ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จับตาคดีฟอกเงินกรุงไทยนัดพิพากษาจันทร์ 25 พ.ย.นี้ “โอ๊ค-พานทองแท้”อยู่หรือไป แต่ตอนนี้เงียบกริบ ไม่มีคนพบเห็นไม่เคลื่อนไหวมานาน หรือจะซ้ำรอยเดิม ต้องตะโกนหา Where are you?ต่อจาก พ่อ-และอาปู
ช่วงนี้มีคดีใหญ่ๆ ของคนดังๆ เข้าสู่ “นัดชี้ชะตา”ติดๆกัน หนึ่งในนั้นคือ"คดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย" ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "โอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน
วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ เป็นคิว"โอ๊ค"นัดฟังคำพิพากษา... จับตากันให้ดีๆว่างานนี้พานทองแท้จะปรากฏตัวหรือไม่? แว่วว่า ระหว่างนี้ไม่มีใครพบเห็น"โอ๊ค" มาพักใหญ่ๆ แล้ว ความเคลื่อนไหวต่างๆ เงียบกริบผิดปกติ ส่องไปตามโซเชียลฯต่างๆ ก็หายเข้ากลีบเมฆมานานกว่าเดือนแล้ว
ถ้าจำกันได้วันนัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายเสร็จวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา "โอ๊ค" มายืนให้สัมภาษณ์สื่อแบบคนตื่นเต้นเป็นพิเศษจนชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตบุคลิกภาพของ “โอ๊ค”แปลกๆ หรือ กำลังป่วยอยู่มั้ย ?
คลิปโอ๊คแสดงท่าทางพูดจาแปลกๆวันนั้น กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครสนใจคำพูดของโอ๊คที่ว่า หลังจากเสร็จขึ้นศาลจะไปทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล และจะกลับมาฟังคำตัดสินอีกครั้งในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเดินทางมาฟังคำตัดสินด้วยตนเอง
เรียกว่า โอ๊คยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน !!
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี วันจันทร์ที่จะถึงนี้แน่นอนว่าย่อมต้องมีสื่อให้ความสนใจล้นหลาม ขณะที่"กองเชียร์โอ๊ค" ก็คงถือกุหลาบแดงมารอด้วยใจระทึกอย่างไม่ต้องสงสัย
ดูทรงตรงนี้แล้วโอกาสที่จะเห็น "โอ๊ค" ว่าจะมาหรือไม่ มีเหตุปัจจัยที่เป็นไฟต์บังคับให้"โอ๊ค" เลือกไม่มาก หากประเมินทิศทางลมไม่สู้ดี และมีตัวอย่างที่ "พ่อ"ทักษิณ และ "อาปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรุย“ช่องทางธรรมชาติ”ไว้จะเดินทางก็ต้องเดินทางในช่วงนี้ หลังจากคำตัดสินออกมาโอกาสก็จะปิดสนิท...
