ชาวบ้านเพิ่งได้เฮเรื่องการจะยกเลิกการใช้สารพิษเคมีเกษตรในประเทศไทย จากที่ผ่านมานโยบายรัฐบาลได้อนุมัติการใช้มานานหลายสิบปี มีผลกระทบด้านสุขภาพชีวิตของประชาชน ความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ เพราะความล่าช้าในการจัดการปัญหา
ทุกวันนี้ ปัญหาที่ว่าก็ยังไม่จบ เหมือนมีบางกลุ่มไม่ให้จบง่ายๆ ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าคนในประเทศนี้มีใครสามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ในยามเดือดร้อน เป็นทุกข์ลำบากหรือไม่ หรือปล่อยให้ประชาชนอยู่ในอุ้งมือของผู้กุมอำนาจและนายทุนใหญ่
มี 3 ประเด็นใหญ่ เกี่ยวโยงโดยตรงกับกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้อำนาจนักการเมือง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนผู้นี้มีประวัติ ความเป็นมาอย่างไร พฤติกรรมในช่วงการเป็นรัฐมนตรี ประชาชนที่ติดตามข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมืองย่อมรู้จักดี
ประชาชนคนห่วงใยสุขภาพดีใจว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้ยกเลิกการใช้สารเคมีฆ่าหญ้า พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส สัปดาห์ที่ผ่านมา กลิ่นผายลมยังไม่ทันจาง มีข่าวทำนองว่านายสุริยะอาจจะให้ใช้สารบางตัวต่อไป
อ้างว่าสหรัฐฯ ยังใช้ไกลโฟเซตอยู่ ดังนั้นไทยควรจะให้มีใช้ต่อไป และนายสุริยะได้รับหน้าที่เป็นประธานคนใหม่ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อแสดงท่าทีอย่างนี้ต้องรอดูว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร โดยจะมีกลุ่มชาวบ้านผู้หนุนให้ใช้ต่อเป็นพลังเสริม
นายสุริยะรู้หรือไม่ว่าได้มีคดีฟ้องร้องในรัฐแคลิฟอร์เนีย คณะลูกขุนตัดสินให้ 2 สามีภรรยาได้รับเงินชดเชยเยียวยา 2 พันล้านดอลลาร์ จากบริษัมมอนซานโต ผู้ผลิตไกลโฟเซตภายใต้ยี่ห้องราวด์อัพ และมีผู้จ้องฟ้องเรียกค่าเสียหายอีกหลายหมื่นราย
นายสุริยะไม่เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรฯ แต่ดูแลโรงงานผลิตสารเคมีเกษตรเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรับรู้ปัญหาของเกษตรกรว่ามีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง และผู้ที่สนับสนุนให้ใช้สารก็ไม่ได้เป็นคนพ่นสารเคมี ผู้รับจ้างเป็นคนรับความเสี่ยง
นายสุริยะไม่จำเป็นต้องรับรู้สภาพของท้องไร่ท้องนา พื้นที่เกษตรว่ามีการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะมีหน้าที่ควบคุมกรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายสุริยะไม่จำเป็นต้องรับรู้ปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคจากสารพิษตกค้างให้ผลิตผลเกษตร และในพื้นที่ดิน แม่น้ำลำคลอง ใช้บริโภคโดยคน สัตว์เลี้ยง และสัตว์น้ำ รวมทั้งผลไม้ พืชผัก เพราะเป็นหน้าที่ภาระรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข
นายสุริยะมีความกล้าหาญชาญชัยมากในข่าวที่ว่าอาจประชุมเพื่อเปลี่ยนมติใหม่ให้ยื้อการใช้ไกลโฟเซตต่อไป ต้องดูว่าจะมีใครในกรรมการชุดใหม่เห็นดีเห็นงามตามนายสุริยะบ้าง และมีแรงบันดาลใจ อย่างไรจึงไม่คำนึงถึงปัญหาภัยต่อสุขภาพ
