xs
xsm
sm
md
lg

สำนวนไม่แข็งแรง!? “ดีเอสไอ” โยนเผือกร้อน “คดีโอ๊ค กรุงไทย”ให้ “อัยการ” **ใบสั่งล้างไพ่ กกพ.!? “คนเก่า” ตกลงกันไม่ได้ มีหวังได้ตกงานกันทั้งคณะ “คนใหม่” **ซุกปีกนักการเมือง!! “ตำรวจระนอง” บ้อท่า ปล่อย “มือปืนสุดกร่าง”ลอยนวล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** สำนวนไม่แข็งแรง!? “ดีเอสไอ” โยนเผือกร้อน “คดีโอ๊ค กรุงไทย”ให้ “อัยการ” เหตุ “ไพสิฐ” เร่งสร้างผลงานเซฟเก้าอี้ ที่ “บิ๊กตำรวจคนดัง” จ้องตาเป็นมัน ลือกระหึ่ม “สำนวนหลวมโพรก”อาจต้องตีกลับไปให้ “ดีเอสไอ”ขันนอตใหม่ แบบยังต้องลุ้นกันเหนื่อย ก่อนหมดอายุความอีกแค่ 5 เดือน
พานทองแท้ ชินวัตร  และ  พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง
เรื่อยๆมาเรียงๆ .. “คดีฟอกเงิน”จากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้แก่เครือกฤษดามหานคร ที่มี “ลูกโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย “บิ๊กบอส” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคุก เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ .. สอบสวนมานานนับสิบปี ก่อนมาเป็น “คดีพิเศษ”ที่ค้างเติ่งอยู่ในชั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่นานสองนาน .. ล่าสุด “บอร์ดคดีพิเศษ”เพิ่งมีมติ “สมควรส่งฟ้อง”เมื่อวันก่อน ในขณะที่คดีใกล้จะหมดอายุความ 15 ปี ช่วงสิ้นปีนี้อยู่รอมร่อ .. ข่าวว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ที่ต้องเป็นคนเซ็นต์ส่งสำนวนให้ทาง “อัยการ”ก็ดันออกอาการ “ยึกยัก” เสียอีก .. นัดแนะในตอนแรกว่า จะขอลงนามหนังสือส่งให้ “อัยการ”ช่วงสิ้นเดือนนี้ แต่เผอิญข่าวมติบอร์ดคดีพิเศษรั่วออกมา .. ผนวกกับได้สัญญาณ “เล่นแ.....เลย” ออกมาจาก “ตึกไทยฯ” ทำเอา “อธิบดีไพสิฐ”ลนลานมาเซ็นต์หนังสือแทบไม่ทัน .. พร้อมสั่งการให้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ “คุมตัว” ทั้ง “พานทองแท้” พร้อมด้วย กาญจนาภา หงษ์เหิน เลขาฯส่วนตัว “หญิงอ้อ”คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เเละ วันชัย หงส์เหิน สามีของกาญจนาภา ที่เป็นผู้ต้องหาร่วม ส่งให้พนักอัยการคดีพิเศษพร้อมสำนวน .. ทางพนักงานอัยการคดีพิเศษรับมอบตัวผู้ต้องหาและสำนวนไว้ และอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหานัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ..

