ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไม่ขยะ ก็สนิม คือคนที่ “ธนาธร”ไม่เห็นหัว อนาคตใหม่สาวไส้กันต่อสุดติ่ง “พรรคสองบุคคลิก”โกหกหลักการประชาธิปไตย แบ่งชั้นวรรณะไม่มโน ชนชั้นสูงสุด คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร ทั้ง“ช่อ-ปิยบุตร”และ 2 ต. เพื่อนเอก เท่ากับ“มติพรรค”
กลายเป็นพรรคบันเทิงอันดับหนึ่ง ที่มีเรื่องให้ชาวเน็ตได้เช็กกระแสกันทุกวัน อย่างล่าสุด อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต1"ดร.โจ" ชาญวิทย์ ใจสว่าง โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Chanwit Jaisawang จั่วหัวว่า “อนค.โกหกหลักการประชาธิปไตย”เนื้อความ “สาวไส้”ในภาคต่อ ว่าด้วย“สนิมเนื้อใน”และ เผด็จการระบอบอุปถัมภ์ หลังจากสมาชิก 120 คน ยกขบวนกันไปยื่นลาออกจากพรรค เมื่อวันก่อน...
ชาวเน็ตที่จะไม่ว่าจะเป็น“ติ่งส้ม”หรือไม่เป็น อ่านแล้วก็คงซี๊ด !! แต่ไม่รู้ว่า"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค หรือ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" จะเจ็บจี๊ด!! ไปด้วยมั้ย เพราะ อดีตลูกพรรคคนนี้เล่าได้เห็นภาพ เริ่มต้นว่า“ไม่ขยะ ก็สนิม มีค่าแค่นี้ สำหรับคนที่เห็นต่างจากอนาคตใหม่”
แล้วก็เริ่มร่ายยาว จากความรู้สึกของ“คนใน”ระบุว่า “คนภายนอกได้ยินกันแล้ว หัวหน้าพรรคเป็นคนพูดเองว่า ใครคือสนิม สำหรับภายในโดนมามากแล้ว คนแล้วคนเล่า เขาดูถูกคนหน้าใหม่ทางการเมืองมาตลอด... 95%กระแสนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อีก 5% เป็นของส.ส.เขต พูดกันหนาหูเหลือเกิน...
คนข้างนอกอาจรู้สึกเหมือนไม่จริง เพราะจากภาพก่อนหน้านี้เห็นกันว่อนโซเชียลฯ นั่งพื้น นอนเสื่อ กินข้าวช้อนกลางคันเดียว บางคราวลากแตะหูหนีบ สะพายผ้าขาวม้า ขึ้นเครื่องเดินทาง เหมือน "ไพร่หมื่นล้านเดินดินตัวจริง" ตอนอยู่ข้างนอก ผมก็เห็น เหมือนที่คนนอกเห็น แต่พอเข้าข้างในจึงรู้ว่า เป็นคนไม่เห็นหัวคนจริงๆ เขาคิดแต่กำไร ขาดทุน และผลประโยชน์ เหนือสิ่งอื่นใด...
ระบบชนชั้นข้างใน เป็นระบบอุปถัมภ์ เขาวางไว้หมดแล้ว และถูกนำมาแยกชั้นวรรณะ อย่างจริงจัง หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา จากสถานะผู้สมัครส.ส.ที่เคยเริ่มต้นเสมอกัน พอเปลี่ยนเป็น"ท่านส.ส." หลังการเลือกตั้ง พฤติกรรมพวกนี้ออกลาย เริ่มแยก และยกสถานะที่ต่างกันทันที
งานเลี้ยงฉลองหลังเลือกตั้งแยกโต๊ะนั่งกินดื่มกัน เหมือนบ่าวไพร่ ที่เกาะบ่าไหล่ไม่ได้อีกแล้ว ชนชั้นสูงถูกยกขึ้นสูงสุด ไขว่คว้าไม่ถึง โดยมีชนชั้น 2 ห้อมล้อมเป็นประภาคาร คอยสกัดกีดกันชนชั้น 3 ไม่ให้เฉียดเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด ... ชนชั้นสูงสุด นี่ละ ที่เรียกว่า"มติพรรค" เสมอมา กินความแค่ คน 5 คน "ทอน บุต ช่อ และ 2 ต." ชนชั้น 3 ที่ไม่อยากต่ำ อยู่อย่างไร้ค่า หลังแพ้เลือกตั้งพยายามดิ้นหนี ขึ้นชั้นลอยใกล้ติดชนชั้น 2 เหมือนปลาว่ายทวนน้ำ หนีความแห้งแล้งแบบไหนแบบนั้น...
