ย่างเข้าเดือนสุดท้ายของปี 2562 ซึ่งคนเฝ้ามองสถานการณ์บ้านเมืองมองว่าจะเป็นประตูเปิดเข้าสู่สภาวะไม่แน่นอน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งถูกมองไม่เห็นสัญญาณว่าจะดีขึ้น
“เราจะทำตามสัญญา...” ตามเพลงเนื้อหากล่อมพวกมองโลกสวย บ้องตื้น ได้เป็นบทพิสูจน์ชัดแล้วว่าอะไรที่ประชาชนต้องการ หรือที่ควรจะได้นั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ต้องต่อรองสารพัด กว่าจะได้ แทบไม่อยากเรียกร้องให้อับอาย
ยุคนี้จะว่าคนไทยแทบสิ้นศักดิ์ศรีความเป็นพลเมืองของประเทศ ซึ่งควรได้รับการดูแล เอาใจใส่ ผู้กุมอำนาจรัฐออกประกาศพิเศษมากว่า 500 เรื่อง แต่ที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั้น กว่าจะได้ เลือดตาแทบกระเด็น
จังหวะก้าวย่างในการขับเคลื่อนโครงการ นโยบายต่างๆ ของผู้กุมอำนาจรัฐ มีแต่ข้อครหาว่าเอื้ออวยประโยชน์ต่อนายทุนใหญ่ ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้กุมอำนาจ เป็นระบบอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน มั่นคงกับการต่างตอบแทน
ประชาชนมีแต่รับเละอย่างเดียว จากนโยบายประชานิยมจมไม่ลง ถมไม่เต็ม ในด้านภาระภาษี เงินกู้ ซึ่งผู้กุมอำนาจเริงร่าเบิกบานใจ ก่อหนี้สินไม่หยุด เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองและพวกพ้องจะอยู่ในอำนาจอีกนาน ถ้าประชาชนยังยอมทนอยู่ได้
ทุกวันนี้แก้ตัวไม่ได้ หนีไม่รอดจากข้อกล่าวหาว่าไร้ประสิทธิภาพ ความรู้ ความสามารถในการบริหารบ้านเมือง เศรษฐกิจอยู่ในสภาพซบเซา ตายซาก มองไม่เห็นทางฟื้น มีแต่ใช้เงินอัดฉีดสารพัด ผลสุดท้ายเงินไปอยู่กับกลุ่มผลประโยชน์
แม้กระทั่งมาตรการช่วยเหลือเงินดาวน์ซื้อบ้านใหม่จำนวน 5 หมื่นบาทต่อราย ก็ถูกมองว่าเป็นการเอื้ออวยต่อเจ้าของโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยค้างอยู่ 270,000 หน่วย เป็นเงินมหาศาลจากการกู้ยืมธนาคาร ดอกเบี้ยเพิ่มทุกนาที คนไม่มีกำลังซื้อ
ถ้าผู้ประกอบการมีปัญหา หนี้ธนาคารต้องมีปัญหาเช่นกัน สภาพคล่อง เงินสำรอง และชาวบ้านทั่วไปไม่มีโอกาสได้ซื้อบ้านเพราะกู้ไม่ผ่าน การที่จะล่อให้คนยอมรับเงื่อนไขด้วย 5 หมื่นบาทไม่ได้หมายความว่าจะกู้เงินผ่านได้ในขั้นสุดท้าย
นี่เป็นอีกประเด็นซึ่งหน้าฉากอ้างว่าช่วยคนซื้อบ้านในสภาพเศรษฐกิจที่เงินหายาก คนเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง ตกงาน หางานใหม่ไม่ได้ จะค้าขายรายย่อยผู้บริโภคก็ไม่มีกำลังซื้อ คนชั้นกลางไม่อยากใช้จ่าย ไม่รู้ว่าอนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
คนติดตามข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ยอมรับ แต่ไม่กล้าพูดเสียงดังๆ ว่าตราบใดที่คณะ 3 ลุงยังคงกุมอำนาจอย่างนี้ บ้านเมืองไม่มีหนทางไปต่อได้ มีแต่ 3 ลุงอยู่ได้ แต่บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้เพราะไม่ช้าก็เร็ว สภาพจะเข้าตาร้ายทั้งภาคการเมือง สังคม
