xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ย้อนปฏิบัติการโมเดล“ยิ่งลักษณ์” เทียบชะตากรรม“ไพร่หมื่นล้าน”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จากหัวอกคนเคยโดนมาก่อน! ตามคิวที่ “ตุ๊ดตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สวมบทโหรการเมือง ทำนายอนาคต “ไพร่หมื่นล้าน”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องพ้นสมาชิกภาพส.ส.

“จตุพร”ยกกรณีตัวเอง เมื่อปี 2555 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้สิ้นสภาพจากส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตามรัฐธรรมนูญ กรณีถูกต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 เพราะต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายประธานนปช.ระบุชัด โดนมาตราเดียวกันแต่คนละวงเล็บ ดังนั้นแทบไม่มีโอกาสรอด เหลือแค่ลุ้นว่าจะต้องถูกตัดสิทธิ์กี่ปี

"พ้นสภาพจากส.ส.แน่ๆ แต่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองกี่ปีนั้น อยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการยุบพรรค แต่หลังจากนั้นก็คงไม่รอด เรื่องแบบนี้เมื่อโดนครั้งหนึ่งก็มักจะตามมาเป็นรวงผึ้ง"

เอาว่า ต่อให้ไม่ใช่จตุพรทำนาย สังคมภายนอกก็อ่านสถานการณ์ออก โอกาสรอดของ“ไพร่หมื่นล้าน”เป็นไปอย่างริบหรี่ เลือนราง

ที่ต้องจับตาคือไทม์ไลน์การเมือง มันจะวนเข้าสู่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว โดยเริ่มจาก 20 พฤศจิกายนนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ของ “ธนาธร”ซึ่งการเมืองจะเข้าสู่โหมดร้อนและระทึก

จะเป็น “หมัดชุด”หรือที่ “จตุพร”เปรียบว่า เป็นรวงผึ้ง ไม่ต้องดูไหนไกล เปรียบเทียบสิ่งที่“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เคยเจอเมื่อครั้งดวงตก โดยเฉพาะคดีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำโดยไม่เป็นธรรม

คดีเด้งถวิล ถือเป็นเชื้อที่"ยิ่งลักษณ์" ถูกร้องมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศใหม่ๆ เพียงแต่กระบวนการไต่สวนเป็นไปอย่างช้าๆไม่ว่าจะในชั้นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) และศาลปกครอง

ไม่มีใครคิดว่า ยิ่งลักษณ์จะตกม้าตายกระเด็นตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพียงเพราะโยกย้ายข้าราชการคนเดียว เนื่องจากในอดีตมีหลายรัฐบาลกระทำแบบนี้มาตลอด

แต่เมื่อบริหารประเทศไปสักระยะ การสุมฟืนที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำมาตลอดเริ่มติด กระทั่งไปเข้าทางตอนลักไก่เสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งถือว่า สุกงอมพอดี คดีเก่าๆของยิ่งลักษณ์ ก็ตามมาเป็นพรวน โดยเฉพาะกรณีโยกย้ายถวิล ที่อยู่ในศาลปกครองซึ่งกำลังได้บทสรุป

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ยิ่งลักษณ์โยกย้ายถวิลไม่เป็นธรรม และสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ม็อบ กปปส. ภายใต้การนำของ สุเทพ เทือกสุบรรณ พยายามเผด็จศึกรัฐบาล

ยิ่งลักษณ์รีบคืนตำแหน่งให้ถวิล ทว่า มันไม่ทันการณ์ เพราะคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบไปต่อยอด

“ไพบูลย์ นิติตะวัน”ส.ว.สรรหา ขณะนั้น ไม่รอช้านำเอาคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความสถานะยิ่งลักษณ์

กระทั่ง 7 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการโยกย้ายถวิลรวม 10 คน พ้นจากตำแหน่ง

ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ถูกเชือดภายในวันเดียว แต่มีกระบวนการมาเป็นระยะ ซึ่งถูกมองว่า ธนาธร ก็อาจจะมีจุดจบในแบบเดียวกัน