จากนักต่อสู้เพื่อมวลชน ต้องการเป็น ผช.ส.ส. เลยต้อง "กุมไข่" รับใช้ จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชนชั้น 2 เพื่อนำเสนอชั้นสูงสุดให้วางตำแหน่ง ผช.ส.ส. นี้ให้ได้ ที่ใดที่หนึ่ง ตามใจที่ข้างบนชี้ลงไปข้ามภาค ข้ามจังหวัด ที่เหลือที่ "ไม่กุมไข่" คือ ขยะ ที่เกิดจากการหล่อหลอมของพรรค
ส่วนบุคคลภายนอกที่ไม่เลือก อนาคตใหม่ คือ "สนิม"... เห็นบุคคลสองบุคลิกนี้แล้วแทบไม่เชื่อว่านี่คือพรรคที่จะสร้างประชาธิปไตย เริ่มต้นร่วมกันสร้างประชาธิปไตย แต่โครงสร้างถูกสร้างเป็นแท่งเผด็จการ โดยบริหารจัดการกันแบบระบบอุปถัมภ์ห่อหุ้ม ผลลัพธ์ก็ต้องออกมาเป็นเผด็จการอย่างเดียว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้... ผมเห็นเป็นแค่ "กระสือการเมือง" ที่หาอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เจอ เหมือนกระสือที่ล่องลอย แขนขา ตัวตนไม่มีอยู่จริง "หลอกหลอนสร้างประชาธิปไตย" กลับไปกลับมาได้ในคนคนเดียว ผู้ที่ไม่เคยเจอทั้งในรูป คนและกระสือพร้อมกัน ย่อมลังเลเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะ มีคนเริ่มดูออกและจับพิรุธได้แล้วว่า "แปลงร่างสร้างภาพ" ได้อย่างน่ากลัว
640 ตำแหน่ง ผช.ส.ส., ผู้เชี่ยวชาญ, เลขาฯ ที่บอกว่า คิดจากความสามารถ มีนักวิชาการมากมาย ถ้ามันจริงดั่งบอก คนที่ไม่ได้ คงไม่หน้าด้านกล้าออกมาเรียกร้องการจัดสรรแบบนี้หรอก เรามี"ยางอาย" เราอายคนเป็น ยิ่งความสามารถไม่ถึง เท่ากับเสียคนเล่นๆได้เลย คัดสรรอย่างดี แต่ทำไมหนอ ผลออกมาถึงได้เฉพาะ "เพื่อนชนชั้นสูง" ทั้งข้างใน มาจากข้างนอก ทั้งคนที่ไม่เคยร่วมหล่อหลอมมาก่อน ทะลักเข้ามาเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่พรรค ส่วนกลาง และจากสาขา ที่ทำงานอยู่ และที่ถูกส่งไปคุมสาขา กลับย้อนมาเป็นผู้มีความสามารถได้อย่างไร มากมายขนาดนั้น มีทั้งปัญหาคอร์รัปชันเงินสนับสนุนพรรค ชักเปอร์เซ็นต์ขายเสื้อผ้า สร้างบิลค่าใช้จ่ายเท็จ ในการทำกิจกรรมแต่ละเดือน...
