xs
xsm
sm
md
lg

กกพ.ไม่ไว้หน้า “บิ๊กป๊อก” ขีดเส้นตาย ซื้อไฟ Quick Win Projects 78 เมกกะวัตต์ ของ “มหาดไทย” **“วัน อยู่บำรุง”ของขึ้นบุกตบ “อริลูกชาย”กลางผับดัง **“สามมิตร”เดินหมาก “แรมโบ้อีสาน” ขย่ม “เสื้อแดง”ได้ผลเกินคาด พล่านทั้งก๊ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**งานนี้มีเคือง!! กกพ.ไม่ไว้หน้า “บิ๊กป๊อก” ขีดเส้นตาย ซื้อไฟ Quick Win Projects 78 เมกกะวัตต์ ของ “มหาดไทย” ยื่นเรื่องไม่ทันสิ้นเดือน ก.ย. ก็อด แถม “ตีตก” คำขอขยายโควตาซื้อไฟฟ้าพลังงานขยะท้องถิ่น อีก 400 เมกกะวัตต์ ตามที่ “มหาดไทย”ชงมา เหตุ “โควตาบวม” เกินความจำเป็น
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  และ  ศิริ จิระพงษ์พันธ์
ไม่มีอะไรในกอไผ่ .. คิวที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ต้องออกหน้าเจรจากับ “เรกูเรเตอร์”คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้ “บางราย”สมัครใจลาออก .. ตามข่าวเหมือนว่า ไปทำอะไรขัดใจเข้า “รัฐบาล คสช.”ก็เลยต้องกดดันให้ “บอร์ด กกพ.”ไขก๊อก .. แต่จริงๆ แล้วก็เป็นไปตามกฎหมาย ที่ระบุว่า “บอร์ดเรกูเรเตอร์”ที่มีกันอยู่ 6 คน รวมประธาน เป็น 7 คน ต้องสลับกันลาออกครึ่งหนึ่งตามวาระ .. แต่ด้วยความที่ว่า บอร์ดชุดนี้ ได้รับการแต่งตั้งโดย มาตรา 44 ก็พาลนึกกันไปว่า จะได้อยู่ยาวๆ แบบพร้อมหน้า พอถูกสะกิดให้ลาออก ก็เลยออกอาการ “หวงเก้าอี้”กันเฉยๆ .. แต่ เรื่อง “ขัดใจ”ก็ใช่ว่าจะไม่มี ด้วยมีข่าวว่า กกพ.ตั้งท่าจะ “ปิดกล่อง”การรับซื้อไฟฟ้าตาม “โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน” แบบ FIT สำหรับ Quick Win Projects 12 โครงการ ใน 8 พื้นที่ จำนวน 78 เมกกะวัตต์ .. ที่เคยขยายระยะเวลามาให้แล้วหนหนึ่ง แต่ติดขัดกระบวนการของ “มหาดไทย”เจ้าภาพหลัก จนทำให้ยื่นเสนอขายไฟให้กับ กกพ. กันไม่ทัน .. งวดนี้ กกพ. ประกาศ “ขีดเส้นตาย”แบบไม่ไว้หน้า “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่ารอบนี้ ยื่นไม่ทันอีก ก็หมดสิทธิ์ ไม่มีการขยายเวลาให้เด็ดขาด .. แต่ 78 เมกกะวัตต์ ที่จะปิดกล่องกันสิ้นเดือนก.ย.นี้ ก็แค่จิ๊บๆ ที่หนักกว่าคงเป็นคิวที่ กกพ.ไม่รับลูก “มหาดไทย”ที่ชงให้ขยายปริมาณ “โควตา”รับซื้อไฟฟ้าจากขยะในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558-2579 (AEDP 2015) มากกว่า ..

