ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เหมือนจะไม่ได้ไปต่อ!! “บิ๊กป๊อก”ใส่เกียร์ห้า เร่งปิดจ๊อบ “โปรเจกต์ขยะแสนล้าน”ยืมมือ-ยืมปาก “บิ๊กตู่”ไล่บี้พวกเกียร์ว่าง พาลไปฟาด กกพ.ที่ “ดื้อแพ่ง”ไม่รับลูกเพิ่มโควตาซื้อไฟฟ้าขยะตามรีเควส ส่วน “บิ๊กตู่”ก้มหน้าปกป้องพี่ชาย อ้างใช้ มาตรา 44 ปลดล็อกผังเมืองแก้ปัญหาขยะ แต่ไม่ยักจะพูดที่ยกเว้น EIA ให้กิจการขยะ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องสุ่มเสี่ยงกับ “ปัญหาสุขอนามัย”
เลือกพูดไม่ถึงครึ่ง .. คำชี้แจงของ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เกี่ยวกับ “วาระแห่งชาติ”ว่าด้วย “การบริหารจัดการขยะ” ที่เต็มไปด้วย “ความไม่ชอบมาพากล” ..เหมือนพยายาม “ปัดสวะ” บอกว่า “มหาดไทย” เป็นแค่ระดับนโยบาย ส่วนการปฏิบัติเป็นเรื่องของ “ท้องถิ่น” .. ถามว่าแล้วถ้า “ท้องถิ่น” ดำเนินการไม่โปร่งใส อย่างโรงแยกขยะ 300 ล้าน ที่ใช้งานไม่ได้ ของ จ.เชียงราย “ส่วนกลาง” ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ .. ขณะที่ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง กางปีกปกป้อง “พี่ป๊อก” แบบ “แผ่นเสียงตกร่อง” ว่าการบริหารจัดการปัญหาขยะมูลฝอย มีความสำคัญ .. ใครๆ ก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญ แต่ก็น่าจะทำตามครรลอง ไม่ใช่งัด “อำนาจพิเศษ” ไล่ฉีกกฎหมายจนเละเทะอย่างที่ทำกัน .. แล้วยังเลือกพูดแค่เรื่องที่ใช้ มาตรา 44 ปลดล็อก “ผังเมือง” ไม่ยักจะพูดถึงประเด็นยกเว้นการทำ EIA ที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องสุ่มเสี่ยงกับ “ปัญหาสุขอนามัย” .. เช่นเดียวกับเรื่อง “ผลประโยชน์” ที่อ้างว่า “มหาดไทย” ไม่ได้เป็นคนอนุญาตให้สร้างโรงงาน-โรงไฟฟ้า แต่เป็นเรื่องของ “ท้องถิ่น” .. แล้ว “ท้องถิ่น” ภายใต้การกำกับของ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไม่ใช่หน่วยงานในสังกัด “มหาดไทย”หรืออย่างไร .. อีกทั้งงบประมาณบานตะไท นับ “แสนล้าน” ของ “เมกะโปรเจกต์ขยะ” ก็ซุกอยู่ใน “งบ อปท.-งบจังหวัด”ไม่ใช่หรือ .. ยังมี เรื่องร่ำลือ “หลังฉาก” ที่ว่ามี “ทายาทบิ๊ก คสช.” ทำตัวเป็น “นายด่าน” ตั้งโต๊ะเก็บ “ค่าน้ำชา” อย่างเป็นล่ำเป็นสันนั่นประไร ..