ทำไมได้แต่คนสอพลอ นี่คือคำถาม ไม่ได้น้อยใจ เรื่องไม่ได้ตำแหน่งแล้วมาทำลายพรรค รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรหากันแบบนี้ แล้วอ้างความสามารถบังหน้าออกสื่อดูดี มันย้อนแย้งกับหลักการอย่างชัดเจน ความสามารถ 640 คน เปิดให้เห็นหน้า เห็นชื่อ กันไปเลยดีไหม จะได้โชว์ภาพพรรคคุณภาพที่เต็มเปี่ยมไปเหล็กน้ำดีมากที่สุดในประเทศ
นี่หรือ!! พรรคที่จะปราบคอร์รัปชันให้ประเทศ ในเมื่อข้างในแก้คอร์รัปชันตัวเองยังไม่ได้ ... นี่หรือ!! พรรคที่จะเข้าไปแต่งตั้งโยกย้าย ขรก. อย่างเป็นธรรม ในเมื่อ บริหารภายในด้วยระบบอุปถัมภ์ ... นี่หรือ!! พรรค มีอุดมการณ์เดียวกัน จะสร้างประชาธิปไตย แต่ปกครองแบบเผด็จการ...
นี่หรือ!! ไพร่หมื่นล้าน จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ในเมื่อ "ไทยซัมมิท" ปิดพักกิจการ แก้ปัญหาพนักงานไทยซัมมิทให้เขาพ้นวิกฤตก่อนเถิด กรรมาธิการงบฯ มีคนทำกันเยอะแล้ว ค่อยเป็นก็ได้ ในเมื่ออุดมการณ์ของพรรค คือร่วมกันอุ้มชูระบบเผด็จการ กีดกันการเห็นต่าง คงไว้ซึ่งระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นระบบที่เหนี่ยวรั้งการพัฒนาประเทศตลอดมา ย้อนแย้งในหลักการประชาธิปไตยของตัวเอง เราจึงหมดศรัทธากับความใจคดของคุณ...
ว่ากันว่า พอโพสต์ออกไป ปรากฏว่า มีผู้คนเข้ามาคอมเมนต์ กันมากมาย และแน่นอนว่า “วอร์รูม” ของติ่งส้ม เคาะคีย์บอร์ดกันรัวๆ รุมถล่มไม่ยั้ง และนั่น "ดร.โจ" ถูกกดดันหนัก จนถึงกับต้องลบโพสต์ ทำเนื้อความให้ปลิวหายไปในเวลาต่อมา
เห็นต่างก็อย่างงี้สินะ
** สหรัฐฯ ยกข้ออ้างด้านสิทธิแรงงานในไทยที่ไม่เป็นสากล มาเป็นเงื่อนไขตัด GSPโดยไม่ย้อนมองประเทศตัวเองว่ามีท่าทีอย่างไรต่อปัญหาแรงงานต่างด้าว "เจ๊หน่อย" ก็ถือโอกาสบิดข้อมูลถล่มรัฐบาลจนไม่เหลือดี... ส่วน "พ่อฟ้า"ธนาธร ก็เป็นพวก"ชังชาติ" พวก "โปรอเมริกา"อยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจไปกับเรื่องนี้
ปัญหาสหรัฐอเมริกาประกาศตัดสิทธิพิเศษ GSPประเทศไทย โดยจะมีผลในอีก 6 เดือนข้างหน้ากำลังเป็นประเด็นร้อน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย บ้างก็ประเมินมูลค่าความเสียหายไปถึงระดับ 4 หมื่นล้านบาท... ขณะที่รัฐบาลโดย "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ก็ออกมาชี้แจงว่า ความหมายของการตัด GSP คือ ไทยต้องเสียภาษีในการส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ ตามรายการเขาที่ระบุ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ต้องเสียภาษี แต่ต่อไปนี้จะต้องเสีย คิดมูลค่าเป็นเงินภาษีที่ต้องเสีย รวมๆ แล้วก็ประมาณ 1,500-1,800 ล้านต่อปีเท่านั้น
เงื่อนไขที่สหรัฐฯ ยกมาอ้างในการตัด GSP ครั้งนี้ คือ เรื่องปัญหาสิทธิแรงงาน ทั้งไทยและต่างชาติ ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล... "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล" รมว.แรงงาน บอกว่า ที่เขาขอมานั้น แทบว่าจะให้แรงงานต่างด้าวในเมืองไทย ได้สิทธิมากว่าคนไทยเสียด้วยซ้ำ แถมยังจะบังคับให้ตั้งสหภาพแรงงานแบบรวมอุตสาหกรรม...ลองหลับตานึกภาพดู ถ้ามีสหภาพแรงงานของต่างด้าวอย่างที่ว่า ซึ่งมีสมาชิกเป็นล้านๆ คน จะมีอำนาจต่อรองสูงแค่ไหน จะกระทบถึงปัญหาความมั่นคงของไทยหรือไม่ ...แล้วอย่างนี้ไทยยอมทำตามได้หรือ...