เห็นว่าทาง “คลองหลอด” ขอให้เพิ่มไฟฟ้าจาก “ขยะชุมชน”เข้าไปในแผน อีกถึง 400 เมกกะวัตต์ จากเดิมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว 500 เมกกะวัตต์ .. เรียกได้ว่าขอเพิ่ม “เกือบเท่าตัว” ทำเอา “เรกูเรเตอร์”รับไม่ไหว เห็นว่า “มากเกินจำเป็น”และยันกลับไปที่จำนวนเดิม .. โดยได้แจ้งผ่าน ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ให้เป็นผู้ทำหนังสือแจ้ง “ข่าวร้าย”กลับไปยังกระทรวงมหาดไทย .. ว่ากันว่าเหตุที่ “โควตาบวม” ขึ้นมาขนาดนั้น ก็เพราะ “โครงการนำร่อง”โรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว เคยกำหนดขอซื้อไว้แค่ 36 เมกกะวัตต์ เท่านั้น .. แต่พอเรื่องกลับมาให้ ครม.อนุมัติ กลับถูก “ตีโป่ง”ขึ้นมาเป็น 300 เมกะวัตต์หน้าตาเฉย โดยอ้างว่ามีผู้เสนอขายมากถึง 547 เมกกะวัตต์ และผ่านการพิจารณา 224 เมกกะวัตต์ .. ท่ามกลางกลิ่นตุๆ เรื่อง “เมกฯละล้าน” ที่มี “ไอ้โม่ง”ไปปล่อยตั๋วแบบไม่สนใจโควตารับซื้อ .. พอโควตา 3 จังหวัดชายแดนใต้ บวมมาเกือบ 10 เท่าแบบนี้ ก็กระทบโควตาพื้นที่อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. เป็นเหตุให้ “มหาดไทย”เป็นเดือดเป็นร้อน ต้องมากดดัน กกพ. อย่างที่เห็น .. แล้วหาก กกพ. ยืนกรานไม่รับลูกแบบนี้ ไม่รู้ตอนจบจะเป็นยังไง

**เรื่องใหญ่กว่าที่คิด!! “วัน อยู่บำรุง”ของขึ้นบุกตบ “อริลูกชาย”กลางผับดัง จนมีหมายจับติดตัว ต้องเปลี่ยนที่นอนชั่วคราว งานนี้อาจไม่จบง่าย ด้วย “คู่กรณี” ก็แบ็กกราวน์ไม่ธรรมดา แถมวันเกิดเหตุ “ลูกน้องอยู่บำรุง” ดันชักปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า วุ่นวาย ดันสร้างเรื่องในวันที่ไร้อำนาจ “สารวัตรเหลิม”ก็เลยโวยวายไม่ออก
วัน อยู่บำรุง  และ  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
เวลาเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน .. ดังมาตั้งแต่วัยรุ่น "วัน อยู่บำรุง" กับวีรกรรมสร้างชื่อ ที่ทำให้ “ขาใหญ่ฝั่งธน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้เป็นพ่อ ปวดเศียรเวียนเกล้ามานักต่อนัก .. มาวันนี้ จาก “ลูกวัน”กลายมาเป็น “พ่อวัน”ก็ยังมีเรื่องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเขาอยู่เรื่อย .. กระทั่งบทบาท “พ่อ” ที่ดูแลลูกชายรูปหล่ออย่าง “กาโม่” อาชวิน อยู่บำรุง ก็ยังยึดสไตล์ “นักเลงโต” เหนียวแน่น ครั้งหนึ่งยังเคยประกาศล่าหัว “เด็กหัวเกรียน” อริของลูกชาย ผ่านโซเชียลมาแล้ว .. ล่าสุดมีคดีบุกไปทำร้าย “คู่กรณี”ของลูกชาย ที่เป็น “ทายาทร้านทองใหญ่”กลางร้านเหล้าดังย่านทองหล่อ จนถูกแจ้งความ มีหมาย จับติดตัว .. ก่อนที่จะเดินทางไปมอบตัวกับตำรวจกองปราบฯ แต่ติดขัดเรื่องขั้นตอนฝากขัง จนต้องถูกคุมตัวไว้อย่างน้อย 1 คืน เพื่อรอนำตัวไปฝากขังต่อศาลในวันรุ่งขึ้น ..