ต้องไม่ลืมว่าคดีนี้ "โอ๊ค" ไม่ได้ตกเป็นจำเลยคนเดียว ยังมี วันชัยและกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขาฯส่วนตัว "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร " มารดาพานทองแท้ ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษด้วย แต่ ทั้งวันชัย และกาญจนาภา ถูกศาลออกหมายจับเพราะไม่มาศาลตามกำหนดนัด และมีพฤติการณ์หลบหนี
ทีนี้ก็เหลือแต่ลูกโอ๊คคนเดียว...จะอยู่หรือไป
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือนก.ค.60 "พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล" เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ขณะนั้น) ได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร ภายหลังศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก อดีตกรรมการผู้บริหารธนาคารกรุงไทย อดีตเจ้าหน้าที่สินเชื่อ และกลุ่มกฤษดามหานคร จำนวนหลายราย ในช่วง ก.ค.60
ต่อมา วันที่ 13 ก.ย.60 "พล.ต.อ.ชัยยะ" ได้มอบหมายให้ "สุนทรา พลไตร" ผู้อำนวยการส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ พานทองแท้ , วันชัย และ กาญจนาภา หงษ์เหิน จากการสั่งจ่ายเช็คจาก"วิชัย กฤษกาธานนท์" ผู้ต้องหาคดีทุจริตปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยจำนวนเงิน 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท ต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม
"พ.ต.อ.ไพศิฐวงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนฯ และได้มอบหมายให้ "พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร" รองอธิบดีฯ ร่วมกับพนักงานอัยการสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก จนคณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้อง พานทองแท้ ,วันชัย และ กาญจนาภา ต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด จนกระทั่งวันที่ 10 ต.ค.61 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง"พานทองแท้" ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 จากกรณีร่วมรับโอนเงินเป็นเช็ค จำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชี ซึ่งเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทย กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร โดยศาลฯได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.245/2561
ว่ากันว่า พฤติการณ์ของ"โอ๊ค" มีพิรุธ 3 ข้อ ทั้งรับ-โอน โยกย้ายหลายบัญชี-ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แถมได้เงินหลัง“เจ้าสัววิชัย”ได้เงินกู้กรุงไทยไปแล้ว ขณะที่การต่อสู้ของ "โอ๊ค" ที่ผ่านมา พยายามพลิกเกมยื่นคำให้การใหม่โดยอ้างว่า เงิน 10 ล้าน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” แค่ร่วมลงทุนจิ๊บๆ
ย้ำกันอีกที 25 พ.ย.นี้ นัดฟังคำพิพากษา
โปรดติดตามอย่ากะพริบตา งานนี้จะต้องตะโกนเรียกหา“โอ๊ค”Where are you ? เหมือนกรณีพ่อและอาปู อีกหรือไม่.
** "หมอวรงค์" ลาออกจากประชาธิปัตย์ เตรียมเข้าสังกัด "พรรคลุงกำนัน" งานนี้เก้าอี้หัวหน้าพรรคของ "หม่อมเต่า" อาจถึงคราวต้องเปลี่ยนมือตามไปด้วย
หลังจากพ่ายแพ้ให้แก่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และการเลือกตั้งครั้งล่าสุดก็ยังกลายเป็น "ส.ส.สอบตก" ทำให้ "หมอวรงค์" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม "มือปราบจำนำข้าว" ต้องทำตัวโลว์โปรไฟล์ ห่างหายจากหน้าสื่อฯ ไปพักใหญ่
ล่าสุด...กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ"หมอวรงค์" ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กว่าได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว โดยไปยื่นใบลาออก เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา และจะนัดแถลงข่าวเปิดใจ ถึงเหตุผลที่ลาออก และอนาคตทางการเมืองจะไปทางไหน ในวันที่ 23 พ.ย.นี้
หากย้อนกลับไปดูเส้นทางการเมืองของ "หมอวรงค์" ก็จะพบว่า เขาไม่ได้เป็น "ลูกหม้อ" ประชาธิปัตย์ ร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว เพราะเริ่มต้นการเมืองกับพรรคไทยรักไทย ของ "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อมาเมื่อทักษิณ สั่งเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขาก็ลาออกเมื่อ 2547 แล้วมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 48 ปี 50 และ ปี 54 ...
บทบาทของ "หมอวรงค์" มาโดดเด่นก็ในยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่เขาตรวจสอบ แฉข้อมูลเครือข่ายการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแบบเกาะติด จนสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก ขนาดตัว "ยิ่งลักษณ์" เองยังต้องเผ่นออกนอกประเทศ
และด้วยผลงานที่ติดตาประชาชนนี้เอง เขาจึงได้รับการโปรโมตจาก "ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ - ถาวร เสนเนียม และส.ส.ภาคใต้ ส่วนหนึ่งที่อยู่ในสาย"กปปส." ให้ขึ้นชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จาก "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เพื่อนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งล่าสุด ...ผลคือ "หมอวรงค์" พ่ายแพ้แบบมีลุ้น ไม่ถึงกับขาดลอย...