แล้วลองย้อนดูในสหรัฐฯ ล่ะ ... สถานการณ์ด้านแรงงานได้ทำอย่างที่เรียกร้องมาหรือไม่ ... อย่าว่าแต่ให้สิทธิแรงงานเทียบเท่าอเมริกันชนเลย แม้แต่แรงงานที่อพยพเข้ามายังถูกกีดกันอย่างเข้มงวด ... ถึงขนาดสร้างกำแพงกันตลอดแนวชายแดน "สหรัฐ-เม็กซิโก" มิใช่เพื่อป้องกันแรงงานที่จะทะลักเข้ามา หรอกหรือ !!
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อสหรัฐฯ ประกาศออกมาแล้ว แต่ยังไม่ถึงเส้นตายที่จะบังคับใช้ ทางรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ ก็พยายามเร่งหาทางเจรจา เพื่อให้มีการทบทวนในเรื่องนี้
ขณะที่ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ก็ถือโอกาสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยชี้ว่า ถ้าสหรัฐฯ ตัด GSP จะเป็นปัจจัยซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว ให้แย่หนักขึ้นไปอีก ... เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ได้ดับหมดแล้ว ทั้งภาคส่งออกที่ติดลบ เพราะค่าบาทแข็ง และสงครามการค้า... ภาคการท่องเที่ยว ชะลอตัวอย่างหนัก ไม่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ เพราะนักลงทุนมองไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย การบริโภคภายในประเทศ ก็ตายสนิท เพราะคนไทยหมดกำลังซื้อ รายได้ลดลงมากว่า 5 ปีแล้ว ... คิดมูลค่าความเสียหายจากการถูกตัด GSP ครั้งนี้ ไม่ต่ำว่า 40,000 ล้านบาท
...เพื่อให้ตัวเองดูดี "เจ๊หน่อย" ก็ถือโอกาสนี้ ขอร้องสหรัฐฯ ในฐานะมิตรประเทศและคู่ค้ากันมานาน ควรพิจารณาด้วยความเป็นธรรมต่อไทย อย่า ให้คนไทยต้องเจ็บตัว จากความผิดพลาดของคณะรัฐบาล คณะเดียว...
สิ่งที่ "เจ๊หน่อย"ยกมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ออกไปทาง "ถล่มรัฐบาล" แบบไม่ให้เหลือดี สร้างความสับสน สร้างความวิตกกังวลให้กับภาคธุรกิจ... ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งการลงทุน การส่งออก ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นนั้น ... โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่ง กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.62) ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีรายได้รวม 2.22 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 โดยแบ่งเป็นรายได้ จากต่างประเทศ 1.429 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 29.465 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.51% และ ในประเทศ 0.79 ล้านล้านบาท
ขณะที่"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดูจะไม่อนาทรร้อนใจ ไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆที่จะปกป้องภาคธุรกิจ จากเรื่องไทยจะถูกตัด GSP ในครั้งนี้ ...ในใจลึกๆอาจจะกำลังรู้สึก "สะใจ" อยู่ก็ได้ เพราะพื้นฐานทางความคิดของเขาที่ "โปรอเมริกา"...และ "ชังชาติ" อยู่แล้วนี่ .