ความยโสโอหังลำพองในอำนาจ ทำให้ผู้กุมอำนาจยังย่ามใจว่ายังมีเวลาเริงร่าอีกนานด้วยนโยบายอัดฉีดประชานิยม ลดแลกแจกแถม ไม่ให้ชาวบ้านโวยวาย สลับด้วยการเมืองฉากน้ำเน่ากว่าละครลิง ให้นักเลือกตั้งซื้อเสียงแหกตาชุมชนบ้องตื้น
ทุกวันนี้มีเพียงชุมชนติ่ง หูด ตาปลา เนื้องอก ยังคงเป็นปลื้มกับลูกเล่นของคณะ 3 ลุง มีขบวนการสื่อเชียร์ เชลียร์ หลายหมู่เหล่า ผลัดกันอวยแบบไม่ต้องประหยัดพลังงาน อย่างไม่อายฟ้าดิน ทำกรมประชาสัมพันธ์แทบไม่มีงานทำ
ขบวนการเชลียร์รับบทกำจัดคราบสกปรกต่างๆ บนผิวท็อปบูต ได้อย่างเอี่ยมอ่อง เหนือความคาดหมาย แมลงวันเกาะยามใดต้องลื่นหกล้มหัวแตกนั่นเลย
สภาพที่เป็นอยู่ ได้สร้างความคลื่นเหียนอาเจียนให้ชาวบ้าน วิญญูชน ซึ่งได้เห็นอิทธิพลและอำนาจเงิน นอกจากจ้างผีให้โม่แป้งได้แล้ว ยังซื้อจิตวิญญาณไม่เหลือความเป็นคน นั่นเป็นเพราะทำแล้วรวย ช่วยไม่ได้จริงๆ ในยุคเศรษฐกิจเน่าสนิท
หลายเหตุการณ์ทับถม ทำให้ชาวบ้านรู้ชัดแล้วว่าจะพึ่งพาใครให้แก้สถานการณ์ไม่ได้ ความลำพองในอำนาจ ด้วยกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐค้ำจุน ทำให้ชาวบ้านสิ้นทางเลือก อยู่ในสภาวะจำยอม ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจากความลำบาก
ผู้ผยองอำนาจยังทวงบุญคุณไม่เลิกรา “ทำอยู่นะ พยายามแก้ไขอยู่ ไม่ได้เสวยสุขอย่างที่กล่าวหา” ภาพที่เห็นฟ้องชัดว่าไม่เดือดร้อนอะไร แม้กระทั่งความหวังว่าจะได้มีชีวิตแบบปลอดสารพิษเคมีเกษตรก็ยังไม่วายที่จะโดนผลประโยชน์ทุนกระทืบซ้ำ
“ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามขั้นตอน” แต่ละคำมีเรื่องห่วงใยผลประโยชน์ของพ่อค้า กระทรวงสาธารณสุขไร้ความหมาย เสียงคัดค้านสู้อำนาจเงินไม่ได้ ในแผ่นดินนี้ชาวบ้านได้ตระหนักแล้วว่าต่อให้มีอำนาจ ร่ำรวยอย่างไร ก็ยังไม่พ้นเป็นทาสน้ำเงิน
สภาพที่ดันทุรัง กุมอำนาจรัฐต่อไป หาทางใช้จ่ายเงินผ่านโครงการประชานิยมยื้อซื้อเวลาอย่างนี้ ไม่มีทางอื่นที่จะเป็นได้ นอกจากความเสื่อมทรุดของโครงสร้างบ้านเมือง รอวันที่หนี้สินพอกพูน และวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงอาจทำให้พังทั้งระบบ
ทุกวันนี้ไม่มีข้อมูล ความจริงจากองค์กรภาครัฐ ต่างเกรงกลัวข่าวร้ายจะทำให้ผู้มีอำนาจโกรธ เพราะมีความเสี่ยงที่ชาวบ้านทนลำบากอีกต่อไปไม่ไหว เอาอย่างคนในประเทศอื่นที่ลุกฮือขับไล่พวกกังฉินสูบเลือดเนื้อประชาชน ปล้นทรัพย์สินแผ่นดิน
กว่า 5 ปี ชาวบ้านได้ทนกับความอัปลักษณ์ พฤติกรรมอัปยศ หลายเรื่องจากความผยองอำนาจ การทุจริต คอร์รัปชันคำโต การไร้วินัยการเงินการคลัง ความไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับทุกข์ของชาวบ้าน และการกระทำ นโยบายที่ถูกมองว่า “ขายชาติ”
นอกจากปาหี่สารพิษเคมีเกษตร ชาวบ้านรอดูว่าเรื่องที่ดินเล้าไก่ของอดีตนางงามจะลงเอยอย่างไร ถ้ามีสองมาตรฐาน บิดเบี้ยว จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายหรือไม่!