อีโว โมราเลส ได้กลายเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในเม็กซิโกหลังจากถูกกดดันโดยตำรวจและทหารให้ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีของโบลิเวีย หลังจากอยู่ในอำนาจเกือบ 14 ปี แม้ก่อนหน้านี้จะประกาศว่าจะไม่หนีไปไหน ขออยู่สู้ต่อในศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป
โมราเลสทิ้งให้ปัญหาของโบลิเวียเผชิญกับอนาคตไม่แน่นอน อาจมีการแก่งแย่งอำนาจ! มีนักการเมืองหญิง เป็นรองประธานวุฒิสภา ประกาศขอเป็นผู้นำประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน เป็นประธานาธิบดีรักษาการ จนกว่าจะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งใหม่
เธอจะเป็นสมันน้อยอยู่ในอุ้งเล็บของผู้นำกองทัพที่เขี่ยโมราเลสออกหรือไม่?
และชาวโบลิเวียจะอยู่ในแบบหนีเสือปะจระเข้หรือไม่ ถ้าคนใหม่ไม่ใช่คนดีของแท้! ประเทศต้องการผู้นำซึ่งสามารถวางโครงสร้างฟื้นฟูเพื่อรับสภาพความเปลี่ยนแปลงในประชาคมโลก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน การว่างงาน เงินเฟ้อ ฯลฯ
โมราเลสกลายเป็นผู้นำพลัดถิ่น ผู้นำรัฐบาลเม็กซิโกยินดีต้อนรับเพราะเป็นนักการเมืองสายสังคมนิยมเช่นกัน และยังเห็นด้วยกับเสียงร่ำลือที่ว่าการเปลี่ยนแปลงผู้นำโบลิเวียเป็นการรัฐประหาร โมราเลสยังเสียงแข็งว่าจะขอสู้ทางการเมืองต่อไป
เมื่อหนีไปแล้ว ดูจะยากสำหรับโมราเลส ฐานการเมืองเดิมอยู่ในย่านที่ปลูกโคคา ซึ่งเป็นพืชสำหรับผลิตโคเคน สารเสพติดยอดนิยมในกลุ่มนักซี๊ดมีระดับและกระเป๋าหนัก เมื่อไม่อยู่แล้ว ทำให้เกิดช่องว่างด้านอำนาจ และยังไม่รู้ว่าใครจะมีบารมีรับช่วงต่อได้
และยังจะมีปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านทั้งฝ่ายสังคมนิยมและทุนนิยม
ดูแล้วน่าหวาดเสียวมาก ว่าระบอบประชาธิปไตยมีเลือกตั้งของโบลิเวียผลสุดท้ายจะอยู่ในมือของผู้นำกองทัพ หรือการหวนคืนสู่อำนาจโดยอดีตประธานาธิบดี คาร์ลอส เมซา ซึ่งขับเคี่ยวกับโมราเลสในศึกเลือกตั้งในเดือนตุลาคม และมีข้อกล่าวหาเรื่องตุกติก
โมราเลสแสดงออกให้เห็นการเสพติดอำนาจเหมือนผู้นำประเทศอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ที่บ้านเมืองจะขาดเสียมิได้ ถึงขั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ต่อโดยไม่จำกัดวาระ
จากครอบครัวเกษตรกร โมราเลสเป็นคนพื้นเมือง มีอาชีพปลูกโคคา เมื่อเข้าสู่การเมืองก็พยายามไต่ระดับ จนประสบความสำเร็จด้วยนโยบายสังคมนิยม จากนั้นรวบกิจการต่างๆ เข้าเป็นของรัฐ ไม่แยแสต่อเสียงโวยวายของผู้สูญเสียกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน
เจตนารมณ์ของโมราเลสคือการพยายามยกสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมืองให้พ้นจากสภาพความยากจน ด้อยสิทธิ ด้อยโอกาสต่างๆ พยายามชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2002 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
จากสภาพของการเคลื่อนไหว ด้วยการเป็นผู้นำขวัญใจคนยากจนชนะการเลือกตั้งในปี 2006 โมราเลสได้แก้ไขกฎหมายเพื่อให้การปลูกโคคาเป็นสิ่งที่ทำได้สำหรับเกษตรกร แม้จะมีเสียงท้วงติงจากสหรัฐฯ ว่าพืชโคคาเป็นวัตถุดิบสำหรับสารโคเคนก็ตาม