--------------
รูป –ธนาธร กับเพื่อน 2 ต. -- ชาญวิทย์ ใจสว่าง
-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
**ไม่ขยะ ก็สนิม คือคนที่ “ธนาธร”ไม่เห็นหัว อนาคตใหม่สาวไส้กันต่อสุดติ่ง “พรรคสองบุคคลิก”โกหกหลักการประชาธิปไตย แบ่งชั้นวรรณะไม่มโน ชนชั้นสูงสุด คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร ทั้ง“ช่อ-ปิยบุตร”และ 2 ต. เพื่อนเอก เท่ากับ“มติพรรค”
กลายเป็นพรรคบันเทิงอันดับหนึ่ง ที่มีเรื่องให้ชาวเน็ตได้เช็กกระแสกันทุกวัน อย่างล่าสุด อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต1"ดร.โจ" ชาญวิทย์ ใจสว่าง โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Chanwit Jaisawang จั่วหัวว่า “อนค.โกหกหลักการประชาธิปไตย”เนื้อความ “สาวไส้”ในภาคต่อ ว่าด้วย“สนิมเนื้อใน”และ เผด็จการระบอบอุปถัมภ์ หลังจากสมาชิก 120 คน ยกขบวนกันไปยื่นลาออกจากพรรค เมื่อวันก่อน...
ชาวเน็ตที่จะไม่ว่าจะเป็น“ติ่งส้ม”หรือไม่เป็น อ่านแล้วก็คงซี๊ด !! แต่ไม่รู้ว่า"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค หรือ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" จะเจ็บจี๊ด!! ไปด้วยมั้ย เพราะ อดีตลูกพรรคคนนี้เล่าได้เห็นภาพ เริ่มต้นว่า“ไม่ขยะ ก็สนิม มีค่าแค่นี้ สำหรับคนที่เห็นต่างจากอนาคตใหม่”
แล้วก็เริ่มร่ายยาว จากความรู้สึกของ“คนใน”ระบุว่า “คนภายนอกได้ยินกันแล้ว หัวหน้าพรรคเป็นคนพูดเองว่า ใครคือสนิม สำหรับภายในโดนมามากแล้ว คนแล้วคนเล่า เขาดูถูกคนหน้าใหม่ทางการเมืองมาตลอด... 95%กระแสนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อีก 5% เป็นของส.ส.เขต พูดกันหนาหูเหลือเกิน...
คนข้างนอกอาจรู้สึกเหมือนไม่จริง เพราะจากภาพก่อนหน้านี้เห็นกันว่อนโซเชียลฯ นั่งพื้น นอนเสื่อ กินข้าวช้อนกลางคันเดียว บางคราวลากแตะหูหนีบ สะพายผ้าขาวม้า ขึ้นเครื่องเดินทาง เหมือน "ไพร่หมื่นล้านเดินดินตัวจริง" ตอนอยู่ข้างนอก ผมก็เห็น เหมือนที่คนนอกเห็น แต่พอเข้าข้างในจึงรู้ว่า เป็นคนไม่เห็นหัวคนจริงๆ เขาคิดแต่กำไร ขาดทุน และผลประโยชน์ เหนือสิ่งอื่นใด...
ระบบชนชั้นข้างใน เป็นระบบอุปถัมภ์ เขาวางไว้หมดแล้ว และถูกนำมาแยกชั้นวรรณะ อย่างจริงจัง หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา จากสถานะผู้สมัครส.ส.ที่เคยเริ่มต้นเสมอกัน พอเปลี่ยนเป็น"ท่านส.ส." หลังการเลือกตั้ง พฤติกรรมพวกนี้ออกลาย เริ่มแยก และยกสถานะที่ต่างกันทันที
งานเลี้ยงฉลองหลังเลือกตั้งแยกโต๊ะนั่งกินดื่มกัน เหมือนบ่าวไพร่ ที่เกาะบ่าไหล่ไม่ได้อีกแล้ว ชนชั้นสูงถูกยกขึ้นสูงสุด ไขว่คว้าไม่ถึง โดยมีชนชั้น 2 ห้อมล้อมเป็นประภาคาร คอยสกัดกีดกันชนชั้น 3 ไม่ให้เฉียดเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด ... ชนชั้นสูงสุด นี่ละ ที่เรียกว่า"มติพรรค" เสมอมา กินความแค่ คน 5 คน "ทอน บุต ช่อ และ 2 ต." ชนชั้น 3 ที่ไม่อยากต่ำ อยู่อย่างไร้ค่า หลังแพ้เลือกตั้งพยายามดิ้นหนี ขึ้นชั้นลอยใกล้ติดชนชั้น 2 เหมือนปลาว่ายทวนน้ำ หนีความแห้งแล้งแบบไหนแบบนั้น...
