพร่ำเพรื่อ ไปเพื่ออะไร ?
บอกว่า มีวันนี้เพราะ "พี่ป้อม-พี่ป๊อก" แล้วประชาชนไปไหน ? คนเขาย่อมคิดกัน
ว่าไปด้วยความรัก และปรารถนาดีกับลุงๆ ปัญหาของรัฐบาลจริงๆ คือ ไม่รู้จริงๆว่าเสียงปริ่มน้ำของตัวเองมีกี่เสียงกันแน่ บางวันก็ดี บางวันก็หาย คุมไม่ได้มากกว่า ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ที่ควรชูขึ้นมา กลับจ่อมจมอยู่แค่ "พี่ป้อมกับพี่ป๊อก" หรือเปล่า ?
ออกมารูปนี้ ไม่แปลกที่เจ้ากรมข่าวลือจะกระพือข่าว "ลุงตู่" ขู่พรรคร่วมจะยุบสภาฯ จะอย่างนั้น จะอย่างนี้ หากสภาฯยังล่ม หรือแก้ปัญหาเรื่อง“เสียง”ไม่ได้ เพราะท่าทีที่ออกมาเหมือนเรียกพรรคการเมืองมา"ปรับทัศนคติ" มากกว่ามากินข้าวจับเข่าคุยกันแบบเปิดอก
เมื่อ 5 ปีก่อน ยุคคสช. ที่มี "3 ป." เป็นแกนหลักอย่างไร... เมื่อวันก่อนก็ยังประกาศออกทำนองเดียวกัน ... บอกโลกให้รู้ว่าจะผ่านไปกี่เดือน กี่ปี ใครจะมา “วิ่งไล่ลุง”แต่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก”ยังเหนียวแน่นในอำนาจแบบเต็มที่ ไม่มีเปลี่ยน... ไม่ใช่แค่ ตั้งพรรคพลังประชารัฐ มาดำเนินงานทางการเมืองเท่านั้น เบื้องหลังของรัฐบาลวันนี้ยังคงมี "3 พี่น้อง" ที่รักกันมากเหมือนเดิม... จะเอาเช่นนี้จริงหรือ ?
และไม่แปลกที่คนจะนึกถึงภาพหลอนในอดีต ที่ขนาดสื่อที่คลุกคลีในแวดวงทหารยังสะท้อนออกมาผ่านโซเชียลฯ ว่า“ทหารตั้งพรรคการเมือง ดูดส.ส. มาเป็นรัฐบาล เคยมีมาหลายยุคสมัยสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ปัจจัยแวดล้อมแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในยุค "พี่น้อง 3 ป." ที่มีตัวช่วยเยอะ แต่ถูกจับตามองต่อไปว่าจะใช้บทเรียนในอดีต ในการก้าวเดินบนถนนการเมืองอย่างไร ไม่ให้จบแบบซ้ำรอยนักรัฐประหารรุ่นพี่ๆ
ฮึกเหิมเกินไปไม่ใช่เรื่องดี ประเทศไม่ได้มีแค่ "3 ป." ไม่ใช่หรือ ?
งานนี้เพลียใจแทนลุงๆ จริงๆ !!!
** สภาฯไม่ล่มรอบ 3 รัฐบาลโหวตคว่ำญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44 ลงได้ งูเห่าโผล่ ... 4 ส.ส.ประชาธิปัตย์ โหวตสวน ไม่สนมติวิปรัฐบาล...ใครเป็นใครกันบ้างเชิญติดตาม
คอการเมืองยังคงให้ความสนใจ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีการพิจารณาญัตติด่วน เรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 หรือ "กมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ม.44" ซึ่งมีปัญหาค้างคามาจากการประชุมครั้งก่อน เนื่องจากฝ่ายค้านไม่พอใจที่รัฐบาลขอให้นับคะแนนใหม่ จึงพากันวอล์กเอาต์ ส่งผลให้องค์ประชุมไม่ครบ และทำให้สภาฯล่ม ไป 2 ครั้งติด
ดังนั้นการประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (4ธ.ค.) ไฮไลต์ จึงอยู่ที่ว่า จะเกิดเหตุสภาฯล่ม เป็นครั้งที่ 3 หรือไม่...ฝ่ายรัฐบาลจะโหวตคว่ำญัตติการตั้งกมธ.คณะนี้ได้หรือไม่ ...จะมี "งูเห่า" โผล่มาช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้รัฐบาลหรือเปล่า...และ 6 ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่เคยโหวตสวนมติวิปรัฐบาลในครั้งก่อน จะยังคงโหวตสวนอีกครั้งหรือไม่ ...