20 พฤศจิกายนนี้ อาจเป็น“ปฐมบท”ของช่วง “ขาลง”ของพรรคอนาคตใหม่อย่างแท้จริง โดยเริ่มจากสถานภาพ ส.ส.ของธนาธร ผู้เป็นหัวหน้าพรรค

ธนาธร อาจ“ตายเดี่ยว”มากกว่า “ตายหมู่”คือ ยุบพรรคในวันดังกล่าวเลย เพราะย้อนไปดูคำร้องของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2562 คือ“ขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏ หรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อกกต.ว่า
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดอันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6 )ประกอบมาตรา 98 (3)”

ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยเพียงแค่สมาชิกภาพส.ส.ของ “ธนาธร”เพียงเท่านั้น แต่หลังจากนั้น “วิกฤติ”ของธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ จะมาเป็น“รวงผึ้ง” อย่างที่จตุพรทำนายเอาไว้

เมื่อสมาชิกภาพส.ส.ของธนาธร ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ข้อสงสัยเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด จะถูกตั้งคำถามว่า ชอบธรรมหรือไม่ หรือต้องเป็นโมฆะทั้งหมด ในเมื่อหัวหน้าพรรคกระทำผิดกฎหมายเสียแล้ว

แน่นอนว่า มี “หน่วยง้างเท้า”รอ พร้อมจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ในกรณีนี้ และแน่นอนว่าจะต้องมีการถกเถียงกันอีกว่า มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของธนาธร หรือเรื่องของพรรค

ชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ จะลุ่มๆ ดอนๆ หลังจากวันที่ 20 พฤศจิกายน เพราะความคลุมเครือที่เกิดขึ้น จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา

ในขณะเดียวกัน หากดูบทเรียนในอดีต คราว“อดีตผู้นำประเทศ”ถึงคราวซวย ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้อง มักไม่ได้ถูกฟันในคดีเดียว

แต่ศัพท์การเมืองคือ ต้องเอาให้ตาย“คาที่”

มันจะมีคดีความต่างๆ ทยอยได้บทสรุปในเวลาไล่เลี่ยกัน อย่างกรณียิ่งลักษณ์ ที่แม้จะพ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คดีอื่นๆไม่ได้หยุด ยังมีช็อตต่อเนื่องอย่างคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่สุดท้ายถูกตัดสินจำคุก จนต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีออกนอกประเทศไปอยู่กับพี่ชายในต่างแดน

ในขณะที่กรณีของพรรคอนาคตใหม่ ก็ไม่ได้มีคดีถือหุ้นสื่อของธนาธรเพียงคดีเดียว แต่ยังมีหลายแผลที่ถูกร้องเอาไว้ในองค์กรอิสระเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีปล่อยเงินกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาท ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

กรณี“คุณช่อ”พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ บริจาคเงินให้พรรคอนาคตใหม่ 1 ล้านบาท ซึ่งย้อนแย้งกับทรัพย์สินที่แสดงเอาไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีเงินฝากเพียง 9 หมื่นกว่าบาท และระบุในรายได้ปี 2561 ว่า มีเพียง 8 แสนกว่าบาท

ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า เงินนั้นอาจไม่ใช่ของพรรณิการ์ แต่เป็นเงินของคนอื่นที่แค่มาอาศัยชื่อ เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายที่กำหนดให้แต่ละบุคคลบริจาคให้พรรคได้ไม่เกินปีละ 10 ล้านบาท

ไทม์ไลน์ของธนาธร มีลักษณะคล้ายคลึงกับของยิ่งลักษณ์ และมันอาจไม่จบแค่พ้นสมาชิกภาพส.ส. หรือแค่ยุบพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น หากแต่มันอาจรุนแรงกว่า และอาจลงเอยแบบเดียวกันกับยิ่งลักษณ์




กำลังโหลดความคิดเห็น