จากนักต่อสู้เพื่อมวลชน ต้องการเป็น ผช.ส.ส. เลยต้อง "กุมไข่" รับใช้ จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชนชั้น 2 เพื่อนำเสนอชั้นสูงสุดให้วางตำแหน่ง ผช.ส.ส. นี้ให้ได้ ที่ใดที่หนึ่ง ตามใจที่ข้างบนชี้ลงไปข้ามภาค ข้ามจังหวัด ที่เหลือที่ "ไม่กุมไข่" คือ ขยะ ที่เกิดจากการหล่อหลอมของพรรค
ส่วนบุคคลภายนอกที่ไม่เลือก อนาคตใหม่ คือ "สนิม"... เห็นบุคคลสองบุคลิกนี้แล้วแทบไม่เชื่อว่านี่คือพรรคที่จะสร้างประชาธิปไตย เริ่มต้นร่วมกันสร้างประชาธิปไตย แต่โครงสร้างถูกสร้างเป็นแท่งเผด็จการ โดยบริหารจัดการกันแบบระบบอุปถัมภ์ห่อหุ้ม ผลลัพธ์ก็ต้องออกมาเป็นเผด็จการอย่างเดียว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้... ผมเห็นเป็นแค่ "กระสือการเมือง" ที่หาอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เจอ เหมือนกระสือที่ล่องลอย แขนขา ตัวตนไม่มีอยู่จริง "หลอกหลอนสร้างประชาธิปไตย" กลับไปกลับมาได้ในคนคนเดียว ผู้ที่ไม่เคยเจอทั้งในรูป คนและกระสือพร้อมกัน ย่อมลังเลเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะ มีคนเริ่มดูออกและจับพิรุธได้แล้วว่า "แปลงร่างสร้างภาพ" ได้อย่างน่ากลัว
640 ตำแหน่ง ผช.ส.ส., ผู้เชี่ยวชาญ, เลขาฯ ที่บอกว่า คิดจากความสามารถ มีนักวิชาการมากมาย ถ้ามันจริงดั่งบอก คนที่ไม่ได้ คงไม่หน้าด้านกล้าออกมาเรียกร้องการจัดสรรแบบนี้หรอก เรามี"ยางอาย" เราอายคนเป็น ยิ่งความสามารถไม่ถึง เท่ากับเสียคนเล่นๆได้เลย คัดสรรอย่างดี แต่ทำไมหนอ ผลออกมาถึงได้เฉพาะ "เพื่อนชนชั้นสูง" ทั้งข้างใน มาจากข้างนอก ทั้งคนที่ไม่เคยร่วมหล่อหลอมมาก่อน ทะลักเข้ามาเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่พรรค ส่วนกลาง และจากสาขา ที่ทำงานอยู่ และที่ถูกส่งไปคุมสาขา กลับย้อนมาเป็นผู้มีความสามารถได้อย่างไร มากมายขนาดนั้น มีทั้งปัญหาคอร์รัปชันเงินสนับสนุนพรรค ชักเปอร์เซ็นต์ขายเสื้อผ้า สร้างบิลค่าใช้จ่ายเท็จ ในการทำกิจกรรมแต่ละเดือน...