ขณะที่ในช่วงเช้าก่อนการประชุม "สุทิน คลังแสง" ประธานวิปฝ่ายค้าน ก็ออกมาปูดข่าวว่า รัฐบาล "แจกกล้วย" 20 ส.ส.ฝ่ายค้าน เป็นตัวเลขสูงถึง 8 หลัก แลกกับการเข้าแสดงตัวเพื่อให้ครบองค์ประชุม และร่วมโหวตไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล... แต่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวทันควัน
การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อ เวลา 13.00น. โดย "สุชาติ ตันเจริญ" รองประธานสภาฯคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยในช่วงแรก ก็เป็นเรื่องหารือของสมาชิก และ กระทู้ถามสดด้วยวาจา... ระหว่างนี้ วิปฝ่ายรัฐบาลก็เช็กเสียงส.ส.ว่ามาครบองค์ประชุม 250 เสียงแล้วหรือยัง เมื่อตรวจสอบจนมั่นใจว่าครบองค์ประชุมแล้ว ฝ่ายรัฐบาลจึงเสนอญัตติให้นับองค์ประชุม เพื่อทำการลงมติ ในญัตติ ตั้งกมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44 ที่ค้างคามาจากการประชุมครั้งก่อน ด้วยการขานชื่อ
ระหว่างนี้ ที่ประชุมก็มีการถกเถียงกัน ในประเด็นว่า เป็นการนับคะแนนใหม่ หรือ การลงคะแนนใหม่ กันแน่ เนื่องจากฝ่ายค้านไม่ต้องการให้มีการลงมติใหม่ และ ขอให้รัฐบาลถอนญัตติดังกล่าวออกไป... แต่ "วิรัช รัตนเศรษฐ" ประธานวิปรัฐบาล ยืนกราน ไม่ถอนญัตติ ทำให้ฝ่ายค้านไม่พอใจพากันวอล์กเอาต์
แต่ "สุชาติ ตันเจริญ" ก็ยังคงเดินหน้าประชุมต่อ โดยให้ ส.ส.แสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ท่ามกลางความวุ่นวาย และเสียงปรบมือประท้วงของฝ่ายค้านที่ออกันอยู่ในห้องประชุมบ้าง นอกห้องประชุมบ้าง ... ปรากฏว่ามี ส.ส.อยู่ในห้องประชุมและแสดงตน 259 คน "ครบองค์ประชุม" ... ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลส่งเสียเฮ ตบมือ แสดงความพอใจที่สภาฯ ไม่ล่ม จากนั้น จึงเป็นการลงมติ ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44 ด้วยการขานชื่อทีละคน
ระหว่างนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบว่า มี "ส.ส.ฝ่ายค้าน" คนใดบ้าง ที่แสดงตนเป็นองค์ประชุม... ปรากฏว่ามี 10 คน โดยมาจาก "พรรคเพื่อไทย" 3 คน ได้แก่ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี, น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี,นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. จาก"พรรคอนาคตใหม่" 2 คน คือ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี ,พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี , พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือ "พรรคลุงมิ่ง" 4 คน คือ นายภาสกร เงินเจริญกุล, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ , นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ,นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ซึ่งเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และจาก"พรรคประชาชาติ" 1 คน คือนายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี...
และเมื่อลงมติเสร็จเรียบร้อย ผลออกมาว่า... ไม่เห็นด้วยกับญัตติการตั้ง กมธ.คณะนี้ 244 เสียง เห็นด้วย 5 เสียง และงดออกเสียง 6 คน ...เป็นอันว่าญัตติตั้ง "กมธ.ศึกษาปัญหาการใช้ ม.44" เป็นอันตกไป...โดย 5 เสียงที่"เห็นด้วย"นั้นมาจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 4 เสียง คือ... นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนอีก 1 เสียง ที่มาจากฝ่ายค้านคือ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกพรรค ”บอยคอต” ไม่ร่วมสังฆกรรม
ส่วนที่งดออกเสียง 6 คน ก็มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ และนายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ
เป็นอันว่างาน "มีตติ้ง" แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในคืนก่อนลงมตินั้น ถือว่า"พี่น้อง 3 ป." ยังเอาอยู่ ... ส่วน 4 ส.ส.ปชป. ที่โหวตสวน ก็ปล่อยให้เป็น "การบ้าน" ของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแก้โจทย์กันต่อไป