เป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะนี้ทุกความเคลื่อนไหวของ “รัฐบาล คสช.” ดูจะเกี่ยวเนื่องกับ "มหาเมกะโปรเจกต์ โรงไฟฟ้าแสนล้าน" แทบทั้งนั้น .. โดยเฉพาะ “ลุงตู่” ที่เหมือนมีคนจัดบท-จัดสคริปต์ หวังยืมมือ-ยืมปาก ของท่านผู้นำมาบูทให้โครงการในฝันขับเคลื่อนโดยเร็ว .. ตั้งแต่การออกข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่รวบรัดชัดเจนว่า "ให้เร่งจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรในทุกกลุ่มพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 7,852 แห่ง แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน .. หรือคิวล่าสุดที่ออกมาแอ่นอกปกป้อง “บิ๊กป๊อก”ว่าไม่มีนอกมีในอะไรกับโปรเจกต์ขยะที่เหม็นโฉ่ไปทั่ว .. กระทั่งคิวเขย่าเก้าอี้ "เรกูเลเตอร์" คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็อาจเข้าทำนอง “คนละเรื่องเดียวกัน”อย่างไม่น่าเชื่อ .. อันน่าจะมาจากการไม่รับไมตรี “มหาดไทย” ที่ขอให้ขยายโควตาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะอีก 400 เมกะวัตต์ แต่ กกพ. ชุดปัจจุบันตีตกแบบไม่ต้องคิด .. ก็ด้วยปริมาณไฟฟ้าสำรองในประเทศมีมากเกินพอ อีกทั้งยังไม่มีความจำเป็นต้องให้ภาครัฐไปแบกรับ “ค่า ADDER” ให้กับพลังงานทางเลือกโดยไม่จำเป็นอีก .. แล้วเมื่อย้อนไปก่อนหน้านี้ ที่จู่ๆ ศิริ จิระพงษ์พันธุ์ รมว.พลังงาน ประกาศนโยบายหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทอื่น อย่างน้อยๆ อีก 5 ปี “ยกเว้น” ไฟฟ้าจากขยะชุมชนเท่านั้น .. ระดับรัฐบาลเปิดหลุมรอรับไฟฟ้าพลังงานขยะขนาดนี้แล้ว แต่ กกพ.กลับ “ดื้อแพ่ง”ไม่รับลูก ไม่ยอมให้ “โควตาบวม” ตามรีเควส .. ไม่นานก็เป็น วิษณุ เครืองาม รองนายกฯกฎหมาย ออกโรงไปกดดันให้บอร์ดบางคนลาออก อ้างตาม “วาระ” ในกฎหมาย ที่ต้องจับสลากออกกึ่งหนึ่ง .. น่าแปลกไปอีกว่า พอ กกพ. แจ้งรายชื่อ “2 กรรมการ” ที่สมัครใจลาออก ก็มีข่าวออกมาจากทางรัฐบาลอีกว่า ไม่ค่อยตรงใจ .. อ่านไม่ยากว่า 2 รายนั้นคง ไม่ใช่เป้าหมาย "ล้างไพ่" ของ "บิ๊กรัฐบาล" จนมีข่าวว่า อาจชงให้มีการลาออกกันยกคณะให้สิ้นเรื่อง แล้วเปิดทางให้คนใหม่ที่พร้อมสนองนโยบายเข้ามาทำหน้าที่แทน .. สับเกียร์ห้า รีบกันหูตูบแบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะ “ใครบางคนแถวๆ คลองหลอด” จับสัญญาณได้ว่า ตัวเองอาจไม่ได้ไปต่อกับชาวคณะ ก็เลยต้องเร่ง “ปิดจ๊อบ”ให้จบในรัฐบาลนี้ ก่อนที่จะมีใครมาคาบไปรับประทาน กระมัง