จากนี้ทาง วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ก็ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนก่อนที่จะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป .. เท่ากับว่าตอนนี้ “เผือกร้อน”ที่ดีเอสไอ อุ้มไว้นาน ส่งต่อมาให้กับทางอัยการ ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 5 เดือน ก่อนคดีฟอกเงินจะหมดอายุความ .. ตั้งข้อสังเกตมาหลายหนแล้วว่า การดำเนินคดีกับ "นายโอ๊คอ๊าค" ดูจะ “ล่าช้าผิดปกติ" สอบสวนกันละเอียดเกินพอดี จนลือกันกระหึ่มว่าเป็นออปชั่นสำคัญใน “ดีลเกี้ยเซียะ” ของ “ฝ่ายอำนาจ”หรือไม่ .. ทีแรกก็พาลคิดไปว่า ดีเอสไอ จะกัดฟันอุ้มไว้จนหมดอายุความด้วยซ้ำ แต่ก็มีปัจจัยแทรกซ้อน เมื่อมีข่าวว่า “บิ๊กตำรวจคนดัง”กำลังสนใจจะข้ามห้วยมาเป็นอธิบดีกรมนี้ “ไพสิฐ” ก็เลยต้องเร่งปั้นผลงานผ่านคดีดัง .. ทีนี้ก็ต้องจับตาการพิจารณาของทาง “อัยการ” ว่าจะสั่งฟ้องตั้งแต่นัดแรก 5 ก.ย.นี้ ได้เลยหรือไม่ เพราะไม่ทันไรก็มีข่าวทำนอง “สำนวนหลวมโพรก”จนอาจต้องตีกลับไปให้ดีเอสไอขันนอต กลับมาใหม่ .. ถ้าเป็นไปตามข่าวลือที่ว่า ก็เป็นช่วงให้ยื้อยุดไปได้อีกพอสมควร โดยที่ ดีเอสไอ จะลากทางอัยการมาร่วมเป็น “จำเลยสังคม” ในข้อหา “ล้มมวย”ได้ .. ทั้งที่ความจริงสำนวนคดีนี้ ไม่น่าจะซับซ้อนอะไร เมื่อ “คดีใหญ่”ตัดสินจบไปเป็นชาติ ผู้เกี่ยวข้องระดับสูงหลายรายต้องเรียงแถวกันต้องคำพิพากษาไปจำคุกอยู่ในคุกนานแล้ว .. ในคำพิพากษาบางช่วง ยังพูดถึง "พานทองแท้" ว่าร่วมรับประโยชน์จากการปล่อยกู้ให้กับบริษัทลูกของ กฤษดามหานคร ไว้เสร็จสรรพ .. ว่ากันตามเนื้อผ้า ก็คงส่งฟ้องคดีกันได้ทันที ไม่ต้องรอจนนาทีสุดท้าย ส่งกันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ให้เป็นเรื่องขึ้นมาอีก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
** ใบสั่งล้างไพ่ กกพ.!? “คนเก่า” ตกลงกันไม่ได้ มีหวังได้ตกงานกันทั้งคณะ “คนใหม่” แต่งตั้งรอเสียบ “กวิน ทังสุพานิช”อดีตเลขาธิการ กกพ.ที่เคยถูก คสช.ปลดมีลุ้นรีเทิร์น เปิดปมปลด “เรกูเลเตอร์”ยกพวง เหตุหัก "มหาดไทย" ไม่เพิ่มโควตาซื้อไฟฟ้าพลังงานขยะ แถมอีกหน่อยมีอำนาจเต็ม “ตีตั๋ว”ตั้ง “โรงไฟฟ้า” โยงความเป็นไปของ “มหาเมกะโปรเจกต์โรงไฟฟ้าแสนล้าน” ที่ “เสือคลองหลอด”รอฟาดอยู่อีกด้วย

ยังชุลมุนไม่เลิก .. คิวที่ “รัฐบาล คสช.”ที่ออกหน้าโดย วิษณุ เครืองาม รองนายกฯด้านกฎหมาย เจรจาให้ "เรกูเลเตอร์" คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สมัครใจลาออก "บางราย" .. ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ที่เมื่อครบวาระ 3 ปี “บอร์ดเรกูเรเตอร์” ที่ตอนนี้มีกัน 6 คน ต้องจับสลากออกกึ่งหนึ่ง เพื่อเปิดทางให้บุคคลอื่นเข้ามาทำหน้าที่ ป้องกันการผูกขาด .. ตามกฎหมาย กกพ. มีทั้งหมด 7 ราย เป็นกรรมการ 6 และประธาน 1 แต่ชุดนี้ ไกรสีห์ กรรณสูต อายุครบ 70 หมดรอบไปเมื่อปลายปีก่อน .. และจริงๆ แล้ว กกพ.ชุดปัจจุบันก็อยู่ในเก้าอี้เกินกำหนดมาพอสมควร ดำรงวาระมาแล้ว 4 ปี หลังได้รับการแต่งตั้งมาโดย มาตรา 44 ตั้งแต่ช่วง คสช.เข้ามาใหม่ๆ .. พอถูกสะกิดให้ลาออก ก็เลยออกอาการ "หวงเก้าอี้" กันขึ้นมาเฉยๆ จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าหวยจะไปออกที่ใคร .. เดิมทีมีการเสนอให้ “จับสลาก”ตามที่กฎหมายระบุ แต่ก็เห็นว่าจากการพูดคุยกันภายใน กกพ. สรุปว่าจะไม่ใช้วิธีการนี้ .. แต่จะใช้วิธีให้ “ผู้อาวุโสสูงสุด”ลาออกแทน 3 คน โดยล็อกไปที่ผู้ที่จะอายุครบ 70 ปี ที่ต้องพ้นวาระตามกฎหมายกำหนด ..