ทำไมได้แต่คนสอพลอ นี่คือคำถาม ไม่ได้น้อยใจ เรื่องไม่ได้ตำแหน่งแล้วมาทำลายพรรค รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรหากันแบบนี้ แล้วอ้างความสามารถบังหน้าออกสื่อดูดี มันย้อนแย้งกับหลักการอย่างชัดเจน ความสามารถ 640 คน เปิดให้เห็นหน้า เห็นชื่อ กันไปเลยดีไหม จะได้โชว์ภาพพรรคคุณภาพที่เต็มเปี่ยมไปเหล็กน้ำดีมากที่สุดในประเทศ
นี่หรือ!! พรรคที่จะปราบคอร์รัปชันให้ประเทศ ในเมื่อข้างในแก้คอร์รัปชันตัวเองยังไม่ได้ ... นี่หรือ!! พรรคที่จะเข้าไปแต่งตั้งโยกย้าย ขรก. อย่างเป็นธรรม ในเมื่อ บริหารภายในด้วยระบบอุปถัมภ์ ... นี่หรือ!! พรรค มีอุดมการณ์เดียวกัน จะสร้างประชาธิปไตย แต่ปกครองแบบเผด็จการ...
นี่หรือ!! ไพร่หมื่นล้าน จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ในเมื่อ "ไทยซัมมิท" ปิดพักกิจการ แก้ปัญหาพนักงานไทยซัมมิทให้เขาพ้นวิกฤตก่อนเถิด กรรมาธิการงบฯ มีคนทำกันเยอะแล้ว ค่อยเป็นก็ได้ ในเมื่ออุดมการณ์ของพรรค คือร่วมกันอุ้มชูระบบเผด็จการ กีดกันการเห็นต่าง คงไว้ซึ่งระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นระบบที่เหนี่ยวรั้งการพัฒนาประเทศตลอดมา ย้อนแย้งในหลักการประชาธิปไตยของตัวเอง เราจึงหมดศรัทธากับความใจคดของคุณ...
ว่ากันว่า พอโพสต์ออกไป ปรากฏว่า มีผู้คนเข้ามาคอมเมนต์ กันมากมาย และแน่นอนว่า “วอร์รูม” ของติ่งส้ม เคาะคีย์บอร์ดกันรัวๆ รุมถล่มไม่ยั้ง และนั่น "ดร.โจ" ถูกกดดันหนัก จนถึงกับต้องลบโพสต์ ทำเนื้อความให้ปลิวหายไปในเวลาต่อมา
เห็นต่างก็อย่างงี้สินะ
** สหรัฐฯ ยกข้ออ้างด้านสิทธิแรงงานในไทยที่ไม่เป็นสากล มาเป็นเงื่อนไขตัด GSPโดยไม่ย้อนมองประเทศตัวเองว่ามีท่าทีอย่างไรต่อปัญหาแรงงานต่างด้าว "เจ๊หน่อย" ก็ถือโอกาสบิดข้อมูลถล่มรัฐบาลจนไม่เหลือดี... ส่วน "พ่อฟ้า"ธนาธร ก็เป็นพวก"ชังชาติ" พวก "โปรอเมริกา"อยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจไปกับเรื่องนี้
ปัญหาสหรัฐอเมริกาประกาศตัดสิทธิพิเศษ GSPประเทศไทย โดยจะมีผลในอีก 6 เดือนข้างหน้ากำลังเป็นประเด็นร้อน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย บ้างก็ประเมินมูลค่าความเสียหายไปถึงระดับ 4 หมื่นล้านบาท... ขณะที่รัฐบาลโดย "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ก็ออกมาชี้แจงว่า ความหมายของการตัด GSP คือ ไทยต้องเสียภาษีในการส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ ตามรายการเขาที่ระบุ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ต้องเสียภาษี แต่ต่อไปนี้จะต้องเสีย คิดมูลค่าเป็นเงินภาษีที่ต้องเสีย รวมๆ แล้วก็ประมาณ 1,500-1,800 ล้านต่อปีเท่านั้น
เงื่อนไขที่สหรัฐฯ ยกมาอ้างในการตัด GSP ครั้งนี้ คือ เรื่องปัญหาสิทธิแรงงาน ทั้งไทยและต่างชาติ ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล... "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล" รมว.แรงงาน บอกว่า ที่เขาขอมานั้น แทบว่าจะให้แรงงานต่างด้าวในเมืองไทย ได้สิทธิมากว่าคนไทยเสียด้วยซ้ำ แถมยังจะบังคับให้ตั้งสหภาพแรงงานแบบรวมอุตสาหกรรม...ลองหลับตานึกภาพดู ถ้ามีสหภาพแรงงานของต่างด้าวอย่างที่ว่า ซึ่งมีสมาชิกเป็นล้านๆ คน จะมีอำนาจต่อรองสูงแค่ไหน จะกระทบถึงปัญหาความมั่นคงของไทยหรือไม่ ...แล้วอย่างนี้ไทยยอมทำตามได้หรือ...