** ของขวัญวันเกิด!! เบิร์ธเดย์ “ทักษิณ”ครบ 69 ปี ได้ “ข่าวดี” ลูกสาวคนเล็กเตรียมออกเรือน พ่วงของขวัญคอมโบใหญ่ ส่งตรงจากเมืองไทย หมายจับใบที่ 5 คดีหวยบนดิน พ่วง “ลูกโอ๊ค”คอพาดเขียง รออัยการเคาะสั่งฟ้องคดีฟอกเงินกรุงไทย ทำเอาปีนี้ไม่ได้ไปเป่าเค้กกับ “ป๊ะป๋า” หลายเสียงฟันธงอีกไม่นานคงตามรอยพ่อ-อา ชิ่งไปอยู่เมืองนอก แนะทางการไทยขอหมายอินเตอร์โพล เตรียมไว้เลย
จัดให้เป็นคอมโบ .. ครบรอบวันคล้ายวันเกิด 69 ปี ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคดี ทั้งที นอกจากจะได้ “ข่าวดี” ลูกสาวคนเล็ก “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร จะได้ฤกษ์ออกเรือนแล้ว .. ยังได้ “ของขวัญวันเกิด”ส่งต่อไปจากประเทศไทย ตามคิวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออก หมายจับใบที่ 5” ใน “คดีทุจริตหวยบนดิน” .. ตามมาด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัวลูกชายสุดท้าย “ลูกโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้ว พร้อมทีมงาน ไปส่งให้อัยการสั่งฟ้องใน “คดีฟอกเงิน”จากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย .. จากกรณีที่ “ธ.กรุงไทย” ปล่อยกู้ให้กลุ่มกฤษดามหานคร 9.9 พันล้านบาท ตามบัญชา “บิ๊กบอส” สมัย “รัฐบาลทักษิณ” .. แล้วดันมีเช็คเงินสดกระเด็นมาเข้าบัญชีของ "นายโอ๊ค" รวมทั้งคนสนิทของ “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร คุณแม่ของ “หนุ่มโอ๊ค” ด้วย .. นัดหมายกับดีเอสไอ ที่นำตัวไปส่งให้อัยการวันก่อน อาจเป็นเหตุให้ “ลูกโอ๊ค” ตกขบวน อดไปร่วมปาร์ตี้เป่าเค้กกับ “พ่อแม้ว” ที่มหานครลอนดอน ..
ส่วนรายของ “ทักษิณ” คงจะชาชินกับการถูกหมายจับที่จำได้ไม่หมดว่าคดีไหนเป็นคดีไหน แล้วก็หนีไปอยู่ต่างแดนนานแล้ว .. แต่รายของ “ลูกโอ๊ค” นี่สิ คงมีอาการเสียวสันหลังบ้าง แม้ปากกล้าว่าไม่ผิดๆ แต่ลึกๆ ต้องไม่ลืมว่า “คดีใหญ่” เขาตัดสินจนเข้าคุกไปหลายราย .. ในคำพิพากษาก็มีระบุชื่อ “พานทองแท้”ว่ารับประโยชน์จากกรณีที่ว่านี้ค่อนข้างชัดเจน แบบนี้ตามเนื้อผ้า ไม่น่ารอด .. แต่ความน่าสนใจของ คดีโอ๊ค คือห้วงเวลาก่อนหมดอายุความเหลืออีกเพียง 5 เดือน ไม่รู้ว่าจะมีอะไรพิลึกพิลั่นอย่าง “สำนวนที่ไม่ค่อยแข็ง” ทำให้คดีตกหล่นไปก่อนกาลหรือเปล่า .. ท่ามกลางความหวาดระแวงของทางฝั่ง “อัยการ” ที่รู้ตัวว่าต้องมาอุ้ม “เผือกร้อน” แทน “ดีเอสไอ” ที่อุ้มให้อยู่นานผิดปกติ จนเหลือเวลาพิจารณาคดีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น .. แต่หากเป็นไปตามที่คาด “คดีโอ๊คฟอกเงิน” คงได้ไปอยู่ในชั้นศาลก่อนที่สิ้นอายุความตามกฎหมาย .. ถึงวันนั้น ก็น่าสนใจอีกว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาล ก็เหมือนเอาขาแหย่เข้าคุกไปแล้วครึ่งก้าว ก็ต้องรอดูว่า “พานทองแท้” เจริญตามรอยพ่อ ตามรอยอา ชิ่งไปอยู่เมืองนอก จะได้ไม่พลาดฉลองวันเกิด “ป๋าแม้ว” เหมือนปีนี้ .. บางคนว่า แน่ยิ่งก่าแช่แป้ง แนะนำให้ทางการไทย ทำเรื่องขอ “หมายแดงอินเตอร์โพล”คอยท่าไว้เลยด้วยซ้ำ.