พลันที่ “ลูกวัน”ขึ้นโรงพัก ก็เหมือนรีไวด์ ย้อนภาพหลายสิบปีก่อน เมื่อ “สุดยอดคุณพ่อ” อย่าง “สารวัตรเหลิม”ต้องกลับมาเยือนถิ่นเก่ากองปราบปรามฯ เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย .. แต่ก็ดีที่ไม่มีช็อตเอะอะมะเท่ง หาเรื่องตำรวจ เอาเรื่องนักข่าว เหมือนครั้งอดีต อีกทั้งยังไม่ติดใจอะไร ที่ลูกชายยังไม่ได้ประกันตัว ก่อนเดินทางกลับไปแบบเงียบๆ เสียด้วย .. มองผิวเผินอาจจะพอสรุปได้ว่า “สารวัตรเหลิม” ดูจะเจียมเนื้อเจียมตัว ในยุคที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ ก็เลยปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย .. แต่แว่วว่า งานนี้ “เรื่องใหญ่กว่าที่คิด” ด้วยคู่กรณีก็มีหัว มีหางเป็น “ทายาทเศรษฐีใหญ่”อีกทั้งก็มี วีรกรรมแสบใช่ย่อย เคยมีคดีพกปืนเที่ยวผับมาก่อน .. อีกทั้ง “วันเกิดเหตุ” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องชกต่อยกันธรรมดา เห็นว่า “ฝ่ายอยู่บำรุง”มีการชักปืน ยิงขึ้นฟ้าข่มขู่กันเสียด้วย ยิ่งสืบลึกไป “ลูกน้องตัวดี” ที่งัดอาวุธคู่กายมายิงขึ้นฟ้า ดันมีคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาติดตัวซะอีก .. ขืนโหวกเหวกโวยวายเหมือนแต่ก่อน อาจทำเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่โดยใช่เหตุ น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้ “ลูกวัน”จำเป็นต้องเปลี่ยนที่นอนชั่วคราว

** เต้นเป็นเจ้าเข้า!! “สามมิตร”เดินหมาก “แรมโบ้อีสาน” ขย่ม “เสื้อแดง”ได้ผลเกินคาด พล่านทั้งก๊ก งัดคาถา “แดงเทียม” ดิสเครดิตอดีตคนคุ้นเคย ท้าทายระวังจะเจอ “ของจริง”ช่วงเลือกตั้ง “เหวง”สำคัญตัวเองผิด แทรกคิวปั่นค่าตัว กร้าว “สมศักดิ์-สุริยะ” มาเชิญก็ไม่สนใจ ทั้งไม่ได้มีชื่ออยู่ในลิสต์สามมิตรเลย
สุภรณ์ อัตถาวงศ์
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ .. เจอไม้เด็ดของ “กลุ่มสามมิตร”ที่ใช้ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช.โคราช เป็น “หมาก” ในการทะลวงฐาน “คนเสื้อแดง” .. พร้อม “ดราม่า”ตอกลิ่มความไม่เหลียวแลของ “บ้านนายใหญ่”ทำเอา “คนเพื่อไทย - แกนนำเสื้อแดง” เต้นกันเป็นเจ้าเข้า.. ต้องเรียงหน้ากันออกมาท่องตำรา “แดงเทียมๆ” กันเป็นแถว เพื่อ “ดิสเครดิต” อดีตคนคุ้นเคย .. ทั้งรายของ ก่อแก้ว พิกุลทอง เสื้อแดงตัวพ่อ ที่ออกมาหวดใส่ว่า ผิดคำพูดแบบนี้ ต่อไปจะอยู่ยาก .. หรือคิวของ “โจทก์เก่า” อย่าง ธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ตอกเรื่องไร้อุดมการณ์ เป็นแค่ “ของปลอม” เท่านั้น .. เช่นเดียวกับ “หมอเชิด” นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงโคราช ที่เคียงบ่าเคียงไหล่มากับ “แรมโบ้อีสาน” ..ที่เย้ยหยันว่าเป็น “ละครน้ำเน่า”พร้อมท้าทาย “สุภรณ์” ว่า ระวังจะเจอ “ของจริง”เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ..

แล้วยังมีแฉลบไปโดน “หมอแคน” อดิศร เพียงเกษ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูก ภิรมย์ พลวิเศษ ผู้ประสานงานกลุ่มสามมิตร ระบุว่าสนใจจะทาบทาม .. กลายเป็นทีของ “หมอแคน” ต้องออกมาสร้างราคาให้เตะตา “นายใหญ่”ประกาศกร้าวไม่ขอสังฆกรรมกับ “เผด็จการทหาร” เด็ดขาด .. แต่ที่ดูจะ "ผิดคิว" ไปหน่อย เห็นจะเป็นรายของ เหวง โตจิราการ แกนนำแดงอีกคน ที่ไม่ปรากฏชื่อเป็น “เป้าหมาย”ของกลุ่มสามมิตร .. ดันออกมาพูดเอง เออเอง “แบบเหวงๆ”ว่า ต่อให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน หรือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร มาทาบทามเอง ก็จะไม่ตอบรับ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเอาอะไรมาล่อ ..