แล้วลองย้อนดูในสหรัฐฯ ล่ะ ... สถานการณ์ด้านแรงงานได้ทำอย่างที่เรียกร้องมาหรือไม่ ... อย่าว่าแต่ให้สิทธิแรงงานเทียบเท่าอเมริกันชนเลย แม้แต่แรงงานที่อพยพเข้ามายังถูกกีดกันอย่างเข้มงวด ... ถึงขนาดสร้างกำแพงกันตลอดแนวชายแดน "สหรัฐ-เม็กซิโก" มิใช่เพื่อป้องกันแรงงานที่จะทะลักเข้ามา หรอกหรือ !!
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อสหรัฐฯ ประกาศออกมาแล้ว แต่ยังไม่ถึงเส้นตายที่จะบังคับใช้ ทางรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ ก็พยายามเร่งหาทางเจรจา เพื่อให้มีการทบทวนในเรื่องนี้
ขณะที่ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ก็ถือโอกาสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยชี้ว่า ถ้าสหรัฐฯ ตัด GSP จะเป็นปัจจัยซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว ให้แย่หนักขึ้นไปอีก ... เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ได้ดับหมดแล้ว ทั้งภาคส่งออกที่ติดลบ เพราะค่าบาทแข็ง และสงครามการค้า... ภาคการท่องเที่ยว ชะลอตัวอย่างหนัก ไม่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ เพราะนักลงทุนมองไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย การบริโภคภายในประเทศ ก็ตายสนิท เพราะคนไทยหมดกำลังซื้อ รายได้ลดลงมากว่า 5 ปีแล้ว ... คิดมูลค่าความเสียหายจากการถูกตัด GSP ครั้งนี้ ไม่ต่ำว่า 40,000 ล้านบาท
...เพื่อให้ตัวเองดูดี "เจ๊หน่อย" ก็ถือโอกาสนี้ ขอร้องสหรัฐฯ ในฐานะมิตรประเทศและคู่ค้ากันมานาน ควรพิจารณาด้วยความเป็นธรรมต่อไทย อย่า ให้คนไทยต้องเจ็บตัว จากความผิดพลาดของคณะรัฐบาล คณะเดียว...
สิ่งที่ "เจ๊หน่อย"ยกมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ออกไปทาง "ถล่มรัฐบาล" แบบไม่ให้เหลือดี สร้างความสับสน สร้างความวิตกกังวลให้กับภาคธุรกิจ... ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งการลงทุน การส่งออก ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นนั้น ... โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่ง กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.62) ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีรายได้รวม 2.22 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 โดยแบ่งเป็นรายได้ จากต่างประเทศ 1.429 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 29.465 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.51% และ ในประเทศ 0.79 ล้านล้านบาท
ขณะที่"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดูจะไม่อนาทรร้อนใจ ไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆที่จะปกป้องภาคธุรกิจ จากเรื่องไทยจะถูกตัด GSP ในครั้งนี้ ...ในใจลึกๆอาจจะกำลังรู้สึก "สะใจ" อยู่ก็ได้ เพราะพื้นฐานทางความคิดของเขาที่ "โปรอเมริกา"...และ "ชังชาติ" อยู่แล้วนี่ .
--------------
รูป –ธนาธร กับเพื่อน 2 ต. -- ชาญวิทย์ ใจสว่าง
-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์