เมื่อ "หมอวรงค์" ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงคาดหมายได้ว่า เขาจะต้องไปเข้าสังกัด "พรรคลุงกำนัน" ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ขณะนี้มี "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน นั่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่... ซึ่ง "หม่อมเต่า" ยังบอกว่า ก่อนที่ "หมอวรงค์" จะลาออกจากพรรค ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะไปไหน ยอมรับว่ามีการพูดคุยก่อนหน้านี้ ส่วนจะมีคนอื่นเข้ามาเพิ่มอีกหรือไม่นั้นไม่ทราบ ...แต่ในฐานะที่เป็น ส.ส.เก่า หากมาก็คงต้องมีทีมงานมาด้วย เพราะเป็นคนที่มีเครือข่าย...
ขณะที่ "เทพไท เสนพงศ์" ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ใน "สายอภิสิทธิ์" บอกรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่า "หมอวรงค์" จะลาออกจากพรรค ไปสังกัดพรรคการเมืองบางพรรค ที่ต้องการจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรค เพื่อให้ "หมอวรงค์" เป็นแทน...แถมยังอวยส่งท้ายไปอีกว่า "หมอวรงค์" เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะไปอยู่พรรคไหนก็สามารถเป็นผู้นำพรรคได้...
ตีความได้ว่า”หมอวรงค์”ออกจากประชาธิปัตย์ เพื่อไปเป็นหัวหน้าพรรคลุงกำนัน !!
การเลือกตั้งที่ผ่านมา "พรรคลุงกำนัน" ที่มี "หม่อมเต่า" นั่งหัวหน้าพรรค ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก มีส.ส.5 คน เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4 คน มีส.ส.เขต แค่คนเดียว... ดังนั้น หากจะสร้างพรรคให้มีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ก็ต้องปรับปรุงกันขนานใหญ่
และอันดับแรกก็คือ เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก "หม่อมเต่า" มาเป็น "หมอวรงค์"...ซึ่งการเปลี่ยนหัวหน้า สำหรับพรรคนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ "ลุงกำนัน" ชี้นิ้ว เป็นอันจบ !!
---------
รูป- "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร - พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล
- นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม - สุเทพ เทือกสุบรรณ
**จับตาคดีฟอกเงินกรุงไทยนัดพิพากษาจันทร์ 25 พ.ย.นี้ “โอ๊ค-พานทองแท้”อยู่หรือไป แต่ตอนนี้เงียบกริบ ไม่มีคนพบเห็นไม่เคลื่อนไหวมานาน หรือจะซ้ำรอยเดิม ต้องตะโกนหา Where are you?ต่อจาก พ่อ-และอาปู
ช่วงนี้มีคดีใหญ่ๆ ของคนดังๆ เข้าสู่ “นัดชี้ชะตา”ติดๆกัน หนึ่งในนั้นคือ"คดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย" ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "โอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน
วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ เป็นคิว"โอ๊ค"นัดฟังคำพิพากษา... จับตากันให้ดีๆว่างานนี้พานทองแท้จะปรากฏตัวหรือไม่? แว่วว่า ระหว่างนี้ไม่มีใครพบเห็น"โอ๊ค" มาพักใหญ่ๆ แล้ว ความเคลื่อนไหวต่างๆ เงียบกริบผิดปกติ ส่องไปตามโซเชียลฯต่างๆ ก็หายเข้ากลีบเมฆมานานกว่าเดือนแล้ว
ถ้าจำกันได้วันนัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายเสร็จวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา "โอ๊ค" มายืนให้สัมภาษณ์สื่อแบบคนตื่นเต้นเป็นพิเศษจนชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตบุคลิกภาพของ “โอ๊ค”แปลกๆ หรือ กำลังป่วยอยู่มั้ย ?
คลิปโอ๊คแสดงท่าทางพูดจาแปลกๆวันนั้น กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครสนใจคำพูดของโอ๊คที่ว่า หลังจากเสร็จขึ้นศาลจะไปทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล และจะกลับมาฟังคำตัดสินอีกครั้งในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเดินทางมาฟังคำตัดสินด้วยตนเอง
เรียกว่า โอ๊คยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน !!