ณอคุณ สิทธิพงศ์  และ  กวิน ทังสุพานิช
ตามข่าวระบุว่า “ดวงมณี โกมารทัต - วิไลพร ลิ่วเกษมศานต์” ที่อายุครบ 70 ปี ในปี 2562 น่าจะเป็นผู้ที่ไม่ได้ไปต่อ ตามมาด้วย ปัจฉิมา ธนสันติ ที่อาวุโสรองลงมา .. หากแต่ก็มีกระแสข่าวอีกว่า ทั้ง 3 รายชื่อที่เป็น “ฝ่ายหญิง”ทั้งหมด ไม่ใช่เป้าหมาย “ล้างไพ่”ของ “บิ๊กรัฐบาล”ไปซะอีก .. จนมีข่าวว่า อาจจะบีบให้ลาออกทั้ง 6 กรรมการ ส่งผลให้อีก 3 ราย ตั้งแต่ พรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธาน กกพ. และ “วัชระ คุณาวัฒนาวุฒิ - วีระพล จิรประดิษฐกุล”ต้อง “ตกงาน”กันทั้งคณะ .. ในขณะที่ “คนเก่า” ยังดื้อดึงไม่ยอมออก ก็มีข่าวว่า “คนใหม่”แต่งตัวรอมาเสียบกันแล้ว ที่ถูกวางตัวไว้แน่ๆ 2 ราย .. หนึ่งคือ ณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ส่วนอีกราย กวิน ทังสุพานิช อดีตเลขาธิการ กกพ. รายหลังนี่แปลกอยู่หน่อย ตรงที่โดนปลดจากตำแหน่งเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ด้วยคำสั่ง คสช. .. ตั้งข้อสังเกตไว้นิดถึงความพยายาม “ล้างไพ่”บอร์ด กกพ. ที่แม้เป็นไปตาม “วาระ”ที่กฎหมายกำหนดก็จริง แต่ก็ดูเบาไม่ได้ว่า มี “ใบสั่ง” ซ่อนเร้นนัยบางประการ .. ไม่ว่าจะเรื่องโควตาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ที่ กกพ.ชุดนี้ยืนกรานไม่สามารถเพิ่มได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทย พยายามเสนอขอเพิ่มอีก 400 เมกกะวัตต์ .. ทำเอา “มท.ป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เจ้ากระทรวงขุ่นเคืองไม่น้อย .. ข่าวว่า ดีไม่ดีอาจกระทบไปถึงเก้าอี้ รมว.พลังงาน ของ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ อีกต่างหาก .. แล้วยังรวมไปถึงอำนาจในอนาคตของ กกพ. กับการแก้ไขหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้ง “โรงไฟฟ้า” ..จากเดิมที่ต้องขอ “ตั๋ว” ใบอนุญาตจากหลายหน่วยงาน มารวมศูนย์ขออนุญาตที่ กกพ.ที่เดียว .. ประการหลังเกี่ยวเนื่องกับ “มหาเมกะโปรเจกต์โรงไฟฟ้าแสนล้าน” ที่ “เสือคลองหลอด” รอฟาดอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