**เช้าชามเย็นชาม!! “ครู”รับกรรม “ลูกศิษย์เลว” เบี้ยวหนี้ เจอโซเชียลฯ กดดันแป๊บเดียว วิ่งโร่มาจ่ายหนี้แทบไม่ทัน จนมีคำถามถึงการติดตามทวงหนี้ของ “กยศ.” ที่เดินตามกรอบกฎหมาย จนความซวยมาตกกับ “คนค้ำ”มากกว่า “ลูกหนี้ตัวจริง”
สังคมขับเคลื่อนด้วยโซเชียล .. กรณี ครูวิภา บานเย็น อายุ 47 ปี ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งในกำแพงเพชร ได้ “ค้ำประกัน”เงินกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้ลูกศิษย์ชั้น ม. 4 และ ม. 5 จำนวน 60 คน ราวปี 2541-2542 .. ปรากฏว่า นักเรียน 20-30 คน ที่จบแล้ว ไม่ได้ใช้หนี้ กยศ. ยอดหนี้รวมกว่าล้านบาท ความซวยมาตกกับ “ครูวิภา” .. มีหมายศาลสั่งยึดบ้าน-ที่ดิน กลายเป็นดราม่า “ศิษย์ล้างครู”ฮือฮาไปทั้งประเทศ ก่อนที่จะมีการประสานกับทาง “กรมบังคับคดี” ระงับการยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราว .. จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของสังคมออนไลน์ เมื่อเพจดัง “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return” สืบเสาะและเปิดรายชื่อ ศิษย์ 8 ราย ที่เบี้ยวหนี้ กยศ. ทำให้ “ครูวิภา” กำลังจะถูกยึดทรัพย์ไม่นาน .. ปรากฏว่า “อดีตศิษย์” ประสานมาชดใช้หนี้สินกันแทบไม่ทัน มีบางรายที่ผ่อนผันขอชำระช่วงสิ้นเดือน .. แน่นอนว่า เรื่องที่เกิดย่อมต้อง “ประณาม” ความเสื่อมทรุด ไร้คุณธรรม-จริยธรรมของบรรดา “ศิษย์เลวๆ” เหล่านั้น .. แต่เมื่อกระแสกดดันจากโลกโซเชียล สามารถติดตามหนี้จาก “ศิษย์จอมเบี้ยว”ได้ ก็ย่อมสะท้อนให้เห็น “ช่องโหว่” ทางกฎหมายในการติดตามทวงถามหนี้สินจาก “ลูกหนี้ตัวจริง”พอสมควร .. โดยเฉพาะการทำงานของ “เจ้าหนี้” อย่าง “กยศ.”เอง ที่ต้องมีคำถามว่า ที่ ผ่านมาพยายามมากน้อยแค่ไหนในการติดตามทวงหนี้กับบรรดา “ศิษย์เลวๆ”เหล่านั้น .. เพราะ กยศ. ย่อมมีข้อมูลของ “ผู้กู้ยืม”อยู่ในมือ มิใช่ทำงานแบบ "มักง่าย” เอาความสะดวกสบายของตนเองเป็นที่ตั้ง ด้วยการไป “บังคับหนี้”เอากับ “ครู” ผู้ซึ่งเป็นคนค้ำประกัน ..
เท่าที่ติดตามเรื่องราว ก็พบปัญหาเดิมๆว่า “กยศ.” ยังคงทำงานแบบ “เช้าชาม เย็นชาม” ตาม “ระบบราชการ” ทุกระเบียดนิ้ว .. เพราะหาก ทำงานจริงๆ จังๆ อย่างมีสติ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักที่จะติดตามลูกหนี้ ที่มีข้อมูลอยู่ในมือ อีกทั้งศิษย์บางรายของ “ครูวิภา” ยังเป็นข้าราชการอีกต่างหาก ..
ช.ชฎา