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี วันจันทร์ที่จะถึงนี้แน่นอนว่าย่อมต้องมีสื่อให้ความสนใจล้นหลาม ขณะที่"กองเชียร์โอ๊ค" ก็คงถือกุหลาบแดงมารอด้วยใจระทึกอย่างไม่ต้องสงสัย
ดูทรงตรงนี้แล้วโอกาสที่จะเห็น "โอ๊ค" ว่าจะมาหรือไม่ มีเหตุปัจจัยที่เป็นไฟต์บังคับให้"โอ๊ค" เลือกไม่มาก หากประเมินทิศทางลมไม่สู้ดี และมีตัวอย่างที่ "พ่อ"ทักษิณ และ "อาปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรุย“ช่องทางธรรมชาติ”ไว้จะเดินทางก็ต้องเดินทางในช่วงนี้ หลังจากคำตัดสินออกมาโอกาสก็จะปิดสนิท...
ต้องไม่ลืมว่าคดีนี้ "โอ๊ค" ไม่ได้ตกเป็นจำเลยคนเดียว ยังมี วันชัยและกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขาฯส่วนตัว "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร " มารดาพานทองแท้ ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษด้วย แต่ ทั้งวันชัย และกาญจนาภา ถูกศาลออกหมายจับเพราะไม่มาศาลตามกำหนดนัด และมีพฤติการณ์หลบหนี
ทีนี้ก็เหลือแต่ลูกโอ๊คคนเดียว...จะอยู่หรือไป
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือนก.ค.60 "พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล" เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ขณะนั้น) ได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร ภายหลังศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก อดีตกรรมการผู้บริหารธนาคารกรุงไทย อดีตเจ้าหน้าที่สินเชื่อ และกลุ่มกฤษดามหานคร จำนวนหลายราย ในช่วง ก.ค.60
ต่อมา วันที่ 13 ก.ย.60 "พล.ต.อ.ชัยยะ" ได้มอบหมายให้ "สุนทรา พลไตร" ผู้อำนวยการส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ พานทองแท้ , วันชัย และ กาญจนาภา หงษ์เหิน จากการสั่งจ่ายเช็คจาก"วิชัย กฤษกาธานนท์" ผู้ต้องหาคดีทุจริตปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยจำนวนเงิน 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท ต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม
"พ.ต.อ.ไพศิฐวงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนฯ และได้มอบหมายให้ "พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร" รองอธิบดีฯ ร่วมกับพนักงานอัยการสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก จนคณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้อง พานทองแท้ ,วันชัย และ กาญจนาภา ต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด จนกระทั่งวันที่ 10 ต.ค.61 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง"พานทองแท้" ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 จากกรณีร่วมรับโอนเงินเป็นเช็ค จำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชี ซึ่งเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทย กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร โดยศาลฯได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.245/2561
ว่ากันว่า พฤติการณ์ของ"โอ๊ค" มีพิรุธ 3 ข้อ ทั้งรับ-โอน โยกย้ายหลายบัญชี-ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แถมได้เงินหลัง“เจ้าสัววิชัย”ได้เงินกู้กรุงไทยไปแล้ว ขณะที่การต่อสู้ของ "โอ๊ค" ที่ผ่านมา พยายามพลิกเกมยื่นคำให้การใหม่โดยอ้างว่า เงิน 10 ล้าน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” แค่ร่วมลงทุนจิ๊บๆ
ย้ำกันอีกที 25 พ.ย.นี้ นัดฟังคำพิพากษา
โปรดติดตามอย่ากะพริบตา งานนี้จะต้องตะโกนเรียกหา“โอ๊ค”Where are you ? เหมือนกรณีพ่อและอาปู อีกหรือไม่.
