xs
xsm
sm
md
lg

"สมคิด"ช่วยคนไทยพ้นจน ลุย"ประชารัฐสร้างไทย" แย้ม"ชิมช้อปใช้"เฟส3มาแน่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360-"สมคิด"นำทีม 4 รัฐมนตรี มอบนโยบาย "ประชารัฐสร้างไทย" นำร่อง 8 จังหวัดภาคเหนือ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ผลักดันคนไทยพ้นความยากจน เตรียมลุยช่วยสร้างอาชีพ ยกระดับสินค้า ผลักดันท่องเที่ยวชุมชน พร้อมสั่งคลังเดินหน้าลุยโครงการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 3 หลังเฟส2 เต็ม 3 ล้านรายแล้ว "อุตตม" ขานรับ ขอประเมินผลจากเฟส 1-2 ก่อน คาดใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (30 ต.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” ที่ศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมงานมอบนโยบายในครั้งนี้

นายสมคิดกล่าวว่า นโยบายประชารัฐสร้างไทย ได้นำร่องในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพื่อต้องการให้ประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มฐานราก โดยมุ่งหวังให้ชุมชนเข้มแข็งมีรายได้เลี้ยงชุมชน รัฐบาลได้ดำเนินการสร้างนโยบายเพื่อยกระดับกลุ่มฐานรากพัฒนาชุมชน

"สิ่งที่จะต้องดำเนินการ คือ ต้องหาจุดเด่นของชุมชน เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนและต้องการได้รับการพัฒนายกระดับเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มรายได้ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการสินค้าโอทอป นอกจากนั้น ในเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชน ต้องได้รับการสนับสนุนส่งเสริมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน สิ่งที่จะตามมาหลังจากการท่องเที่ยว คือ ของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งต้องทำให้เชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน"

ส่วนเรื่องกองทุนหมูบ้าน ถือเป็นเรื่องหลักของชุมชน สามารถทำได้ง่าย แต่การจะนำเงินของกองทุนออกไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นเรื่องยาก ด้วยนโยบายของภาครัฐ ประชาชนต้องคิดว่าจะพัฒนาชุมชนของตนเองอย่างไร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพและรายได้ รับบาลพร้อมที่จะสนับสนุน แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนแล้ว ชุมชนจะต้องนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การท่องเที่ยวจากเดิมที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ ปัจจุบันเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง นักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรองเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังช่วยอุดหนุนให้กับผู้มีรายได้น้อย ด้วยการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลได้ออกนโยบายชิมช้อปใช้ มาเพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในแต่ละพื้นที่ ช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากนโยบายดังกล่าว รัฐบาลมีความคาดหวังให้ประชาชนทั่วไปอยู่ดีกินดี โดยในอนาคต บัตรสวัสดิการแห่งรัฐอาจจะมีการทำประกันอุบัติเหตุให้กับผู้มีรายได้น้อยด้วย

นายอุตตมกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ เพื่อทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยหวังให้ทุกชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และมีความยั่งยืน โดยแต่ละชุมชนจะสามารถสร้างรายได้จากอาชีพที่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริม โดยภาครัฐและสถาบันการเงินจะเปิดช่องทางให้เกิดการค้าขายได้จริง โดยมีแหล่งเงินทุน 2.5 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนสร้างงานสร้างอาชีพ ในรูปแบบประชารัฐสร้างสุขสู่ชุมชน ทั้งในโครงการตลาดนัดประชารัฐสร้างไทย จากการผลิตสู่การค้าขายได้จริง สินเชื่อโฮมสเตย์ สินเชื่อแรงงานและสินเชื่อที่ต้องแก้ไขจากหนี้นอกระบบ มีการสร้างตลาดชุมชนสำหรับประชาชน โดยมีธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมสนับสนุน

ทั้งนี้ ยังให้ความสำคัญกับการค้าออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยร้านค้า เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มไม่พกพาเงินสด กระทรวงการคลัง จึงเห็นความสำคัญกับการใช้จ่ายในรูปแบบอีคอมเมิร์ซ โดยการสร้างเครือข่าย และจะขยายออกไปให้ครอบคลุม ซึ่งปัจจุบันร้านค้าขนาดเล็ก เช่น แผงลอย ก็เริ่มมีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมอบนโยบายเสร็จ นายสมคิด ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้ให้กระทรวงการคลังไปศึกษาถึงการทำโครงการชิมช้อปใช้ ระยะที่ 3 หลังจากปิดโครงการเฟส 2 โดยจะต้องประเมินผลมาตรการชิมช้อปใช้เฟส1 และเฟส2 เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้น พร้อมระบุว่า โครงการชิมช้อปใช้ ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้คนไปฟุ่มเฟือย แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การท่องเที่ยวในระดับชุมชน เพื่อชดเชยภาคส่งออกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยมาตรการชิมช้อปใช้ในเฟส 3 ต้องขอให้ใจเย็นๆ เพราะต้องให้เวลากระทรวงการคลังไปประเมินรายละเอียดก่อน

ขณะที่นายอุตตมกล่าวเสริมว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ธนาคารกรุงไทยได้รายงานยอดลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 2 เต็มจำนวนทั้ง 3 ล้านคนแล้ว ทำให้ยอดรวมเฟส 1 และ 2 อยู่ที่ 13 ล้านคน และจะมีสิทธิใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.2562 ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้ระยะที่ 3 คลังต้องขอเวลาประเมินผลมาตรการชิมช้อปใช้เฟสที่ 1 กับ 2 ก่อน โดยคาดจะใช้ระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งต้องรอดูก่อนว่ามาตรการที่ออกไปแล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า หลังจากยอดลงทะเบียนเฟส 2 ครบ 3 ล้านคนแล้ว หลังจากนี้ ต้องรอตรวจสอบการใช้สิทธิตามเวลาที่กำหนด 14 วัน หากไม่ใช้ตามสิทธิ์ กระทรวงการคลังจะนำส่วนดังกล่าวมาเปิดลงทะเบียนใหม่ในรอบเก็บตกให้กับผู้ต้องการรอบต่อไป พร้อมกันนี้ ในวันที่ 31 ต.ค.2562 กระทรวงการคลังจะเติมเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิ์ชิมช้อปใช้เฟส 2 เป็นวันแรก จำนวนกว่า 8 แสนรายวงเงินกว่า 800 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น