มีใครจะได้หรือเสียในผลประโยชน์หรือไม่ ถ้าเรื่องไกลโฟเซตจะต้องมีอยู่ต่อไป? เด็กอมมือต้องรู้ว่า มีแน่ เพราะธุรกิจสารเคมีเกษตรเป็นเงินหมื่นๆ ล้านในแต่ละปี ถ้าผู้ค้าจะได้รับประโยชน์จากการขาย ย่อมต้องรู้ว่าแนวทาง “หมูไปไก่มา”
รอดูว่านายสุริยะจะออกฤทธิ์ออกเดชอย่างไร และเสนาบดีเกษตร และสาธารณสุขจะว่าอย่างไร ภายใต้นายกฯ ลุงกระท้อนซึ่งมีท่าทีไม่กระตือรือร้นในเรื่องให้ยกเลิกการใช้ ที่ผ่านมาคำพูดว่า “ให้เป็นไปตามขั้นตอน” บ่งชี้ให้เห็นจุดยืนชัดเจน
กระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่ออกอนุญาตตั้งโรงงานประกอบกิจการอุตสาหกรรม ที่ผ่านมามีปัญหาสารพัดด้านสารพิษ น้ำเสีย ความไม่ปลอดภัยต่างๆ มาตรการแก้ไขป้องกันไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ดังจะเห็นในย่านโรงงานอุตสาหกรรม
ขยะสารพัด และขยะพิษอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมที่อนุมัติให้มีการตั้งโรงงานแยกขยะ แปรสภาพประเทศไทยเป็นนักค้าขยะ และที่ทิ้งขยะจากทั่วโลก เอาขยะมาทิ้งในแผ่นดินที่ควรเป็นแหล่งเกษตรอุดมสมบูรณ์
ลุงกระท้อนไปป่าวร้องให้ชาวโลกรู้ว่าไทยจะรับบทเป็นครัวโลก!
แต่ในยุครัฐบาล คสช.ไทยได้แปรสภาพเป็นที่ทิ้งขยะ เพราะมีคนเชื่อว่าเราควรทำมาหากินแข่งกับซาเล้ง รับแยกขยะหารายได้ แทนที่จะปลูกพืชปลอดสารพิษขายให้ประชาคมโลก นอกเหนือจากคนไทยได้บริโภคอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
“การนำเข้าขยะพลาสติก 5 ปี ช่วงรัฐบาล คสช.เศษพลาสติก (พิกัด 3915) มีหลายรายการ เช่น พลาสติกกลุ่มพอลิเมอร์ที่มักใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารใช้ครั้งเดียวทิ้ง (โพลีเอทิลีน, โพลีโพรพีลีน, โพลีเอทิลีน, เทเรฟทาเลตมีมากกว่า 906,521 ตัน)
ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่าสถานการณ์ธุรกิจขยะข้ามพรมแดนทวีความรุนแรง ภายหลังประเทศจีนแบนการนำเข้าขยะพลาสติก ปี 2561 ซึ่งประเทศผู้ส่งออกขยะพลาสติกมาไทยสูงสุดคือ ญี่ปุ่น 270,174 ตัน
รองลงมาคือ ฮ่องกง 159,903 ตัน สหรัฐฯ 147,828 ตัน ออสเตรเลีย 70,423 ตัน จีน 68,478 ตัน ยังมีอีกหลายประเทศ อาทิ แคนาดา สเปน นิวซีแลนด์ เม็กซิโก
อีกหนึ่งปัญหารุนแรงที่ไม่น้อยไปกว่ากัน “ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste)” กากขยะที่มาจากผลิตภัณฑ์จำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีความรุนแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ตลอด 5 ปี ยุคลุงกระท้อน เมืองไทยมีแนวโน้มการนำเข้าสูงขึ้น รวมทั้งหมด 104,660 ตัน แผ่นดินไทยจึงเป็นที่ทิ้งขยะจากทั่วโลก
นายสุริยะยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร คนไทยอายผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่างฮุนเซน ดูเตอร์เต้ มหาเธร์ มากเพราะไม่ยอมให้ขยะเข้าประเทศ
นายสุริยะยังมีข้อเสนอพิสดารเรื่องเหมืองทองอีก ทำให้คนไทยอยากตะโกนถามดังๆ ว่าประเทศไทยยังมีคนดี ใจซื่อมือสะอาดบริหารจัดการบ้านเมืองหรือไม่!