** "หมอวรงค์" ลาออกจากประชาธิปัตย์ เตรียมเข้าสังกัด "พรรคลุงกำนัน" งานนี้เก้าอี้หัวหน้าพรรคของ "หม่อมเต่า" อาจถึงคราวต้องเปลี่ยนมือตามไปด้วย
หลังจากพ่ายแพ้ให้แก่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และการเลือกตั้งครั้งล่าสุดก็ยังกลายเป็น "ส.ส.สอบตก" ทำให้ "หมอวรงค์" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม "มือปราบจำนำข้าว" ต้องทำตัวโลว์โปรไฟล์ ห่างหายจากหน้าสื่อฯ ไปพักใหญ่
ล่าสุด...กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ"หมอวรงค์" ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กว่าได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว โดยไปยื่นใบลาออก เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา และจะนัดแถลงข่าวเปิดใจ ถึงเหตุผลที่ลาออก และอนาคตทางการเมืองจะไปทางไหน ในวันที่ 23 พ.ย.นี้
หากย้อนกลับไปดูเส้นทางการเมืองของ "หมอวรงค์" ก็จะพบว่า เขาไม่ได้เป็น "ลูกหม้อ" ประชาธิปัตย์ ร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว เพราะเริ่มต้นการเมืองกับพรรคไทยรักไทย ของ "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อมาเมื่อทักษิณ สั่งเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขาก็ลาออกเมื่อ 2547 แล้วมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 48 ปี 50 และ ปี 54 ...
บทบาทของ "หมอวรงค์" มาโดดเด่นก็ในยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่เขาตรวจสอบ แฉข้อมูลเครือข่ายการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแบบเกาะติด จนสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก ขนาดตัว "ยิ่งลักษณ์" เองยังต้องเผ่นออกนอกประเทศ
และด้วยผลงานที่ติดตาประชาชนนี้เอง เขาจึงได้รับการโปรโมตจาก "ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ - ถาวร เสนเนียม และส.ส.ภาคใต้ ส่วนหนึ่งที่อยู่ในสาย"กปปส." ให้ขึ้นชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จาก "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เพื่อนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งล่าสุด ...ผลคือ "หมอวรงค์" พ่ายแพ้แบบมีลุ้น ไม่ถึงกับขาดลอย...
เมื่อ "หมอวรงค์" ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงคาดหมายได้ว่า เขาจะต้องไปเข้าสังกัด "พรรคลุงกำนัน" ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ขณะนี้มี "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน นั่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่... ซึ่ง "หม่อมเต่า" ยังบอกว่า ก่อนที่ "หมอวรงค์" จะลาออกจากพรรค ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะไปไหน ยอมรับว่ามีการพูดคุยก่อนหน้านี้ ส่วนจะมีคนอื่นเข้ามาเพิ่มอีกหรือไม่นั้นไม่ทราบ ...แต่ในฐานะที่เป็น ส.ส.เก่า หากมาก็คงต้องมีทีมงานมาด้วย เพราะเป็นคนที่มีเครือข่าย...
ขณะที่ "เทพไท เสนพงศ์" ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ใน "สายอภิสิทธิ์" บอกรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่า "หมอวรงค์" จะลาออกจากพรรค ไปสังกัดพรรคการเมืองบางพรรค ที่ต้องการจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรค เพื่อให้ "หมอวรงค์" เป็นแทน...แถมยังอวยส่งท้ายไปอีกว่า "หมอวรงค์" เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะไปอยู่พรรคไหนก็สามารถเป็นผู้นำพรรคได้...
ตีความได้ว่า”หมอวรงค์”ออกจากประชาธิปัตย์ เพื่อไปเป็นหัวหน้าพรรคลุงกำนัน !!
การเลือกตั้งที่ผ่านมา "พรรคลุงกำนัน" ที่มี "หม่อมเต่า" นั่งหัวหน้าพรรค ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก มีส.ส.5 คน เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4 คน มีส.ส.เขต แค่คนเดียว... ดังนั้น หากจะสร้างพรรคให้มีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ก็ต้องปรับปรุงกันขนานใหญ่
และอันดับแรกก็คือ เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก "หม่อมเต่า" มาเป็น "หมอวรงค์"...ซึ่งการเปลี่ยนหัวหน้า สำหรับพรรคนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ "ลุงกำนัน" ชี้นิ้ว เป็นอันจบ !!
---------
รูป- "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร - พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล
- นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม - สุเทพ เทือกสุบรรณ