** ซุกปีกนักการเมือง!! “ตำรวจระนอง” บ้อท่า ปล่อย “มือปืนสุดกร่าง”ลอยนวล ทั้งที่ด่านตรวจเกลื่อนจังหวัด เผยประวัติมือปืนสุดอุกฉกรรจ์ วนเวียนหากินอยู่ในแวดวงหมัดมวย หลังก่อเหตุหลบไปอยู่กับ “นักการเมืองท้องถิ่น”ที่อยู่ในแวดวงหมัดมวย ผูกเสี่ยวกันส่งนักชกเดินสายในพื้นที่ภาคใต้
ภูมิพรรดิ์ ชาติประนอมไชย  และ  เกรียงศักดิ์ ถิรไชย
โหดเหี้ยมเกินมนุษย์ .. กรณี กลุ่มนักมวยค่ายดังเมืองพัทยา ชักปืนจ่อยิงเจาะกะโหลก “แจ๊ค สะพานยูง”เทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง จนเสียชีวิตหน้าผับแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองระนอง ก่อนจะหลบหนีไป .. เรื่องของเรื่องมาจากกลุ่มนักมวยเมาแล้วเปิดเพลงดัง และโชว์ความกร่าง กระทบกระทั่งกับกลุ่มนักเที่ยว ก่อนก่อเหตุสลดดังกล่าว คราวซวยตกที่ “นายแจ๊ค”เป็นพลเมืองดีเข้าไปห้ามปราม .. ต่อมาตำรวจสืบทราบชื่อผู้ก่อเหตุ ออกหมายจับ 2 ราย คือ ภูมิพรรดิ์ ชาติประนอมไชย อายุ 48 ปี อดีตเทรนเนอร์ค่ายมวย ที่เป็นผู้ลั่นไก และ เกรียงศักดิ์ ถิรไชย อายุ 35 ปี คนที่ชักปืนขึ้นมาขู่ .. น่าเหลือเชื่อว่าเหตุการณ์อุกอาจขนาดนี้ แต่ล่วงเลยมากว่า 3 วันเต็มแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนอง ก็ยังตามจับกุมผู้ก่อเหตุไม่ได้ .. ที่สำคัญทั้งคู่เป็น “บุคคลอันตราย”ประวัติไม่ธรรมดา ก่อเหตุท้าทายกฎหมายไปทั่ว มีหมายจับติดตัวอยู่แล้ว .. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่ ถึงการทำหน้าที่ของตำรวจ ที่ปล่อยคนร้ายหลุดรอดหนีออกนอกพื้นที่ไปได้ ทั้งที่ จ.ระนอง ที่เป็น “จังหวัดชายแดน”มีด่านตรวจถึง 3 ด่าน ทั้งขาเข้าขาออกจังหวัด .. ถึงขนาดที่ “พ่อผู้ตาย”ออกมาตัดพ้อ ทำใจแล้วว่าลูกอาจตายฟรี .. ข่าวล่าสุด ระบุว่า คนร้าย หนีข้ามจังหวัดไปแล้ว โดยมีรายงานจากทางตำรวจว่า สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ของ 1 ใน 2 ได้ที่ จ.พังงา .. แต่กระแสข่าวอีกด้านก็ระบุว่า อาจเป็นการ “สับขาหลอก”แล้วหนีไปซุกปีก “นักการเมืองท้องถิ่น”ในพื้นที่นั่นแหละ .. ด้วย “มือปืนสุดกร่าง” ที่มีประวัติอุกฉกรรจ์ วนเวียนหากินอยู่ในแวดวงหมัดมวย พานักชกมาเดินสายในย่านนี้เป็นประจำ .. ผูกเสี่ยวอยู่กับ “นักการเมืองท้องถิ่น”ที่อยู่ในแวดวงหมัดมวย ส่งนักชกตระเวนเดินสายในพื้นที่ภาคใต้ .. เรื่องแค่นี้ ตำรวจในพื้นที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น