โมราเลสอ้างว่าอยากให้คนท้องถิ่นปลูกโคคาเพื่อรักษารากฐานทางวัฒนธรรม และประกอบกิจกรรมด้านศาสนา และสกัดกั้นไม่ให้มีการผลิตโคคาเป็นสารเสพติด
ที่สำคัญ โมราเลสได้แก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจมากกว่า 2 สมัย และอยู่มาได้นาน 13 ปี 9 เดือน หวังว่าความนิยมที่ยังมี และฐานอำนาจ จะทำให้อยู่ต่อได้อีก แต่กลุ่มผลประโยชน์ซึ่งเป็นคนในเมืองไม่ปล่อยให้โอกาสทวงอำนาจคืนเสียไป
ประชาชนส่วนหนึ่งภายใต้ระบอบสังคมนิยมเริ่มไม่พอใจ เพราะเศรษฐกิจมีปัญหา ความพยายามจะแก้ไขด้วยความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านก็เอาไม่อยู่ ผลสุดท้ายองค์การแห่งรัฐอเมริกา หรือ Organization of American States เริ่มไม่สนับสนุนโมราเลส
การเลือกตั้งครั้งนั้น การนับคะแนนได้เห็นโมราเลสและเมซาคะแนนสูสีคู่คี่หายใจรดต้นคอกันมา หลังจากหยุดนับคะแนนไป 24 ชั่วโมง คะแนนโมราเลสเริ่มทิ้งห่างเมซา ทำให้เกิดข้อครหาว่ามีการเล่นกลกับข้อมูล นำไปสู่การเดินขบวนประท้วงในถนน
และ OAS นี่แหละที่ชี้ชัดว่าการเลือกตั้งไม่โปร่งใส มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เมื่อการเดินขบวนลามไปหลายเมือง ผู้นำกองทัพฉวยจังหวะนี้สะกิดให้โมราเลสลาออก
โมราเลสเป็นผู้นิยมระบอบสังคมนิยม มีเพื่อนแนวเดียวกันคือผู้นำนิการากัว และเวเนซุเอลา รวมทั้งคิวบา บรรดาเพื่อนโมราเลสต่างชี้ชัดว่าเป็นการ “รัฐประหาร” โดยกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา หลังจากอยู่ภายใต้ระบอบสังคมนิยมเพื่อคนยากจนเกือบ 14 ปี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตทันที หวังว่าโบลิเวียจะกลับคืนอยู่ประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งใหม่ ยิ่งถ้าเลิกราสังคมนิยม ก็จะเข้าทางแนวการเมืองของสหรัฐฯ
แม้จะยังไม่มีผู้นำทันที เพราะรองประธานาธิบดี และประธานวุฒิสภาลาออก ทำให้รองประธานวุฒิสภา เจนีน อันเยส ประกาศว่าตัวเองพร้อมจะรับตำแหน่งทันที และเรียกร้องให้ประชาชนเลิกชุมนุมประท้วง อยู่ในความสงบเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
ภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ต้องมีขึ้นภายใน 90 วัน!
แต่ยังไม่ง่ายว่าเธอจะได้เป็นประธานาธิบดีรักษาการสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่เพราะต้องได้ผ่านการอนุมัติโดยสมาชิกสภาผู้แทน และวุฒิสภา ซึ่งพรรคสนับสนุนของโมราเลสได้กุมเสียงข้างมากไว้อย่างเหนียวแน่น จะเกิดปัญหาทางตันได้
นั่นเป็นหนทางที่ผู้นำกองทัพอาจตัดสินใจผ่าทางตัน ยึดอำนาจรัฐ ไหนๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของโมราเลสไปแล้ว จากนั้นจะรวบอำนาจเองหรือยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ทั้งสภาผู้แทน วุฒิสภา รวมทั้งการเลือกตั้งผู้นำประเทศใหม่
ช่วงเปลี่ยนผ่านของโบลิเวียเพื่อไปสู่อนาคตที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นระบอบใดนั้นจะเป็นเดิมพันของหลายฝ่าย โดยเฉพาะซีกสหรัฐฯ กับรัสเซียและกลุ่มเพื่อนบ้าน