**ภารกิจทิ้งทวน!! เหตุสลดที่ศาลอาญา กระทบภาพลักษณ์ “อาณาจักรโล่เงิน”อย่างแรง กลายเป็น “จำเลยสังคม”ฐานะเป็นคนเขียน “สำนวน” อันเป็นที่มาของเหตุยกฟ้องที่ว่า “หลักฐานอ่อน” งานเข้า “บิ๊กหยม”แม่ทัพนครบาล ต้องลงมาดูเอง ขอสำนวนคดีมารื้อดูใหม่ สร้างความกระจ่างให้สังคม คืนความเป็นธรรมให้ “ครอบครัวผู้สูญเสีย”พร้อมกู้ศรัทธา “สีกากี”ทิ้งทวนชีวิตราชการกำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนนี้
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช
ไม่มีใครอยากให้เกิด .. กรณี นายศุภชัย คัฬหสุนทร กระโดดจากชั้น 8 ของอาคารศาลอาญา รัชดาภิเษก ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต .. ภายหลังจากที่เข้ารับฟังคำพิพากษา คดีที่บุตรชายถูกเเทงจนเสียชีวิต เมื่อราว 2 ปีก่อน ซึ่ง “ศาลชั้นต้น”ตัดสิน “ยกฟ้อง” เนื่องจาก“พยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ” .. หลังเกิดเหตุสลด สุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ก็ได้ออกมาแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้ตายเป็นบิดาของ นายธนิต คัฬหสุนทร ซึ่งเสียชีวิตจากการที่มีผู้ใช้อาวุธมีดปลายแหลม แทงบริเวณร่างกาย เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 59 มี นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลย .. โดยเหตุที่ศาลคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจาก “ประจักษ์พยาน”ที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิต ที่โรงพยาบาล .. ขณะที่พยานหลักฐานอื่น ยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะรับฟังและลงโทษจำเลยได้ จึงมีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” .. อย่างไรก็ตามต้องถือว่า “คดียังไม่ถึงที่สุด”เป็นเพียงการพิพากษาของ “ศาลชั้นต้น”เท่านั้น “ฝ่ายโจทก์” ยังสามารถยื่น “อุทธรณ์-ฎีกา”ต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ต่อไป ..

แต่ก็ต้องเห็นใจ เพราะในมุมมอง “ครอบครัวผู้สูญเสีย”ย่อมรู้สึกผิดหวัง มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม .. อีกทั้งมองว่า“หลักฐานสำคัญ” อย่าง “กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ”เกิดเสียขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ กลายเป็น “ปม”ที่ผิดหวังการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง เจ้าของพื้นที่อยู่แล้ว .. นอกจากนี้ยังมีการระบุจากคนใกล้ชิดว่า “ผู้ตาย” มีภาวะเครียดสะสมอยู่เดิมด้วย นำมาซึ่งความสูญเสียซ้ำสอง .. งานนี้ “ตำรวจ”ก็เลยตกเป็น “จำเลยสังคม” อีกครั้ง ด้วยความที่มีส่วนสำคัญในขั้นตอนการ “เขียนสำนวน”อันเป็นที่มาของเหตุยกฟ้องที่ว่า “หลักฐานอ่อน” ..เป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญ ที่สั่นสะเทือน “อาณาจักรโล่เงิน”อีกหน ร้อนถึง “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ต้องโดดลงมาดูด้วยตัวเอง แม้ว่าจะคดีที่เกิดก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามารับตำแหน่ง “แม่ทัพนครบาล”ก็ตาม .. โดยได้สั่งการให้นำสำนวนคดีทั้งหมดในความดูแลของ สน.ดินแดง มาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อหาช่องทางในการยื่น “อุทธรณ์-ฎีกา” สร้างความกระจ่างให้กับสังคม .. รวมไปถึงอาจจะอำนวยความยุติธรรม คืนความเป็นธรรมให้แก่ “ครอบครัวผู้สูญเสีย” กู้ศรัทธา “สีกากี” ทิ้งทวนตำแหน่ง ผบช.น.ที่ “บิ๊กหยม”กำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนนี้.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น